วันอังคารที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

7 ประเทศส่ง 108 ภาพ ”ประกวดภาพข่าวอาเซียน 2024”

 7 ประเทศส่ง 108 ภาพ ”ประกวดภาพข่าวอาเซียน 2024” 




7 ประเทศอาเซียน ส่ง 108 ภาพ เข้าประกวดภาพถ่ายอาเซียน 2024 หัวข้อ "การท่องเที่ยวยั่งยืน" โดย สมาพันธ์สื่อมวลชนแห่งประเทศไทย รับมอบหมายจาก สมาพันธ์สื่อมวลชนแห่งอาเซียน เป็นเจ้าภาพจัด คณะกรรมการฯ คัดรอบแรกเหลือ 37 ภาพเข้ารอบตัดสิน 30 พ.ค. นี้




เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 2567 เวลา 13.00 น. ที่สมาพันธ์สื่อมวลชนแห่งประเทศไทย  คณะกรรมการกลั่นกรองภาพการประกวดภาพถ่ายอาเซียน 2024 ในหัวข้อ "การท่องเที่ยวยั่งยืน" มี นายมงคล บางประภา ประธานสมาพันธ์สื่อมวลชนแห่งประเทศไทย เป็นประธานกรรมการ และผู้ทรงคุณวุฒิประกอบด้วย นายอนันต์ นิลมานนท์ นายกสมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศ ไทย (สภท.), นายพิสิฐ เสนานันท์สกุล ศิลปินนักถ่ายภาพไทย 2552, นายภานุมาศ สงวนวงษ์ ผู้ก่อตั้งสำนักข่าว Thai News PIX, นายวีรพจน์ อินทรพันธ์ บรรณาธิการข่าวต่างประเทศ นสพ.ไทยรัฐ, นายสายัณห์ พรนันทารัตน์ อดีตบรรณาธิการฝ่ายภาพ หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ โดยมีนายภากร ยังแจ่ม เลขาธิการสมาพันธ์สื่อมวลชนแห่งประเทศไทย และนายดำฤทธิ์ วิริยะกุล ผู้อำนวยการสมาพันธ์ฯ ร่วมกันพิจารณากลั่นกรองภาพถ่ายที่สมาชิกสมาพันธ์สื่อมวลชนแห่งอาเซียนส่งเข้าประกวด 7 ประเทศ ได้แก่ สปป.ลาว, กัมพูชา, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และไทย รวมทั้งสิ้นจำนวน 108 ภาพ



ทั้งนี้ คณะกรรมการกลั่นกรองฯ ได้พิจารณาภายใต้เกณฑ์การตัดสินประกอบด้วย การนำเสนอภาพที่ตรงตามวัตถุประสงค์ของหัวข้อที่ประกวด, ความคิดสร้างสรรค์และสื่อให้เห็นตามเจตนาที่ต้องการนำเสนอ, องค์ประกอบและมุมของภาพ, ความยากในการเก็บภาพ, คุณภาพของภาพ คัดเลือกภาพถ่ายแต่ละประเทศ เพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการตัดสินชุดใหญ่ เพื่อพิจารณาตัดสินในวันที่ 30 พฤษภาคม 2567 ต่อไป 


ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่น

กรองฯ มีภาพผ่านการพิจารณากลั่นกรองคัดเลือกทั้งสิ้น จำนวน 37 ภาพ ได้แก่ ภาพถ่ายจาก สปป.ลาว จำนวน 3 ภาพ, กัมพูชา จำนวน 6 ภาพ, มาเลเซีย จำนวน 2 ภาพ, เวียดนาม จำนวน 2 ภาพ, อินโดนีเซีย จำนวน 5 ภาพ, ฟิลิปปินส์ จำนวน 9 รูป และจากประเทศไทย จำนวน  10 ภาพ



นอกจากนี้ในส่วนของประเทศไทย คณะกรรมการกลั่นกรองฯ ได้พิจารณาคัดเลือกภาพจากจำนวน 10 ภาพที่เข้ารอบแรกแข่งขันชุดใหญ่เข้ารับรางวัลเฉพาะในส่วนประเทศไทย คือรางวัล ”ภาพข่าวท่องเที่ยวไทย 2024” จำนวน 3  รางวัล 


สำหรับการจัดประกวดภาพข่าวอาเซียน 2024 ครั้งนี้ สมาพันธ์สื่อมวลชนแห่งประเทศไทย ได้รับมอบหมายจาก สมาพันธ์สื่อมวลชนแห่งอาเซียนให้เป็นเจ้าภาพจัดประกวดฯ โดยมีผู้สนับสนุนหลักได้แก่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), บริษัท บุญรอดบริวเวอร์รี่ จำกัด (น้ำดื่มสิงห์) และสามย่านมิตรทาวน์ โดยจะมีการประกาศผลการตัดสินและมอบรางวัล ในงานครบรอบ 44 ปี สมาพันธ์สื่อมวลชนแห่งประเทศ ไทย วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน 2567 เวลา 13.00 น. ณ ห้องมิตร-ติ้ง รูม สามย่านมิตรทาวน์ กรุงเทพฯ.

_____


#สมาพันธ์สื่อมวลชนแห่งประเทศไทย

โกโก้ดัทช์ ลุยตลาด เปิดตัวเมนูใหม่ “ดับเบิ้ลโกโก้ครีมชีส” สไตล์ดัทช์เจ้าแรก ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า Urban lifestyle ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน

 โกโก้ดัทช์ ลุยตลาด เปิดตัวเมนูใหม่ “ดับเบิ้ลโกโก้ครีมชีส” สไตล์ดัทช์เจ้าแรก ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า Urban lifestyle ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน

 


โกโก้ดัทช์ ผู้นำตลาด กลุ่มสินค้าผงชงดื่มโกโก้ ภายใต้การบริหาร บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ บีเจซี ร่วมกิจกรรมออกร้านคณะภริยาทูต ครั้งที่ 57 ในนามของสถานฑูตเนเธอร์แลนด์ พร้อมเปิดตัวเมนูใหม่ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า urban lifestyle ขยายฐานลูกค้าจับกลุ่มเซกเมนท์คนรุ่นใหม่ ผ่านกลยุทธ์ไลฟ์สไตล์เมนู “Double Cocoa Cream Cheese : ดับเบิ้ลโกโก้ครีมชีส” รังสรรค์เป็นเมนูสุดพิเศษสไตล์ดัทช์เจ้าแรกที่กำลังมาแรงในรูปแบบเฉพาะตัวของโกโก้ดัทช์ มอบประสบการณ์ความอร่อยสุดดื่มด่ำหลากมิติรส ด้วยความอร่อยของโกโก้เข้มข้น กลมกล่อม จากผงโกโก้แท้ 100% เกรดพรีเมี่ยมจากเนเธอร์แลนด์ ผลิตโดยกรรมวิธี Dutch Processed เพิ่มสุนทรีย์ของรส ผสมผสานความอร่อยด้วยครีมชีสโกโก้ หอม มันนัว เบาฟู ที่สุดของความละมุน 


สัมผัสความอร่อยเข้ม เต็มฟีลโกโก้ ในงานออกร้านคณะภริยาฑูตครั้งที่ 57 ระหว่างวันที่ 17-19 พฤษภาคม 2567 ณ พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน

___


#สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย

หาดทิพย์รายได้ไตรมาส 1’2567 โตต่อเนื่อง 3.8% พร้อมปรับกลยุทธ์สร้างรายได้และเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มกำไร

 หาดทิพย์รายได้ไตรมาส 1’2567 โตต่อเนื่อง 3.8% พร้อมปรับกลยุทธ์สร้างรายได้และเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มกำไร

 


กรุงเทพฯ 21 พฤษภาคม 2567 – หาดทิพย์แถลงผลงานไตรมาส 1 ปี 2567 โชว์ยอดขายเติบโตร้อยละ 3.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยเป็นผลจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว การปฏิบัติการในตลาด และสภาพอากาศ แต่ต้นทุนน้ำตาลและกระป๋องบรรจุเครื่องดื่มที่เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบต่อกำไรขั้นต้นและผลการดำเนินงานในภาพรวมเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคาดการณ์ผลการดำเนินงานตลอดทั้งปีในเชิงบวก โดยจะใช้กลยุทธ์สร้างรายได้และเพิ่มประสิทธิภาพตลอดช่วงไตรมาส 2 ต่อเนื่องจนถึงไตรมาส 4 ปีนี้


บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) หรือ HTC ผู้รับลิขสิทธิ์การผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในเครือโคคา-โคล่าในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ จากเดอะ โคคา-โคล่า คัมปะนี (ประเทศสหรัฐอเมริกา) แถลงผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ประจำปี 2567 โดยบริษัทฯ มีรายได้จากการขายเท่ากับ 2,129.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 78.7 ล้านบาท หรือเพิ่มร้อยละ 3.8 เทียบจากช่วงเดียวกันของปี 2566 ที่มีรายได้จากการขายเท่ากับ 2,050.4 ล้านบาท จากปริมาณการขายเครื่องดื่ม 19.1 ล้านยูนิตเคส ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.0 จากช่วงเดียวกันของปี 2566 ที่เท่ากับ 18.3 ล้านยูนิตเคส โดยรายได้และปริมาณการขายเติบโตขึ้นจากการฟื้นตัวของธุรกิจการท่องเที่ยว การปฏิบัติการในตลาด และสภาพอากาศร้อน ทั้งนี้ จากข้อมูลธนาคารแห่งประเทศไทย จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ณ ไตรมาส 1 ปี 2567 สูงถึง 9.4 ล้านคน ในขณะที่ช่วงเดียวกันของปี 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ 6.5 ล้านคนเท่านั้น


ในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีต้นทุนขายเท่ากับ 1,269.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 88.8 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น ร้อยละ 7.5 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 ที่ต้นทุนขายเท่ากับ 1,181.1 ล้านบาท ขณะที่กำไรขั้นต้นเท่ากับ 859.3 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 เท่ากับ 869.3 ล้านบาท ลดลง 10.0 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 1.2 อันเป็นผลมาจากราคาน้ำตาลและกระป๋องบรรจุเครื่องดื่มที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ อัตราร้อยละ 40.4 ลดลง 2.0 จุดเปอร์เซ็นต์ จากช่วงเดียวกันของปี 2566 ที่อัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ ร้อยละ 42.4 ซึ่งเมื่อพิจารณาจากต้นทุนค่าใช้จ่ายในการจัดจำหน่าย ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ตลอดจนต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย ทำให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 183.0 ล้านบาท เปรียบเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรจำนวน 199.3 ล้านบาท ลดลงจำนวน 16.3 ล้านบาท หรือ ลดลงร้อยละ 8.2 ทั้งนี้ บริษัทฯ มีอัตรากำไรสุทธิของไตรมาส 1 ปี 2567 เท่ากับ ร้อยละ 8.6

 

พลตรี พัชร รัตตกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้ให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า “เมื่อดูจากแนวโน้มยอดขายและการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยวในภาคใต้แล้ว เราเชื่อมั่นว่าเราจะยังสามารถสร้างยอดขายและผลกำไรได้ตามที่คาดการณ์ไว้สำหรับตลอดทั้งปี 2567 โดยเราได้ดำเนินมาตรการที่จะลดผลกระทบจากต้นทุนที่สูงขึ้นด้วยการใช้กลยุทธ์บริหารการเติบโตของรายได้ผ่าน ขนาดและรูปแบบผลิตภัณฑ์ (Pack mix) และช่องทางการจำหน่าย (Channel mix) ตลอดจนการปรับราคาขาย นอกจากนี้ เรายังมีนวัตกรรมใหม่ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์ไม่มีน้ำตาล เช่น โคคา-โคลา® ไม่มีน้ำตาล กลิ่นไลม์ และ โคคา-โคลา® ครีเอชันส์ เค-เวฟ ซึ่งเราเชื่อมั่นว่ามาตรการเหล่านี้จะช่วยทำให้ตัวเลขผลประกอบการทั้งปีออกมาในทิศทางดีขึ้น”


ทั้งนี้ ข้อมูลจาก นีลเส็น ประเทศไทย ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2567 เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วชี้ให้เห็นว่าอุตสาหกรรมเครื่องดื่มพร้อมดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ (non-alcoholic ready-to-drink) ในพื้นที่ภาคใต้เติบโตถึงร้อยละ 14.5 ในขณะที่อุตสาหกรรมเครื่องดื่มพร้อมดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ทั้งประเทศไทยเติบโตร้อยละ 11.3 โดยหาดทิพย์ยังคงรักษาความเป็นผู้นำในตลาดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาด ร้อยละ 25.1 และส่วนแบ่งการตลาดน้ำอัดลมในไตรมาส 1 ปี 2567 ได้ที่ระดับร้อยละ 79.2

____


#สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย

ประชุมคณะกรรมการสภาสถาบันการอาชีวศึกษาภาคกลาง 5 ครั้งที่ 4/2567

 ประชุมคณะกรรมการสภาสถาบันการอาชีวศึกษาภาคกลาง 5 ครั้งที่ 4/2567 



เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2567 เวลา 09.00 น. นายอรรถการ ตฤษณารังสี นายกสภาสถาบันการอาชีวศึกษาภาคกลาง 5 เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการสภาสถาบันการอาชีวศึกษาภาคกลาง 5 ครั้งที่ 4/2567 ผู้เข้าร่วมประชุมนอกจากคณะกรรมการสภา ได้แก่ ผู้บริหารสถาบันฯ และผู้บริหารวิทยาลัยในสังกัดสถาบัน 

สาระสำคัญของการประชุม ได้แก่ ประธานแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับแนวทางการทำงาน และการขับเคลื่อนสถาบันฯ อย่างมีคุณภาพ 








โดยช่วงเวลาระหว่างนี้เป็นช่วงที่ผู้บริหารสถาบันฯ ชุดเดิม หมดวาระการดำรงตำแหน่ง และได้แต่งตั้งให้ นายธีรวิทย์ หทัยรัตนานนท์ ผู้อำนวยการสำนักยุทธศาสตร์ฯ รักษาราชการแทน ซึ่งจะทำงานจะต้องต่อเนื่องทั้งยุทธศาสตร์หลัก ยุทธศาสตร์เสริมของสถาบัน และมีการเสนอผู้ทำหน้าที่ช่วยเลขานุการสภาสถาบัน จากนั้นได้มีการนำเสนอรายงานโครงการขยายเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในการจัดการศึกษาระบบทวิภาคีทั้งในประเทศและต่างประเทศ (ระยะที่ 3 การขับเคลื่อนความร่วมมือระหว่างสถาบันการอาชีวศึกษาภาคกลาง 5 กับ เครือข่ายวิสาหกิจชุมชนตามศาสตร์พระราชา) ความร่วมมือจัดการเรียนการสอนสาขายานยนต์ไฟฟ้ากับประเทศจีนของวิทยาลัยเทคนิคประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งมีนักศึกษาร่วมโครงการจำนวน 14 คน และความร่วมมือพัฒนาหลักสูตรทวิวุฒิ สาขาวิชาเทคโนโลยีการผลิตอุปกรณ์อัจฉริยะของวิทยาลัยเทคนิคสมุทรสงครามกับประเทศจีน ซึ่งจะเปิดรับนักศึกษาในปีการศึกษา 2568 จากนั้นเป็นการรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์หลักและยุทธศาสตร์เสริม ไตรมาสที่ 1 และไตรมาสที่ 2 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567  ของสถาบันการอาชีวศึกษาภาคกลาง 5 และของวิทยาลัยในสังกัดทั้ง 7 แห่ง โดยทั้งสถาบันฯและวิทยาลัยได้แสดงให้เห็นศักยภาพและการขับเคลื่อนตามนโยบายของสถาบัน และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาอย่างเต็มความสามารถ และได้รับการชื่นชมจากกรรมการสภาสถาบัน จากนั้นเป็นการรายงานจำนวนนักเรียน นักศึกษาแรกเข้าระดับปวช. ปวส. และปริญญาตรี ปีการศึกษา 2567 สถาบัน ฯ ซึ่งอาชีวบัณฑิตต้องนำข้อสังเกตจากจำนวนผู้เรียนเรียนไปวิเคราะห์เพื่อสร้างความยั่งยืนต่อไป   สำหรับวาระพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันการอาชีวศึกษาภาคกลาง 5 นั้นได้คัดเลือก นายราเชนทร์  มณีสว่างวงศ์ กรรมการสภาสถาบันผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นประธาน นายอรุณ เกลื่อนพันธ์ ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคสมุทรสงครามเป็นกรรมการและเลขานุการ และในวาระอื่นได้มีการเสนอให้ปรับปรุงคำสั่งอนุกรรมการของสถาบันฯ เพื่อให้เกิดความเหมาะสมและทำงานต่อได้อย่างต่อเนื่อง และได้มีการรายงานโครงการพัฒนากำลังคนสมรรถนะสูงต่างประเทศ โดยความร่วมมือกระทรวงแรงงานและมูลนิธิ IM Japan ที่สถาบันฯ ได้รับมอบหมายจากที่ประชุมนายกสภาสถาบันทั้ง 23 แห่ง และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาให้เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนนั้นมีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องและลงพื้นไปยังกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งวันที่ 10 มิถุนายน 2567 นี้ก็ได้มีการนัดหมายกระทรวงแรงงานและมูลนิธิ IM Japan เพื่อกำหนดรายละเอียดในการทำงานในส่วนต่อไป

GULF Sparks Smiles มอบรอยยิ้มสดใสให้ชุมชน ปี 4 หน่วยที่ 2 ลงพื้นที่ จ.อยุธยา รักษาฟันฟรีให้ประชาชน พร้อมเปิดโอกาสเรียนรู้ให้เยาวชนจิตอาสา

 GULF Sparks Smiles มอบรอยยิ้มสดใสให้ชุมชน ปี 4 หน่วยที่ 2 ลงพื้นที่ จ.อยุธยา รักษาฟันฟรีให้ประชาชน พร้อมเปิดโอกาสเรียนรู้ให้เยาวชนจิตอาสา



 

​ปัญหาสุขภาพช่องปากเป็นปัญหาที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนและทุกช่วงวัย โดยจากการสำรวจสภาวะสุขภาพช่องปากแห่งชาติ โดยกระทรวงสาธารณสุข พบว่า เด็กไทยกว่า 50% มีปัญหาฟันผุ และมากกว่า 60% ของผู้ใหญ่มีปัญหาโรคเหงือกอักเสบ ขณะที่การเข้าถึงบริการทันตกรรมของคนไทยยังต่ำกว่า 10% ทั้งนี้ การสร้างความเสมอภาคด้านสุขภาพช่องปากจึงมีความสำคัญ เพราะทำให้ประชาชนเข้าถึงและได้รับการดูแลด้านสุขภาพช่องปากอย่างเท่าเทียม เป็นการลดความเหลื่อมล้ำในด้านการเข้าถึงบริการทางสาธารณสุข

 



​โครงการ ‘GULF Sparks Smiles มอบรอยยิ้มสดใสให้ชุมชน ปี 4’ นำโดย บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นโครงการออกหน่วยทันตกรรมเคลื่อนที่ มีเป้าหมายเพื่อให้บริการรักษาฟันฟรี ในพื้นที่ห่างไกลและขาดโอกาสในการเข้าถึงการรักษาที่มีประสิทธิภาพ โดยโครงการฯ นี้ดำเนินต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 4 แล้ว ล่าสุดได้ลงพื้นที่ออกหน่วยที่ อบต.หนองน้ำใส อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา ในวันที่ 15-16 พ.ค. 67  ซึ่งได้ให้บริการผู้ที่เข้ามารักษาปัญหาสุขภาพช่องปากไปมากกว่า 570 เคส

 


​รศ.ทพ.ดร.ชาญวิทย์ ประพิณจำรูญ อาจารย์ประจำภาควิชาเวชศาสตร์ช่องปาก คณะทันตะ จุฬาฯ กล่าวว่า “โครงการออกหน่วยทันตกรรมเคลื่อนที่เป็นโครงการที่ทางคณะทันตะ จุฬาฯ ทำมาอยู่แล้ว และต้องการขยายความช่วยเหลือไปสู่ประชาชนมากขึ้น จึงเกิดเป็นโครงการ ‘GULF Sparks Smiles มอบรอยยิ้มสดใสให้ชุมชน’ ที่ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทกัลฟ์ ซึ่งได้ดำเนินโครงการฯ ร่วมกันมาเป็นปีที่ 4 แล้ว และในการออกหน่วยครั้งนี้ ได้เลือกพื้นที่ อบต.หนองน้ำใส เนื่องจากเป็นพื้นที่ตรงกลางที่ประชาชนจากทั้ง จ.พระนครศรีอยุธยา และ จ.สระบุรี สามารถเดินทางมาได้ง่าย ซึ่งเป็นการสร้างโอกาสในการเข้าถึงการรักษาทันตกรรมมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ประชาชนได้รับการรักษาทางทันตกรรมอย่างเท่าเทียม โดยการรักษาฟัน ไม่จำกัดว่าจะเป็นใคร แต่ขอให้โอกาสนั้นทั่วถึงทุกคนทั้งประเทศ ซึ่งคือจุดยืนของโครงการทันตกรรมพระราชทาน คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย”

 


​ด.ญ.ปราณรัก บ่ายคล้อย ตัวแทนนักเรียนอาสาสมัคร จากโรงเรียนสาธิตจุฬาฯ กล่าวว่า “รู้สึกดีใจที่มีโอกาสได้ร่วมเป็นอาสาสมัครของโครงการ GULF Sparks Smiles รู้สึกว่าโครงการนี้ดีมาก ช่วยสนับสนุนคนที่ไม่มีงบประมาณในการทำฟัน และอาจจะละเลยร่างกายของตัวเอง ซึ่งโครงการนี้ทำให้คนเหล่านั้นหันกลับมาสนใจร่างกายตัวเอง รวมถึงยังเปิดโอกาสให้นักเรียนที่มีจิตอาสาได้มาลงพื้นที่กับโครงการฯ ด้วย ทำให้ได้มีประสบการณ์จริงๆ ร่วมกับทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อช่วยต่อยอดในการเรียนต่อไปในอนาคต”

 


​โครงการ ‘GULF Sparks Smiles มอบรอยยิ้มสดใสให้ชุมชน’ เป็นโครงการที่ให้บริการตรวจฟันเบื้องต้นฟรี ทั้งอุดฟัน ถอนฟัน ขูดหินปูน เคลือบฟลูออไรด์ เอกซเรย์ และผ่าฟันคุด ซึ่งกัลฟ์มีความมุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตให้ทุกคนสามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุขได้อย่างเท่าเทียม รวมไปถึงการเปิดโอกาสทางการศึกษาให้กับเยาวชนควบคู่กันอีกด้วย สอดคล้องกับแนวคิด ‘Powering the Future, Empowering the People’

 


​ในปีนี้จะมีการออกหน่วยทั้งหมด 4 ครั้ง โดยครั้งต่อไปจะขยายพื้นที่ความช่วยเหลือไปที่ จ.ระยอง และกลับมาออกหน่วยทันตกรรมเคลื่อนที่ครั้งสุดท้ายที่ คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เนื่องในวันทันตสาธารณสุข โดยผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook page ‘Gulf SPARK’

____


#สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย

โรงพยาบาลในเครือ BDMS จัดงาน AIA Sharing A Life ครั้งที่ 11 มอบบริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่แก่ประชาชน โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

 โรงพยาบาลในเครือ BDMS จัดงาน AIA Sharing A Life ครั้งที่ 11 มอบบริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่แก่ประชาชน โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

 


กรุงเทพฯ 20 พฤษภาคม 2567 – เอไอเอ ประเทศไทย ร่วมมือกับ โรงพยาบาลในเครือ BDMS มอบบริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่แก่ประชาชน โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ภายใต้โครงการ AIA Sharing A Life ครั้งที่ 11 นำโดย นายแพทย์ประมุกข์ ทรงจักรแก้ว (กลาง) ที่ปรึกษาอาวุโสฝ่ายปฏิบัติการ นางสาวรพีพร วงศ์ทองคำ (ที่ 3 จากขวา) ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรและภาพลักษณ์ และนายแพทย์สมสกุล ศรีพิสุทธิ์ (ที่ 2 จากขวา) ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารจัดการด้านสุขภาพ ร่วมด้วยคณะแพทย์ผู้บริหารโรงพยาบาลกรุงเทพ ประกอบด้วย นายแพทย์มนต์สรร อัศวนพเกียรติ (ที่ 3 จากซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์และโครงสร้างราคา BDMS นายแพทย์อัศวิน ภูวธนสาร (ที่ 2 จากซ้าย) รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพ และแพทย์หญิงกิตนันท์ พิชัยณรงค์ (ขวาสุด) อายุรแพทย์ โรงพยาบาลกรุงเทพ ซึ่งโครงการ AIA Sharing A Life ครั้งที่ 11 จะจัดขึ้นทั้งสิ้น 10 แห่ง ได้แก่



• อาคารเอไอเอ แคปปิตอล เซ็นเตอร์ ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 4-5 มิถุนายน 2567 เวลา 8:00-17:00 น.

• โรงพยาบาลกรุงเทพเชียงใหม่ โรงพยาบาลกรุงเทพพิษณุโลก โรงพยาบาลกรุงเทพสนามจันทร์ โรงพยาบาลกรุงเทพอุดร และ โรงพยาบาลกรุงเทพราชสีมา ระหว่างวันที่ 7-8 มิถุนายน 2567 เวลา 8:00-17:00 น.

• โรงพยาบาลสมิติเวชชลบุรี โรงพยาบาลสมิติเวชศรีราชา โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี และ โรงพยาบาลกรุงเทพหาดใหญ่ วันที่ 15 มิถุนายน 2567 เวลา 8:00-17:00 น.

 


สำหรับ AIA Sharing A Life หรือ วันทำดีร่วมกันของชาวเอไอเอ ถือเป็นกิจกรรมประจำปีที่ยิ่งใหญ่ของชาวเอไอเอ เพื่อมุ่งตอบแทนสังคมไทย พร้อมกับการมีส่วนร่วมเพื่อช่วยพัฒนาและส่งเสริมให้คนไทยมีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เดินหน้าตามพันธกิจ AIA One Billion ที่มุ่งสนับสนุนให้ผู้คนกว่าหนึ่งพันล้านคนทั่วภูมิภาคเอเชีย มีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา Healthier, Longer, Better Lives โดยสำหรับประชาชนที่สนใจรับบริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ สามารถลงทะเบียนเข้ารับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ผ่านประกาศโพสต์บน Facebook: Thailand.AIA และ Line official: AIA Thailand ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2567 เวลา 14:00 น. เป็นต้นไปจนกว่าสิทธิจะเต็ม

____


#สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย

ทรภ 1 จัดพิธีสักการะ เพื่อน้อมรำลึกในพระกรุณาคุณเนื่องในวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ของ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ "องค์บิดาของทหารเรือไทย"

 ทรภ 1 จัดพิธีสักการะ เพื่อน้อมรำลึกในพระกรุณาคุณเนื่องในวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ของ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ "องค์บิดาของทหารเรือไทย"




     เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2567 พลเรือโท สุระศักดิ์ สิงขรวัฒน์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 นำคณะผู้บังคับบัญชา และฝ่ายอำนวยการในทัพเรือภาคที่ 1 ร่วมประกอบพิธีสักการะ เพื่อน้อมรำลึกในพระกรุณาคุณ เนื่องในวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ องค์บิดาของทหารเรือไทย ณ กองบัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ข้าราชการทัพเรือภาคที่ 1 และครอบครัว




     วันเดียวกัน นาวาเอก อโศก ศรีสวัสดิ์ รองเสนาธิการทัพเรือภาคที่ 1 เป็นผู้แทนทัพเรือภาคที่ 1 ประกอบพิธีสักการะ รวมถึงยิงสลุตถวาย ณ ศาลพระตำหนักพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ศูนย์รักษาความปลอดภัยทางทะเลกองทัพเรือเกาะช้าง โดยมีคณะฝ่ายอำนวยการในทัพเรือภาคที่ 1 หัวหน้าศูนย์รักษาความปลอดภัยทางทะเลกองทัพเรือเกาะช้าง ผู้บังคับการเรือในหมวดเรือลาดตระเวนชายแดน ภาคเอกชน และประชาชน ร่วมพิธีฯ




    วันที่ 19 พฤษภาคม “วันอาภากร” เป็นวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ของพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ “องค์บิดาของทหารเรือไทย” ผู้ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของปวงชนชาวไทยอย่างกว้างขวาง พระกรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่มีต่อปวงชนชาวไทยนั้น ปรากฏทั้งในด้านกิจการทหารเรือที่พระองค์ท่านทรงวางรากฐานไว้ และการแพทย์แผนโบราณ ซึ่งพระองค์ทรงพระกรุณาช่วยเหลือรักษาผู้ตกทุกข์ได้ยากไม่เลือกชั้นวรรณะ จนเป็นที่เลื่องลือนับถือกันโดยทั่วไปในพระนามว่า “หมอพร” หรือ ที่ทหารเรือเรียกท่านว่า “เสด็จเตี่ย”






นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน 0909535645

**สำหรับวันที่ 19

#วันอาภากร

#วันคล้ายวันสิ้นพระชนม์

#ทัพเรือภาคที่1

#เทิดทูนสถาบัน ยึดมั่นระเบียบวินัย ประชาชนภูมิใจ ทะเลไทยมั่นคง

#Fit_for_the_Future

คณะผู้บริหารทรีทาวน์พัทยา นำพนักงานจัดกิจกรรม CSR คืนสิ่งแวดล้อมสู่ทะเลไทย

 คณะผู้บริหารทรีทาวน์พัทยา นำพนักงานจัดกิจกรรม CSR คืนสิ่งแวดล้อมสู่ทะเลไทย



(20 พ.ค.67) ที่ศูนย์เรียนรู้ธนาคารสัตว์ทะเล เกาะสีชัง บริษัท “ร่มเย็นเป็นสุข พรอพเพอตี้” (ROMYENPENSUK Property Management Company Ltd.) หรือรู้จักกันภายใต้ชื่อ “ทรีทาวน์พัทยา”นำทีมโดยคณะผู้บริหาร นายพรเทพ โพธิรังษีเทพ และนายกันต์ธนิษ เปรมสุขใจ พร้อมด้วยพนักงานฯ 30 ชีวิต  ร่วมกันทำกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) โดยครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ในการทำประโยชน์เพื่อสังคม



กิจกรรมในครั้งนี้เป็นการ ส่งเสริมความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมและสังคม ได้แก่ การฟื้นฟูทะเลไทย ปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ ขยายพันธุ์ปะการังอ่อน และเพื่อสนับสนุนการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางทะเล ซึ่งเป็นหนึ่งในทรัพยากรธรรมชาติที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศและชุมชนชายฝั่ง สำหรับกิจกรรมประกอบไปด้วยการฝึกอบรมและให้ความรู้: โดยมีวิทยากรบรรยาย เกี่ยวกับการขยายพันธุ์ปะการังอ่อนและวิธีการดูแลรักษาประการังไม่ให้เสื่อมโทรมและสร้างพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของปะการังใหม่

จากนั้นมีการลงพื้นที่ทำการขยายพันธุ์ปะการังอ่อนโดยใช้โครงสร้างที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ เพื่อเพิ่มโอกาสการรอดชีวิตของปะการัง การปล่อยลูกปูม้าแรกฟักลงสู่ทะเล  และกิจกรรมเสริมสร้างความรู้ทางทะเล  





งานแถลงข่าวภาพยนตร์เรื่องผาปกและ มอบรางวัล Evil Star Award 2024 ครั้งที่ 1 ประจำปี 2567

 งานแถลงข่าวภาพยนตร์เรื่องผาปกและ มอบรางวัล Evil Star Award 2024 ครั้งที่ 1 ประจำปี 2567



เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2567 เวลา 19.00 น. สำนักข่าวรายงานว่า ดร.ทรรศชล พงย์ภควัต ประธานกลุ่มสหเศรษฐกิจ เป็นประธานจัดงานรางวัล Evil Star Award 2024 ครั้งที่ 1 ประจำปี 2567 พร้อมกับงานแถลงข่าวภาพยนตร์เรื่องผาปก "ล่าขุมทรัพย์ตะนาวศรี"  ณ โรงแรมเอส.ดี.อเวนิว ปิ่นเกล้า และคร.ทรรศชล พงษ์ภควัต ได้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว เกี่ยวกับการจัดงานรางวัลและภาพยนตร์เรื่องผาปก ว่าภาพยนตร์เรื่องผาปก เป็นภาพยนตร์ไทยร่วมสมัยสไตล์ cowboy เมืองไทย โดยมีผู้กำกับภาพยนตร์ ร่วมกันสามคน โดยนำประสบการณ์มาถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์สัญชาติไทย ซึ่งนำโดย ดามพั ดัสกร เป็นที่ปรึกษาและกำกับภาพยนตร์, แดน ดัสกร ผู้อำนวยการสร้าง และ ดร.ทรรศชล พงษ์ภควัต




ผู้ควบคุมอำนวยการสร้างภาพยนตร์และกำกับภาพยนตร์ และประเด็นที่สำคัญ ดร.ทรรศชล พงษ์ภควัต ได้เปิดเผยไว้ว่า เราได้ร่วมกับทีมหนัง Hollywood ของอเมริกามาร่วมด้วย ที่ทางผู้สร้างภาพยนตร์เก็บไว้ให้เป็นการเซอร์ไพรส์ อยากให้ติดตามกัน ด้วยการลงทุนที่สูงในภาพยนตร์เรื่องนี้ จึงได้มาร่วมกันถ่ายทอดเป็นบทภาพยนตร์เรื่อง ผาปก โดยการเล่าถึงเหตุการณ์ในอดีดของเหมืองแร่ ณ บ้านผาปก ติดเทือกเขาตะนาวศรี การแย่งชิง ผลประโยชน์ การฝ่าฟันกับผู้มีอิทธิผล กลุ่มชาติพันธ์ต่างๆ ชนกลุ่มน้อยบนเทือกเขาตะนาวศรี ท่ามกลาง ความขัดแย้ง การแสวงหาผลประโยชน์ของกลุ่มต่างๆ และขุมทรัพย์ที่มีอยู่ที่สำคัญ คือ สายแร่ดีบุกและแร่ทองคำที่มีอยู่ในเขตพื้นที่มีมูลค่ามหาศาล ทำให้เกิดเรื่องราวต่างๆจึงได้นำมาถ่ายทอดเป็นบทภาพยนตร์ โดยนำเนื้อเรื่องในอดีตปรับมาตัดแปลงเป็นบทภาพยนตร์เพื่อสร้างความบันเทิง ในสไตล์หนังแนวผู้แอ็กชั่น แบบฉบับภาพยนตร์ไทยผสมผสานกับสมัยใหม่ ทำให้น่าติดตามในภาพยนตร์เรื่องผาปก ถือเป็นภาพยนตร์ ที่หักมุมแตกต่างจากการทำภาพยนตร์ไทยสมัยก่อน เล่าถึงผู้รักษากฎหมาย ความยุติธรรม การรักษา ทรัพยากรและทรัพย์สินของชาติ ที่จะอยู่ในบทภาพยนตร์ที่น่ติดตามในเอกลักษณ์ของภาพยนตร์ไทย เพื่อ ส่งเสริมให้เป็น solf power ภาพยนตร์ไทยให้สู่ถึงในระดับสากล จึงมีความตั้งใจที่จะพร้อมช่วยพลักดันให้ ภาพยนตร์ของไทยได้อยู่ในแนวหน้าระดับสากลต่อไป








เอนก ธรรมใจ

รายงาน


บุรีรัมย์ จากปากคนขุดโกลเด้นบอย ขายได้ล้านสอง ปี 18 ชี้เครื่องเพชรหายเกลี้ยง

 บุรีรัมย์ จากปากคนขุดโกลเด้นบอย ขายได้ล้านสอง ปี 18 ชี้เครื่องเพชรหายเกลี้ยง




อำเภอละหานทราย//โกลเด้นบอย ที่สหรัฐฯจะส่งคืนประเทศไทยในวันที่ 21 พ.ค.คนขุดพบคนแรกเมื่อปี 2518 เผยตนกับสามีไปขุดมันป่าแล้วเจอ นำมาล้างสวยงาม ตำรวจพาไปขายตลาดมืดได้ 1.2 ล้านในตอนนั้น เห็นภาพตอนนี้แล้วตกใจ เครื่องเพชร 5 จุดเกลี้ยง แต่ดีใจได้คืนกลับมา



วันที่ 19 พ.ค.67 จากกรณีที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะ The Metropolitan Museum of Art หรือ The MET รัฐนิวยอร์ค สหรัฐฯ จะส่งโบราณวัตถุ 2 ชิ้นคืนให้ประเทศไทย ประกอบไปด้วย โกลเด้น บอย (Golden Boy) ประติมากรรมสำริดกะไหล่ทองทั้งองค์ และประติมากรรมสตรีนั่งชันเข่าพนมมือ โดยจะส่งคืนให้ไทยในวันจันทร์ที่ 20 พ.ค. 67 และจะถึงที่สนามบินสุวรรณภูมิในวันที่ 21 พ.ค. 67 นั้น




ซึ่งต่อมา ดร.ทนงศักดิ์ หาญวงษ์ นักวิชาการอิสระด้านโบราณคดี และหนึ่งในคณะกรรมการติดตามโบราณวัตถุของไทยในต่างประเทศกลับคืนสู่ประเทศไทย กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า



หลักฐานชิ้นสำคัญที่ยืนยันว่า พบที่บ้านยางโป่งสะเดา ต.ตาจง อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ประเทศไทย คือหนังสือ 2 เล่ม ได้แก่ ขแมร์บอนด์ และขแมร์โกลด์ ที่เขียนโดยดักลาส แลตช์ฟอร์ด (Douglas A.J. Latchford) นายหน้าค้าโบราณวัตถุ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำโกลเด้นบอยออกนอกประเทศ ที่ระบุชัดเจนว่า วัตถุโบราณโกลเด้นบอย พบที่ จ.บุรีรัมย์ ประเทศไทย โดยมีคำว่า "ละหาน" และ "บ้านยาง" อยู่ในพิกัด


ทำให้ทีมงานนักโบราณคดีของไทย นำมาต่อจิ๊กซอว์ และใช้เวลาศึกษาอยู่นานกว่า 3 ปี จนทราบแน่ชัดว่า มีชาวบ้านขุดพบที่หมู่บ้านยางโป่งสะเดา ต.ตาจง อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ เมื่อลงพื้นที่ไปสำรวจก็พบกับครอบครัวที่ขุดวัตถุโบราณโกลเด้นบอยได้ จึงนำไปดูร่องรอยของฐานประติมากรรมสำริดดังกล่าว ซึ่งอยู่ในปราสาทบ้านยางโป่งสะเดา


ดร.ทนงศักดิ์ ระบุต่อว่า การค้นพบประติมากรรมสำริดโกลเด้นบอยในครั้งนี้ มีความสำคัญมาก เป็นการพลิกหน้าประวัติศาสตร์เกี่ยวกับวัฒนธรรมและความเชื่อของอาณาจักรเขมรโบราณแบบเดิมโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะลักษณะของรูปหล่อโกลเด้นบอย มีลักษณะเหมือนรูปสลักที่ปราสาทหินพิมาย ไม่เหมือนพระศิวะที่เคยเห็นโดยทั่วไป

ดังนั้น จึงน่าจะเป็นรูปเคารพของพระเจ้าชัยวรมันที่ 6 ซึ่งพระองค์เป็นต้นราชวงศ์มหิธรปุระ สืบเชื้อพระวงศ์มาจากพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 ที่สร้างปราสาทหินเขาพระวิหาร โดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 6 ได้สร้างปราสาทหินพิมายขึ้น เพื่อเป็นศูนย์กลางการปกครองของอาณาจักรเขมรโบราณทั้งหมด

ทำให้เราต้องเปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ จากเดิมที่เคยเชื่อว่า อาณาจักรเขมร แผ่มาจากทางฝั่งกัมพูชามาสู่ที่ราบสูงโคราช แต่จากหลักฐานใหม่ทำให้รู้ว่า อาณาจักรขอมเคยยิ่งใหญ่อยู่บนที่ราบสูงโคราชมาก่อน แล้วจึงแผ่ไปทางฝั่งเมืองเสียมเรียบ กัมพูชา ในภายหลัง 

และหลักฐานที่ชัดเจนก็คือ หลานของพระองค์ คือพระเจ้าสุริยะวรมันที่ 2 ที่สร้างปราสาทนครวัด และที่ชัดที่สุด คือพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ที่สร้างปราสาทบายน ที่นับถือศาสนาพุทธ นิกายมหายาน เช่นเดียวกับพระเจ้าชัยวรมันที่ 6

เพราะฉะนั้นการนับถือศาสนาพุทธ นิกายมหายานลักษณะนี้ มีการสืบทอดกันมาจนถึงยุคสุดท้ายของวัฒนธรรมเขมร และที่สำคัญก่อนหน้านั้น ก็มีการค้นพบวัตถุโบราณประติมากรรมสำริดกรุประโคนชัย ซึ่งมีอายุราว พ.ศ.1300 อยู่ห่างจากจุดที่พบโกลเด้นบอยเพียง 5 กิโลเมตร ซึ่งมีความเก่าแก่กว่าประติมากรรมหล่อสำริดโกลเด้นบอยที่มีอายุราว พ.ศ.1623 อายุห่างกว่ากัน 300 กว่าปี 


ผู้สื่อข่าวรายงานเดินทางไปที่บ้านโป่งสะเดา หมู่ 20 ต.ตาจง อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นจุดที่ตั้งปราสาทบ้านยาง และเป็นจุดที่นักวิชาการทางโบราณคดี ระบุว่าเป็นจุดที่ตั้งของโกลเด้นบอยที่หายไป  ปัจจุบันกลายเป็นศาลากลางหมู่บ้าน โดยส่วนของปราสาทได้เคลื่อนย้ายห่างจากจุดศาลากลางหมู่บ้านประมาณ 20 เมตร 


สอบถามนางนิล  เป็ดสกุล อายุ 69  ปี อยู่เลขที่ 23 ม.20 ต.ตาจง อ.ละหารทราย   จ.บุรีรัมย์ (เสื้อชมพู)คนขุดเจอโกลเด้นบอย พูดผ่านเป็นภาษาท้องถิ่น (เขมร)ผ่าน นาย ธนกฤต ชัยหมก อายุ 43 ปี 


เมื่อปี 2517 หรือประมาณ 50 ปีที่ผ่านมา ตนกับสามีไปหาขุดมันตามธรรมชาติบริเวณนั้น ปรากฏว่าไปขุดเจอวัตถุประหลาด เจอท่อนขาก่อนเห็นแต่สีดำคล้ำ จึงค่อยๆขุดไปพบเป็นเหมือนพระพุทธรูป จึงไปเรียกญาติมาช่วยขุดจนเจอส่วนต่างๆครบ 


ตอนนั้นได้นำพระพุทธรูปดังกล่าวซึ่งมีความสูงประมาณ 150 ซม.กลับมาที่บ้านทำการล้างทำความสะอาด ปรากฏว่าพบแสงพุ่งออกมาก เหมือนเป็นสิ่งมีค่า จึงได้จุดธูปขอไม่ให้ส่งแสงออกมา


หลังจากนั้นได้ไปปรึกษาตำรวจท่านหนึ่งอยู่ สภ.ลำปลายมาศ อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ เพื่อต้องการหาที่ขาย โดยตำรวจได้พาตนไปที่กรุงเทพฯประกาศขายให้ชาวต่างชาติในราคา 1,600,000 บาท แต่ชาวต่างชาติต่อเหลือ 1,200,000 บาท จึงตกลงซื้อขายกัน แต่ไม่ขอเปิดเผยว่าเงินจำนวนนั้น เอาไปแบ่งกันอย่างไร และทำไมถึงไม่มีเงินในเวลานี้


สอบถาม น.ส.นัฐพร เป็ดสกุล ลูกสาวนางนิล เล่าว่า เท่าที่จำได้บริเวณนี้เป็นป่าเคยไปหาเห็ดมาก่อน เคยเห็นเป็นคล้ายปราสาท แต่ไม่ได้สนใจ แต่สิ่งที่แม่เล่าให้ฟังตอนนี้หลังแม่เห็นภาพโกลเด้นบอย แม่บอกว่า”เสียหายและเสียใจ”


เพราะโกลเด้นบอยที่จะส่งคืนมา เหลือเพียงร่าง ส่วนที่ตัวเองจำได้แม่นที่ติดตัวโกลเด้นบอล มี 1.มงกุฎเพชร 2.ลูกตาเพชร 3.สร้องสังวาลเพชรนิล 4. กำลแขนเป็นเพชร 5. เข้มขัดเป็นเพชรและนิล ไม่เหลือแล้ว///////////////


ทีมข่าวบุรีรัมย์

“อลงกรณ์”โชว์วิสัยทัศน์เวทีเส้นทางสายไหมนานาชาติ ดึงจีนลงทุน12อุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ดันไทยประเทศรายได้สูง

 “อลงกรณ์”โชว์วิสัยทัศน์เวทีเส้นทางสายไหมนานาชาติ ดึงจีนลงทุน12อุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ดันไทยประเทศรายได้สูง



นายอลงกรณ์ พลบุตร 

รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์และอดีตรองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศได้รับเชิญให้กล่าวปาฐกถาพิเศษในการประชุมสุดยอดการพัฒนาเศรษฐกิจระหว่างประเทศ 2024 และงานนิทรรศการสินค้าประเทศตามแนว “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง”

ณ นครอู่ฮั่น สาธารณรัฐประชาชนจีน

โดยนายอลงกรณ์กล่าวว่า

นับตั้งแต่ข้อริเริ่ม “อีต้าอีลู่ หรือเส้นทางสายไหม หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง One Belt and One Road” ถูกประกาศอย่างเป็นทางการในปี 2013 โดยประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เพื่อรื้อฟื้นเส้นทางสายไหมในอดีตสมัยพระเจ้าฮั่นอู่ตี้ เมื่อกว่า2พันปีก่อนสู่เส้นทางสายไหมใหม่ในศตวรรษที่ 21



    เป็นเวลา11ปีที่ประเทศไทยและจีนได้สร้างความร่วมมือระหว่างกันอย่างเต็มที่ภายในกรอบ "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐาน การลงทุนภาคอุตสาหกรรม เศรษฐกิจดิจิทัล เกษตรกรรม การค้าและการท่องเที่ยว ซึ่งทั้งหมดนี้ได้ประสบความสำเร็จอย่างดี จีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของไทยต่อเนื่องเป็นเวลา 10 ปี เป็นตลาดส่งออกสินค้าเกษตรที่ใหญ่ที่สุดของไทย แหล่งเงินทุนต่างประเทศหลัก และแหล่งนักท่องเที่ยวที่สำคัญอันดับ1  นอกจากนี้ ไทยและจีนยังคงมีการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมอย่างใกล้ชิด สร้างความผูกพันที่แน่นแฟ้นและลึกซึ้ง "ไทย จีน ใช่อื่นไกล พี่น้องกัน" กลายเป็นประโยคที่เข้าใจกันอย่างแพร่หลายของประชาชนทั้งสองประเทศ 



     ความสำเร็จของความร่วมมือไทย-จีนในวันนี้ มาจากการที่ทั้งสองฝ่ายยึดมั่นในหลักการของการเคารพซึ่งกันและกัน การให้ความเสมอภาค ผลประโยชน์ร่วมกัน และการร่วมกันสร้างนวัตกรรม นอกจากนี้ ยังเป็นผลงานที่มาจากความร่วมมือระยะยาวระหว่างภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมของทั้งสองประเทศ ด้วยการพัฒนาเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศที่กำลังดำเนินไปอย่างลึกซึ้ง ความร่วมมือระหว่างไทย-จีนกำลังเผชิญกับโอกาสมากมายมหาศาลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีของประเทศไทย (2018-2037) ระบุว่า ประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะเป็นประเทศที่มีรายได้สูงภายในปี 2036 และจะดำเนินการแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 (2023-2027) เพื่อเข้าสู่โหมดการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ-หมุนเวียน-สีเขียว (BCG :Bio-Circular-Green Economy) ซึ่งรวมถึงนโยบายเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญ ได้แก่ การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาและเชื่อมต่อระบบดิจิทัล การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมสมัยใหม่ที่เน้นคุณค่าในกรอบ "Thailand 4.0" การพัฒนาเกษตรกรรมอย่างยั่งยืน และการเน้นการถือประชาชนเป็นหลัก โดยเฉพาะการเพิ่มความกระตือรือร้นสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และชุมชนท้องถิ่น ซึ่งเป้าหมายสูงสุดคือการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สมดุลและยั่งยืน เป็นเพราะความสอดคล้องกันระหว่างแนวคิด "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" กันนโยบายการพัฒนาของไทยทำให้เกิดความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือที่มีศักยภาพสูงในหลายๆ ด้าน

ในโอกาสนี้ขอเชิญชวนนักลงทุนชาวจีนและนานาประเทศให้มาร่วมลงทุนในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกของไทย (Eastern Economic Corridor หรือ EEC) และเข้าร่วมอย่างกระตือรือร้นใน"12 อุตสาหกรรมใหม่แห่งอนาคต"ของไทย (12 S-CURVES)เช่น การค้าและการลงทุนในสาขาเทคโนโลยีและหุ่นยนต์ การบินและโลจิสติกส์ เชื้อเพลิงชีวภาพ อุตสาหกรรมการเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ การท่องเที่ยวและการแพทย์ อุตสาหกรรมดิจิทัล ยานยนต์สมัยใหม่ เป็นต้น เพื่อเชื่อมโยงกับโอกาสต่างๆ ภายใต้แนวคิด "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" และเปิดศักราชใหม่ของการเติบโตทางเศรษฐกิจไปด้วยกัน.



     สำหรับการประชุมสุดยอดการพัฒนาเศรษฐกิจระหว่างประเทศ 2024 และงานนิทรรศการสินค้าประเทศตามแนว “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง”จัดขึ้นที่

นครอู่ฮั่น สาธารณรัฐประชาชนจีนเมื่อวันที่20 พฤษภาคม 2567 มีตัวแทนจากประเทศไทยคือนางสาวอภิญญา ปราโมช นายกสมาคมการค้าไทย-จีนและเศรษฐกิจเอเชียเข้าร่วมประชุมด้วย.