วันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2567

บุรีรัมย์ แม่ค้าสุดปลื้มตำรวจรับคดี เตรียมออกหมายจับสาวฉกเงินในร้าน

 บุรีรัมย์ แม่ค้าสุดปลื้มตำรวจรับคดี เตรียมออกหมายจับสาวฉกเงินในร้าน



อำเภอแคนดง//แม่ค้าร้านค้าส่งดีใจ หลังรอง ผกก.เรียกเข้าหารือ ก่อนจะสั่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการออกหมายจับเร็วๆนี้ กรณีถูกคนร้ายฉกเงินในร้านถึง 9 ครั้งแต่ตำรวจไม่ยอมทำคดีให้ทั้งที่มีวงจรปิด เจ้าตัวเผยมาพบรอง ผกก.แล้วรู้สึกดี ต่างจากคุยกับพนักงานสอบสวนที่มีแต่”บั่นทอนสุขภาพจิต” 



วันที่ 25 เม.ย.67 กรณีนางชิตากาญจน์ ตามสีรัมย์ อายุ 45 ปี เจ้าของร้านค้าส่ง ตั้งอยู่เลขที่ 120 ม.5 ต.แคนดง อ.แคนดง จ.บุรีรัมย์ ริมถนนสายแคนดง-สตึก ร้องสื่อว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมกับพนักงานสอบสวน สภ.แคนดง อ.แคนดง 



หลังจากนำเอาคลิปวงจรปิดภายในร้านไปแจ้งความ ตั้งแต่เดือน กันยายน 2566 ว่ามีหญิงสาวเข้าไปขโมยเงินในลิ้นชักจำนวนถึง 9 ครั้ง เป็นเงินประมาณ 72,000 บาทโดยภาพในวงจรปิดเห็นชัดเจนว่าเป็นนางสิริมา ดำริห์ อายุ 30 ปี


แต่พนักงานสอบสวนกลับบ่ายเบี่ยง ผัดวันประกันพรุ่ง มาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบันผ่านไปกว่า 8 เดือน สุดท้ายทวงถามทางไลน์ กลับโดนสวนกลับมาว่า”ตำรวจไม่ได้มีเรื่องพวกเจ้าเรื่องเดียวเนาะ หันไปนั่นกะเรื่องหันไปนี่กะเรื่องมีแต่เรื่องของคนอื่นโอ้ยประสาทจะกินก่อนลาออก บางแชทตำรวจส่งภาพสำนวนมาให้ดู เขียนกำกับว่า”มายุบ้านกะบ่ได้อยู่ซือๆนำหมู่ดอกกะเอางานมาเฮ็ดไปนำ“ ก่อนจะนำเรื่องทั้งหมดไปร้องสื่อแล้วถูกนำเสนอเป็นข่าว



ล่าสุด พ.ต.ท.สมบัติ ศรีสังวรณ์ รองผกก.(สอบสวน) สภ.แคนดง อ.แคนดง จ.บุรีรัมย์ ได้เชิญตัวนางชิตากาญจน์ มาสอบถามรายละเอียด โดย รอง ผกก.สอบสวน แจ้งให้ผู้เสียหายทราบว่า จะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุดและเต็มที่ ขโมย 9 ครั้งก็จะแจ้งเป็น 9 กรรม ตามกระบวนการของกฎหมาย และจะให้ชุดสืบสวนตามไปจับกุมที่จังหวัดสกลนคร ซึ่งเป็นบ้านของคนร้ายมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด



นางชิตากาญจน์ กล่าวยอมรับว่า พอมาคุยกับรอง ผกก.แล้วสบายใจเพราะก่อนหน้านี้ไม่เคยพบท่านรองมาก่อน เจอแต่พนักงานสอบสวนที่พูดแต่ละคำมีแต่บั่นทอนสุขภาพจิต พอมาเจอท่านรองบอกว่าจะทำคดีนี้ให้เต็มที่ และจะเร่งคดีให้เร็วที่สุด จึงยิ้มออกพร้อมกับให้หัวใจในท่ามินิฮาร์ท 


นางชิตากาญจน์ กล่าวด้วยว่าตนยังตั้งความหวังเหมือนเดิมคือต้องการให้ผู้กระทำสำนึกในสิ่งที่กระทำลงไปไม่ต้องไปทำกับคนอื่นอีกเพราะผู้ถูกกระทำเป็นฝ่ายเจ็บช้ำ เพราะสังคมทำแต่สิ่งดีๆให้กัน


ยอมรับว่าเห็นใจและสงสาร เขาพยายามมาขอโทษหลังก่อเหตุ ฉันก็ยกโทษให้ไม่จองเวรจองกรรมกัน แต่ทางกฎหมายต้องดำเนินไปให้กฎหมายศักดิ์สิทธิ์ ไม่เคยเครียดแค้น ตรงกันข้ามกลับสงสารสามีและลูก 2 คนที่สามีเป็นฝ่ายเลี้ยงคนเดียว ส่วนภรรยาหนีคดีที่นี่ไปอยู่บ้านที่ จ.สกลนคร แต่กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย/////////////////


ธีรยุทธ์ ชำนาญกอง จ.บุรีรัมย์ รายงาน


คิวภาพ//บรรยากาศการพูดคุยกับตำรวจ//ตำรวจรับปากจะทำคดี//เสียงเจ้าของร้าน//แฟ้มภาพเดิม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น