วันเสาร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2566

งานแถลงผลการดำเนินงานสำนักงานพื้นที่พิเศษ ๖ และหน่วยงานภาคีเครือข่ายด้านการท่องเที่ยว ประจำปี ๒๕๖๖

 งานแถลงผลการดำเนินงานสำนักงานพื้นที่พิเศษ ๖ และหน่วยงานภาคีเครือข่ายด้านการท่องเที่ยว ประจำปี ๒๕๖๖




เมื่อวันศุกร์ที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๖๖ หน่วยงานด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดน่าน ได้แก่  อพท.สำนักงานพื้นที่พิเศษ ๖ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานน่าน สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดน่าน สำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดน่าน ตำรวจท่องเที่ยวจังหวัดน่าน สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวน่าน และสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดน่าน ร่วมจัดงานแถลงผลการดำเนินงานสำนักงานพื้นที่พิเศษ ๖ และ หน่วยงานภาคีเครือข่าย ด้านการท่องเที่ยว ประจำปี ๒๕๖๖ 




กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อเป็นการรายงานผลการดำเนินงานของหน่วยงาน สร้างการรับรู้ รับฟังความคิดเห็นในประเด็นสำคัญต่างๆ เชื่อมความสัมพันธ์อันดีกับสื่อมวลชนทุกแขนงในจังหวัดน่าน รวมไปถึงนำเสนอนโยบายและทิศทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดน่านไปปีต่อไป โดยมีผู้แทนหน่วยงานมาร่วมแถลงผลการดำเนินงานประกอบด้วย “นางศิริวรรณ วงค์หนัก” #ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดน่าน “นางศุภรดา กานดิษยากุล” #ปฏิบัติหน้าที่ผู้จัดการสำนักงานพื้นที่พิเศษ ๖ “นายโยธิน ทับทิมทอง” #ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานน่าน “ร.ต.อ.ชุมพล ปันทะนันท์” #รองสารวัตรสถานีตำรวจท่องเที่ยวน่าน “นายวรพจน์ รอดวิเศษ” #ผู้แทนสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวน่าน  และ “นายพันธุ์พัฒน์ พิชา” #ผู้แทนสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดน่าน พร้อมด้วยผู้สื่อข่าวและสื่อมวลชนจังหวัดน่าน เข้าร่วมกิจกรรม โดยในช่วงท้ายกิจกรรม อพท.สำนักงานพื้นที่พิเศษ ๖ เจ้าภาพผู้จัดงานนี้ ได้เปิดโอกาสให้สื่อมวนชน ที่มีข้อสงสัยซักถาม ผู้ร่วมแถลงข่าวในครั้งนี้ ซึ่งก็ได้รับการตอบปัญหาตามที่มีข้อข้องใจ เป็นที่หน้าพอใจกันถ่วนหน้า และร่วมรับประทานอาหารกลางวัน  ณ ริสาสินี สปา ริสาสินี สปา แอนด์ รีสอร์ท อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน



ทีมข่าวภูมิภาค

รายงาน

แห่ขอ "เลขเด็ด" องค์ท้าวเวสสุวรรณทรงราหู วัดเขาช่องลม เนืองแน่นตั้งแต่เช้า

 แห่ขอ "เลขเด็ด" องค์ท้าวเวสสุวรรณทรงราหู วัดเขาช่องลม เนืองแน่นตั้งแต่เช้า



  เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 30 กันยายน 2566 ช่วงใกล้วันหวยออก หลายคนต่างพากันออกไปหาเลขเด็ด เช่นเดียวกับคนที่ศรัทธาท้าวเวสสุวรรณได้พากันทยอยเดินทางมากราบไหว้ท้าวเวสสุวรรณทรงราหู (ท่านทองล้น) องค์ใหญ่สูง 9.9 เมตร ที่วัดเขาช่องลม ต.เขาคันทรง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ตั้งแต่ช่วงเวลา 08.00 น.เป็นต้นมา ส่วนใหญ่จะนำเครื่องเซ่นไหว้ อาทิ ดอกกุหลาบ น้ำแดง ผ้าแดง ประทัด มาบูชา พร้อมจุดธูปเสี่ยงทายในกระถางขนาดใหญ่หน้าองค์ท้าวเวสสุวรรณทรงราหู เพื่อหาเลขเด็ดนำไปซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดวันที่ 1 ตุลาคม 2566 ที่แผงสลากกินแบ่งรัฐบาล หน้าท้าวเวสสุวรรณในวัดไว้เสี่ยงโชค ซึ่งที่ผ่านมาตั้งแต่เดือน เมษายน-สิงหาคม 2566 มีผู้ถูกรางวัลที่ 1 มาแล้ว 7 ราย มูลค่ารวมกันแล้วกว่า 60 ล้านบาท ซึ่งผู้ที่ถูกรางวัลทั้ง 7 รายล้วนแต่มากราบไหว้ขอโชคลาภกับองค์ท้าวเวสสุวรรณทรงราหู (ท่านทองล้น) หนึ่งเดียวในประเทศไทย กันทั้งสิ้น




      ขณะที่ชาวบ้านบางส่วน ที่เคยได้โชคลาภจากการขอองค์ท้าวเวสสุวรรณ (ท่านทองล้น) ต่างกลับมาแก้บนตามที่เคยกล่าวไว้ บางคนก็มาเปิดโรงทาน นำน้ำดื่ม ขนม ข้าวกล่องมาแจก เพื่อให้คนที่เดินทางมากราบไหว้ท้าวเวสสุวรรณ ทรงราหู (ท่านทองล้น) ได้รับประทานกัน ซึ่งงวดวันที่ 16 ส.ค. 66 ที่ผ่านมา มีคนถูกรางวัลที่ 1 ได้โชค 6 ล้านบาท ได้นำเลขเด็ดที่ได้จากธูปมงคลที่จุดไปเสี่ยงดวงในกระถาง ไปซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลที่แผงหน้าองค์ท้าวเวสสุวรรณทรงราหูแล้วถูกรางวัลที่ 1 นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายคนที่เคยได้โชคลาภจากองค์ท้าวเวสสุวรรณ ต่างก็กลับมาแก้บน หลังจากนำเลขธูปเสี่ยงทาย 3 ตัว ไปเสี่ยงโชคซื้อลอตเตอรี่ เช่นเดียวกัน นอกจากจะมีคนถูกหวยรางวัลที่ 1 แล้ว ยังมีคนถูกรางวัลต่างๆ รวมถึงเลขท้ายสองตัวและเลขท้ายสามตัวอีกด้วย และยังมีคนที่ถูกหวยแต่ไม่เปิดเผยอีกมากมาย โดยผู้ที่ได้เลขเด็ดไปจากเลขธูปแล้วนำไปซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล ตามแผงที่ขายในวัดกันทั้งนั้น




 

   นอกจากหวยรัฐบาลไทยแล้ว หนุ่มสาวโรงงานยังได้ใช้เวลาหลังเลิกงานในช่วงเวลา 16.00-17.00 น. มากราบไหว้จุดธูปขอหวยเพื่อนำไปเสี่ยงโชค ซื้อหวยต่างประเทศ ที่ออกกันทุกวันต่างก็ถูกกันทุกวัน จึงพากันมาขอหวยกันแทบทุกวันในช่วงเย็น โดยผู้สื่อข่าวได้พบกับนางสาวเอ สาวโรงงานในนิคมเหมราชชลบุรี 2 ได้นำ น้ำแดง 10 ขวด ดอกกุหลาบแดง 99 ดอก ข้าวสารถุงละ 5 กิโลกรัม จำนวน 9 ถุง มาถวายแก้บนท้าวเวสสุวรรณทรงราหู (ท่านทองล้น) โดยได้บอกว่าเมื่อวาน (29 ก.ย.) ได้ถูกหวยต่างประเทศหลักล้าน จึงมาแก้บนและขอหวยรัฐบาลต่อโดยได้จุดธูปที่กระถางได้เลข 481 ก็จะได้นำไปซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลและหวยต่างประเทศ ที่ออกในช่วงเย็นนี้ อีกด้วย

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี 0909535645

ธรรมนัส พร้อม ไชยา ลงพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง เปิดพิธี ส่ง -รับ พร้อมนำตู้สินค้าซากหมู ตกค้างและของกลาง 161 ตู้ เผาทำลาย

 ธรรมนัส พร้อม ไชยา ลงพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง เปิดพิธี ส่ง -รับ พร้อมนำตู้สินค้าซากหมู ตกค้างและของกลาง 161 ตู้ เผาทำลาย




      ร้อยเอกธรรมนัส  พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย ดร.ไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง เปิดพิธี ส่ง -รับ พร้อมนำตู้สินค้าซากหมูตกค้าง และของกลาง 161 ตู้ เผาทำลาย

       เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2566 ที่ศูนย์เอกซเรย์ตู้สินค้า (ขาออก) ท่าเรือแหลมฉบัง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดร.ไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้แทนศูนย์ปฏิบัติที่ 4 กองอำนวยการรักษา ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ เรือเอกกานต์  เมนะรุจิ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง คณะทำงานโครงการท่าเรือสีขาว นายอำนาจ เจริญศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ผู้แทนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DS)  ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้แทนตำรวจสอบสวนกลาง ผู้แทนกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) ผู้แทนศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมในพิธี






     ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวว่า พิธีในวันนี้ ถือเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จ จากการร่วมมือกันระหว่าง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กรมศุลกากร และกรมปศุสัตว์ ที่มุ่งมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ ร่วมกันบังคับใช้กฎหมาย สืบสวน ตรวจสอบ จับกุมและสามารถดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดได้อย่างถึงที่สุด นับเป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่ส่งผลให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร ได้รับความเป็นธรรม ไม่ถูกทำลายกลไกราคาสุกรในประเทศ ทั้งยังเป็นการลดความเสี่ยงด้านโรคระบาดสัตว์ ทำให้เกษตรกรมีความมั่นใจในอาชีพ ตลอดจนช่วยป้องกันอันตรายให้พี่น้องประชาชน ผู้บริโภคปลอดภัยจากสารปนเปื้อนตกค้างต่างๆ ที่อาจติดมากับหมูเถื่อน





     ที่ผ่านตนเองได้ ประกาศสงครามกับสินค้าเกษตรเถื่อน และให้นโยบายทุกกรม กองนำไปปฏิบัติอย่างจริงจัง ในการมุ่งปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตร ที่ผิดกฎหมาย ต้องขอชื่นชมกรมปศุสัตว์ที่ได้เร่งดำเนินการตามนโยบาย พร้อมประสาน ความร่วมมือกับ DSI และกรมศุลกากร ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเห็นผลเป็นที่น่าพอใจ ดังที่ปรากฏให้เห็นเป็นรูปธรรมในวันนี้ และขอเน้นย้ำ กำชับให้ เจ้าหน้าที่ และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย เร่งดำเนินการปราบปรามการลักลอบนำเข้า ส่งออก สินค้าการเกษตรอย่างเข้มงวด เพื่อปกป้องพี่น้องเกษตรให้มีความมั่นใจในอาชีพ พร้อมที่จะเพิ่มผลผลิตด้านการเกษตร เติมเต็มความมั่นคงทางอาหาร สร้างประโยชน์เพื่อคนไทย และประเทศชาติต่อไป  

    ด้านนายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า ตามที่กรมศุลกากรได้ตรวจยึดซากสัตว์แช่แข็งตกค้าง โดยตรวจพบเป็นสินค้าประเภทซากสุกรแช่แข็ง จำนวน 161 ตู้ ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น พบว่า ซากสัตว์ดังกล่าวมาจากประเทศที่ไม่ผ่านการตรวจรับรองแหล่งผลิตซากสัตว์จากกรมปศุสัตว์ หรือมาจากประเทศที่กรมปศุสัตว์ มีประกาศชะลอการนำเข้าซากสุกร เนื่องจากประเทศต้นทางมีการระบาดของโรคระบาดสัตว์ และบางส่วนไม่ทราบแหล่งที่มาที่ชัดเจน ประกอบกับไม่พบเอกสารใด ๆ ที่รับรองสุขศาสตร์ซากสัตว์ (Health Certificate) จากหน่วยงานที่รับผิดชอบ ไม่ผ่านการตรวจจากสัตวแพทย์ประจำท้องที่ต้นทางหรือพนักงานตรวจโรคสัตว์ ซึ่งถือว่าซากสัตว์ดังกล่าวมีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคระบาดหรือเป็นพาหะของโรคระบาดสัตว์ ที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคและเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ภายในประเทศ อันจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศได้





     ทั้งนี้ กรมปศุสัตว์ได้กำหนดจัดพิธีดังกล่าว เพื่อเป็นการ Kick off ตัดซีลและเผาทำลายซากสุกรของกลาง จำนวน 10 ตู้ เป็นการนำร่อง โดยเครื่องกำจัดซากสัตว์ติดเชื้อเพื่อควบคุมโรคชนิดเคลื่อนที่ ประสิทธิภาพของเครื่องกำจัดซากสัตว์ติดเชื้อเพื่อควบคุมโรคระบาดสัตว์ เป็นเตาเผาชนิด 2 ห้องเผา ห้อกแรกใช้สำหรับเผาซากสัตว์ ห้องเผาที่ 2 ใช้สำหรับเผาซากสัตว์ ความสามารถในการเผาสามารถเผาได้ในปริมาณ ชั่วโมงละกว่า 1,000 กิโลกรัม ขึ้นอยู่กับชนิดและคุณภาพของซากสัตว์ที่ทำการเผา เตาสามารถทำความร้อนได้ในขณะเผา 700 – 1,000 องศาเซลเซียส ใช้น้ำมันดีเซลเป็นแหล่งพลังงาน โดยใช้ไม่เกินชั่วโมงละ 60 ลิตร และระบบเผาทำลายซากจะเป็นระบบปิด ที่สำนักชลประทานที่ 9 ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี

     โดยในส่วนที่เหลือ จะนำไปทำลายในลักษณะฝังกลบ แต่เนื่องจากสภาพอากาศที่ยังคงมีมรสุมเข้าสู่ประเทศไทย ส่งผลให้เกิดปัญหาฝนตกหนักในช่วงการฝังกลบ จึงทำให้เกิดอุปสรรคและมีความเสี่ยง ทำให้เกิดอันตรายต่อการทำลายลักษณะฝังกลบ จึงมีความจำเป็นที่ต้องฝังกลบในภายหลัง ในการฝังกลบจะใช้สถานที่ของศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์ จังหวัดสระแก้ว โดยกรมปศุสัตว์ได้จัดเตรียมพื้นที่สำหรับฝังกลบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

     ด้าน เรือเอกกานต์ เมนะรุจิ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง ในฐานะเจ้าของพื้นที่ เผยเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า สินค้าที่ท่าเรือแหลมฉบังมีจำนวนหลายพันตู้ เราตรวจพบสินค้าซากสุกรในครั้งนี้ ที่บางส่วนมีการการละเมิด พ.ร.บ. ต่าง ๆ ถือเป็นนิมิตใหม่ เพราะมีผลต่อธุรกิจ การเลี้ยงสัตว์ในประเทศที่ส่งผลต่อเรื่องของราคาสินค้า ซึ่งเป็นผลกระทบต่อเกษตรกรโดยตรง ซึ่งครั้งนี้ ถือเป็นความร่วมมือ ไม่ว่าจะเป็นของทางศุลกากร กรมปศุสัตว์  หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในเรื่องของการสกัดกั้น การลักลอบนำสินค้าประเภทซากสุกรเข้ามา ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าของประเทศไทย เป็นความเดือดร้อนของเกษตรกร

    “หลังจากที่ได้ ดำเนินการแล้วก็ได้บูรณาการความร่วมมือกันจากหลายส่วน จนมาถึง วันนี้ ในล็อตแรกประมาณสิบตู้คอนเทนเนอร์ ที่นำไปทำลาย การท่าเรือฯ เอง มีเจ้าหน้าที่การท่าเรือฯ คือ คณะทำงานท่าเรือสีขาว เข้าร่วมในการอำนวยความสะดวก เพื่อจะผลักดันกิจกรรมต่างๆ พร้อมทั้งสกัดกั้น สิ่งของที่ไม่ถูกต้องตาม พ.ร.บ. ต่างๆ และให้ความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บูรณาการกับทุกหน่วยงาน คณะกรรมการชุดนี้ ประกอบด้วยหลายภาคส่วน ที่ร่วมมือกันทำงาน  ส่วนในเรื่องของการดำเนินดคี หรือตรวจสอบ เป็นภาระหน้าที่ของทางศุลกากร  การท่าเรือฯ เป็นเพียงเจ้าของพื้นที่ ที่พร้อมจะให้ความร่วมมือในเรื่องของการอ่านวยความสะดวกต่างๆ เพื่อลดผลกระทบของผู้ประกอบการในพื้นที่”

    จากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ พร้อมผู้บริหารกระทรวงเกษตรฯ ได้เดินทางไปยังสำนักชลประทานที่ 9 ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เพื่อ KICK OFF เผาทำลายซากสุกรของกลางฯ ชุดแรกจำนวน 10 ตู้คอนเทนเนอร์ โดยวิธีการเผาในเตาเผาระบบปิด เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคและไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สำหรับของกลางส่วนที่เหลือจะทยอยนำไปเผาทำลายเป็นชุด ๆ ด้วยการฝังกลบที่จังหวัดสระแก้วจนครบ 161 ตู้คอนเทนเนอร์ ตามที่ได้วางแผนไว้ ซึ่งได้ปฏิบัติตามขั้นตอนที่ถูกต้องตามมาตรฐานขององค์การสุขภาพสัตว์โลก (OIE) และดำเนินการด้วยความโปร่งใส เป็นไปตามกฎหมาย และตรวจสอบได้ต่อไป 

 นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ชลบุรี 0909535645

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เดินทางตรวจเยี่ยม สน.พลับพลาไชย 2 วันสุดท้ายก่อนเกษียณอายุราชการ

 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เดินทางตรวจเยี่ยม สน.พลับพลาไชย 2 วันสุดท้ายก่อนเกษียณอายุราชการ




เมื่อเวลา 09:30 น.วันที่ 30 กันยายน พ.ศ.2566 ณ สถานีตำรวจนครบาลพลับพลาไชย 2 

☆ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ได้เดินทางเข้าตรวจเยี่ยม สน.พลับพลาไชย 2 ซึ่งในวันนี้นับว่าเป็นวันสุดท้ายที่จะปฏิบัติหน้าที่ก่อนที่จะอำลาเกษียณอายุราชการ โดยมี

☆ พล.ต.ต.นครินทร์ สุคนธวิท  ผบก.น.6

☆ พ.ต.อ.นริศ ปรารถนาพร รอง ผบก.น.6

☆ พ.ต.อ.อาคม ชุมพรัตน์  ผกก.สน.พลับพลาไชย1

☆ พ.ต.อ.พนม เชื้อทอง ผกก.สน.พลับพลาไชย 2

☆ คณะข้าราชการตำรวจ และ กต.ตร.ประกอบด้วย

☆ คุณนิวัฒน์ เหล่าสุวรรณวัฒน์ กต.ตร.สน.พลับพลาไชย 2

☆ คุณพิพัฒน์ กนกนิตย์อนันต์ รองประธาน ที่ปรึกษา กต.ตร.สน.พลับพลาไชย 2

☆ คุณเรไร เอกวิริยะกิจ ที่ปรึกษา กต.ตร.สน.พลับพลาไชย 2

☆ คุณอารีรัตน์ รุ่งวิทยนันท์

☆ คุณมานพ จินานุวัฒนา กต.ตร.สน.พลับพลาไชย 2

☆ คุณปรีดา บูรีจิตตินันท์ กต.ตร.สน.พลับพลาไชย 2 (เหรัญญิก) รอให้การต้อนรับและตรวจเยี่ยมฯ







     ในโอกาสนี้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ได้เข้าตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกสายงาน พบว่าปฏิบัติงานเรียบร้อย ตามนโยบายที่ ตร.กำหนด และกล่าวชมเชยการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจ สน.พลับพลาไชย 2 ทุกนาย ที่ได้เสียสละ และ ได้เน้นย้ำการปฏิบัติราชการ ให้สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กรเป็นหลัก พร้อมทั้งขอให้ข้าราชการตำรวจทุกนายมีความภาคภูมิใจในอาชีพตำรวจ มีทัศนคติเชิงบวกมุ่งมั่นปฏิบัติงานโดยมีประชาชนเป็นที่ตั้ง มีความเสียสละ สามัคคี อุทิศให้ส่วนรวมก่อนเรื่องส่วนตัว ไม่คิดว่างานในหน้าที่เป็นภาระแต่กลับเป็นโอกาสที่จะได้ช่วยเหลือประชาชน และให้พัฒนาตนเองตลอดเวลา เพื่อเป็นตำรวจมืออาชีพทำงานเชิงรุกโดยมีประชาชนเป็นที่ตั้ง และ เนื่องจาก สน.พลับพลาไชย2 เป็นสถานที่แรกในชีวิตการรับราชการ  ในตำแหน่ง รองสารวัตรป้องกันปราบปราม ในปีพ.ศ.2528 ประกอบกับวาระที่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ จะครบเกษียณอายุราชการในวันนี้ จึงได้ลงบันทึกประจำวันอำลาชีวิตราชการตำรวจ ณ สน.พลับพลาไชย2 พร้อมกันนี้ได้กล่าวอวยพรให้กำลังพลและครอบครัวทุกนาย ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความปลอดภัย ประสบแต่ความสุข และสำเร็จในสิ่งอันพึงปรารถนาทุกประการ










     จากนั้น พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ได้เข้ากราบสักการะศาล พระอนุวัฒน์ราชนิยม หรือ พ่อปู่เจ้ายี่กอฮง  และ ศาลเจ้าไต้ฮงกง ต้นกำเนิดมูลนิธิป่อเต็กตึ้ง ซึ่งเป็นที่สักการะของประชาชน พร้อมกันนี้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ ผบ.ตร.ได้มอบสิ่งของบำรุงขวัญให้กับทาง ผกก.สน.พลับพลาไชย 1 และ 2 เพื่อเป็นขวัญกำลังใจใหัข้าราชการตำรวจทุกนาย และข้าราชการตำรวจ พร้อม คณะ กต.ตร.สน.พลับพลาไชย2 ได้มอบดอกกุหลาบ เป็นการขอบคุณให้กับ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.

ก่อนที่จะเดินทางออกตรวจราชการต่อไป

   





















 

ขอขอบคุณ

☆ พ.ต.อ.พนม  เชื้อทอง  ผกก.สน.พลับพลาไชย 2

☆ คุณพิพัฒน์ กนกนิตย์อนันต์ รองประธาน ที่ปรึกษา กต.ตร.สน.พลับพลาไชย 2/ ที่ปรึกษานิตยสารตำรวจเพื่อมวลชน

สนับสนุนข้อมูลข่าวสาร