วันศุกร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2561

รายชื่อพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์รับทักษิณานุปทาน
 งานวันคล้ายวันปราบดาภิเษก สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
วันศุกร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2561   เวลา 10.00 น.
ณ  พระอุโบสถ วัดอรุณราชวราราม แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร

พระพิศาลพิพัฒนพิธาน
วัดสังข์กระจาย
เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานค
พระวิมลรัตนาภรณ์
วัดสระเกศ
เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร
พระปริยัติวโรปการ
วัดนาคกลาง
เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร
พระปัญญารัตนาพร
วัดสังข์กระจาย
เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานค
พระครูมงคลวุฒิสุนทร
วัดดีดวด
เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร
พระครูโอภาสบุญวัฒน์
วัดเจ้ามูล
เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานค
พระครูมงคลกิจจานุกูล
วัดท่าพระ
เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร
พระครูชิโนวาทธำรง
วัดชิโนรสาราม
เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร
พระครูสถิตรัตนพงศ์
วัดหงส์รัตนาราม
เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร
พระครูปลัดชัยวัฒน์ ชยวฑฺฒโน
วัดประดู่ในทรงธรรม
เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานค
พระพรหมกวี
วัดกัลยาณมิตร
เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานค
พระเทพวิสุทธิโมลี
วัดจักวรรดิราชาวาส
เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร
พระเทพปริยัติมุนี
วัดหงส์รัตนาราม
เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร
พระเทพศาสนาภิบาล
วัดไร่ขิง
จังหวัดนครปฐม
พระเทพปริยัติโมลี
วัดโมลีโลกยาราม
เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานค
พระราชปริยัติโกศล
วัดใหม่พิเรนทร์
เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานค
พระราชวิสุทธิโสภณ
วัดราชสิทธาราม
เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานค
พระราชปัญญารังษี
วัดชิโนรสาราม
เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร
พระกิตติโสภณวิเทศ
วัดนาคปรก
เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร
พระศรีรัตนโมลี
วัดราชสิทธาราม
เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร
ข่าว/ภาพ
โชคชนะและอ็อดลูกพระเจ้าตากรายงาน



























ซ๊อค!!! พรรคไทยศรีวิไลย์ หรือ พรรคพิทบูล ติดโพลล์ รั้งอันดับ 4 Thailand Poll









     ซ๊อค!!! พรรคไทยศรีวิไลย์ หรือ พรรคพิทบูล ติดโพลล์ รั้งอันดับ 4 Thailand Poll          .                           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า Thailand Poll มีการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน ว่าการเลือกตั้ง ปี 2562 จะเลือกพรรคการเมืองใดเป็นผู้บริหารประเทศต่อไป โดยประชาชนอายุช่วง 18-75 ปี  จำนวนกว่า 54,861 ตัวอย่างของผู้ใช้ facebook (สื่อสาร 2 ทาง) ทางเพจ Thailand Poll  ตั้งแต่ 3 -28 ธันวาคม 2561 สรุปผล ณ เวลา 19.06 น. 28 ธันวาคม 2561 ได้ข้อมูลดังนี้                                        
     1.พรรคเพื่อไทย(คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์) ได้ 20,698 คะแนน คิดเป็น 37.72 %  จำนวน สส.พึงได้ 189 ที่นั่ง                                                     
     2.พรรคอนาคตใหม่(นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ) ได้ 14,511 คะแนน คิดเป็น 26.45% จำนวน สส พึงได้ 132  ที่นั่ง                                                 
     3.พรรคเสรีรวมไทย(พล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์ เตมียาเวส)ได้ 7,611 คะแนน คิดเป็น 13.87% จำนวน สส พึงได้ 69  ที่นั่ง                                                     
     4.พรรคไทยศรีวิไลย์( นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ และ นายณัชพล สุพัฒนะ หรือ มาร์ค พิทบูล)ได้ 6,017 คะแนน คิดเป็น 10.96% จำนวน สส.พึงได้ 55 ที่นั่ง                                                     
     5.พรรคไทยรักษาชาติ(ร้อยโท ปรีชาพล พงษ์พานิช)ได้ 2,228 คะแนน คิดเป็น 4.06% จำนวน สส พึงได้ 20 ที่นั่ง 
     6.พรรคเพื่อชาติ(นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ และ นายจตุพร พรมพันธุ์) ได้ 1,088 คะแนน คิดเป็น 1.98% จำนวน สส พึงได้ 10 ที่นั่ง                                
     7.พรรคเพื่อธรรม(นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์)ได้ 711 คะแนน คิดเป็น 1.29% จำนวน สส พึงได้ 6 ที่นั่ง           8.พรรคประชาชาติ(นายวันมูฮัมมัด นอมะทา)ได้ 648 คะแนน คิดเป็น 1.18% จำนวน สส พึงได้ 6 ที่นั่ง       9.พรรคประชาธิปัตย์(นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) ได้ 479 คะแนน คิดเป็น 0.87% จำนวน สส พึงได้ 4 ที่นั่ง     
    10.พรรคพลังประชารัฐ(นายอุตมะ สาวนายนต์)ได้ 364 คะแนน คิดเป็น 0.66% จำนวน สส พึงได้ 3 ที่นั่ง   
    11.พรรคภูมิใจไทย(นายอนุทิน ชาญวีระกุล) ได้ 191 คะแนน คิดเป็น 0.348% จำนวน สส พึงได้ 2 คน        12.พรรครวมพลังประชาชาติไทย(นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) ได้127 คะแนน คิดเป็น 0.23% จำนวน สส พึงได้ 1 ที่นั่ง                                            
    13.พรรคพลังพลเมืองไทย(นายเอกพร รักความสุข) ได้ 92 คะแนน คิดเป็น 0.167% จำนวน สส พึงได้ 1 ที่นั่ง                                      
    14.พรรคประชาชนปฏิรูป(นายไพบูลย์ นิติตะวัน) ได้ 92 คะแนน คิดเป็น 0.167% จำนวน สส พึงได้ 1 ที่นั่ง               
    15.พรรคอื่นๆ รวมกัน อีก 1 ที่นั่ง รวมเป็น 500 สส.      

ผู้การปิ่นยกคำกล่าวศาล. "แข่งรถบนทางด่วนศาลสั่งจำคุก ไม่รอลงอาญา พร้อมริบรถยนต์ของกลาง"



ผู้การจราจรยกคำพิพากษาคดีต.ยแข่งรถบนทางด่วนปรามนักซิ่ง คุกไม่รอลงอาญา ริบรถ

วันที่ 27 ธันวาคม 2561

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 27 ธันวาคม ที่ปั้ม ปตท. (เรสต์ เอเรีย ) ด่านเก็บเงินประชาชื่น ซอยประชาชื่น แขวงวงศ์สว่าง เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ ผบก.จร. พ.ต.อ.ชัชชัย สำเนียง ผกก.5 บก.จร. พ.ต.อ.กฤตภาส กิตติรัฐกรณ์ ผกก.ฝอ.บก.จร. พ.ต.ท.เจษฎา ยางนอก รองผกก.2 บก.จร. ร่วมกับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย บริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) แถลงผลการติดตามการดำเนินการปราบปรามการแข่งรถในทางฯบนทางด่วนและทางพิเศษในกรุงเทพมหานคร และรณรงค์เมาไม่ขับในช่วงเทศกาลปีใหม่

พล.ต.ต.นิธิธร กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ศาลจังหวัดปทุมธานีได้มีคำพิพากษาตัดสินผู้ต้องหาที่แข่งรถยนต์ซิ่งบนทางด่วน เหตุเกิดเมื่อช่วงกลางเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งศาลจังหวัดปทุมธานีได้มีคำตัดสินจำเลยทั้งสองคน มีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกมาตรา 43(4),(8), 134, 157, 160, และ 160 ทวิ การกระทำของจำเลยทั้งสองถือเป็นความผิดที่มีพฤติการณ์ร้ายแรงกระทบต่อสังคมส่วนรวมก่อความเดือดร้อนและอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนเป็นจำนวนมาก จึงเห็นควรกันผู้ต้องหาสองรายออกจากสังคมเป็นชั่วระยะเวลาหนึ่งเพื่อให้หลาบจำ โดยพิพากษาจำคุกผู้ต้องหาทั้งสองเป็นเวลา 3 เดือน แต่ผู้ต้องหาทั้งสองรายให้การรับสารภาพมีเหตุบรรเทาโทษจึงคงเหลือจำคุก 1 เดือน 15 วัน ไม่รอลงอาญา พักใช้ใบอนุญาตขับรถเป็นเวลา 6 เดือน และริบรถยนต์ของกลางตกเป็นของแผ่นดิน

พล.ต.ต.นิธิธร กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะถึงนี้มีประชาชนในกรุงเทพมหานครเดินทางออกต่างจังหวัดเป็นจำนวนมาก ทำให้ปริมาณรถในกรุงเทพมหานครค่อนข้างน้อย และส่งผลให้ถนนสายต่างๆ รวมถึงบนทางด่วนและทางพิเศษไม่มีรถสัญจรไปมาอาจจะทำให้นักซิ่งทั้งหลายเห็นเป็นโอกาสที่จะแข่งรถกัน อยากให้ประชาชนได้ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาการแข่งขันรถในทางสาธารณะ ทางด่วนทางพิเศษ ว่ามีผลร้ายที่ตามมาอีกมากมาย มีบทลงโทษที่สูง จำคุก จึงรณรงค์ให้ประชาชนในพื้นที่ช่วยกันปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลโดยอบรมบุตรหลานไม่ให้ออกมารวมตัว มั่วสุมหรือมีพฤติกรรมแข่งขันรถในทางสาธารณะ และทางด่วนทางพิเศษ

พล.ต.ต.นิธิธร กล่าวต่อว่า กองบังคับการตำรวจจราจรจึงอยากประชาสัมพันธ์ให้ทราบว่าการแข่งรถบนทางด่วนหรือทางพิเศษนั้นเป็นความผิดที่มีบทลงโทษค่อนข้างสูง มีโทษจำคุกเนื่องจากส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนเป็นจำนวนมาก และคำพิพากษาของศาลนั้นมีคำสั่งริบรถยนต์ของกลาง และพักใช้ใบอนุญาตขับรถอีกด้วย จึงได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่อย่างปลอดภัยไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในขณะขับรถ และทราบเกี่ยวกับข้อกฎหมาย เพื่อลดอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นได้ และสิ่งสำคัญที่สุดต้องเตรียมความพร้อมเช็คความพร้อมยานพาหนะก่อนออกเดินทางทุกครั้ง เรามีศูนย์มอนิเตอร์คอยควบคุมและพร้อมจะดำเนินคดีตามกฎหมายกับทุกคนที่ทำกระทำผิดในช่วง 7 วันอันตรายนี้


“นอกจากนี้ที่นี่ก็เป็น 1 ในเส้นทางหลักทั้ง 15 เส้นทางที่ประชาชนใช้ออกนอกเมือง ประกอบกับนโยบายจากทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้กำชับมีการตั้งจุดตรวจสกัด 205 จุดทั่วกรุงเทพฯ โดยมีการรณรงค์เรื่องวินัยจราจร และอำนวยความสะดวกด้านการจราจร และกวดขันในทุกจุด “ผบก.จร. กล่าว

จากนั้นพล.ต.ต.นิธิธร ผบก.จร. พร้อมคณะ ได้เดินแจกแผ่นพับประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้รถใช้ถนนขับขี่รถด้วยความระมัดระวังอีกด้วย

ขอบคุณ
พ.ต.ท. เจษฎา ยางนอก
รองผกก.2 (ทางด่วน พิเศษ )บก.จร










เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศิวิไลย์ นายณัชพล สุพัฒนะ หรือ มาร์ค พิทบูล - พล.ท.อัศวิน รัชฏานนท์ รองหัวหน้าพรรค  นายวิวัฒน์ เจริญพาณิชย์ศิริ  เลขาธิการพรรคไทยศรีวิไลย์  พร้อมด้วยสมาชิกพรรค และ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ในนามพรรคไทยศรีวิไลย์  ได้จัดการประชุมใหญ่สามัญครั้งที่ 2 แถลงนโยบาย 10 ด้าน  โดยมีว่าที่ผู้ลงสมัครส.ส.เข้าร่วมประชุมกันอย่างคับคั่ง ก่อนหน้านั้นพรรคไทยศรีวิไลย์ได้จัดประชุมใหญ่สามัญครั้งที่ 1 เพื่อเลือกหัวหน้าพรรค รองหัวหน้าพรรค และ คณะกรรมการบริหารพรรคที่ประชุมมีมติเลือก นาย มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เป็นหัวหน้าพรรคและ นายณัชพล สุพัฒนะ หรือ มาร์ค พิทบูล เป็นรองหัวหน้าพรรค และได้ยื่นจดทะเบียนจัดตั้งพรรคต่อ กกต. เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2561
โดยในที่ประชุม นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ได้กล่าวกับสมาชิกพรรคที่เข้าร่วมประชุมเพื่อมอบนโยบายของพรรคและทำความเข้าใจในเรื่องข้อกฏหมายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง และแนวทางปฏิบัติในการหาเสียงให้มีการปฏิบัติอย่างถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด
              นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ กล่าวถึงนโยบาย 10 ด้าน ของพรรคไทยศรีวิไลย์ นโยบายด้านปราบปรามทุจริต ก่อนหน้านั้น ปปช.ออกฏหมายให้ ข้าราชการระดับสูงยื่นบัญชีทรัพย์สิน แต่ปรากฏว่า ข้าราชการไม่ยอมรับการตรวจสอบ ออกม.44 ยกเลิกคำสั่งดังกล่าว ซึ่งประชาชนรับไม่ได้    ดังนั้นคำสั่งใดของ คสช.ที่ยกเลิกการชี้แจงบัญชีทรัพย์สินข้าราชการ  เราจะยกเลิกทั้งหมดเมื่อเราได้อำนาจ ข้าราชการระดับสูงทุกคนจะต้องยื่นชี้แจงบัญชีทรัพย์สินทั้งหมด แล้วพรรคไทยศรีวิไลย์ก็จะเร่งรัดการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของนักการเมืองและข้าราชการ ที่ถูกร้องเรียนว่าร่ำรวยผิดปกติให้เร่งรัดรวดเร็วเด็ดขาด  ส่วนเรื่องการสอบบรรจุแต่งตั้งข้าราชการ ปัจจุบันมีการทุจริตเกือบทุกหน่วยงาน มี 2 รูป แบบ คือ โกงข้อสอบ ใช้สิทธิพิเศษของการเป็นปลัดกระทรวงอธิบดีแต่งตั้งลูกหลานของตัวเองเข้าไปด้วยคะแนนพิเศษ เราจะยกเลิกระบบนี้ทั้งหมด   การสอบบรรจุเข้ารับราชการในอนาคตจะเป็นการสอบแบบปรนัย 50% อัตนัย 50% เชื่อว่าระบบนี้จะไม่มีการคอรัปชั่น ถ้าเราได้ข้าราชการที่ดีเขาจะมาทำงานให้เรา ถ้าเราได้ข้าราชการขี้โกงเขาก็จะมากดขี่ข่มเหงเรา แนวทางนี้เราชัดเจน นอกจากนี้เราจะยกเลิกระบบคะแนนพิเศษให้กับ ข้าราชการต่างๆ ปลัดกระทรวง อธิบดี ผู้อำนวยการ เข้าบรรจุลูก หลาน ญาติเข้ารับราชการ ซึ่งต่อไปประชาชนลูกหลานคนยากคานจนทุกคนมีสิทธิ์ สอบบรรจุเข้ารับราชการด้วยคะแนนความสามารถของตัวเอง
นายมคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ กล่าวถึง นโยบายแนวทางการเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร ปัจจุบันสินค้าราคาเกษตรตกต่ำ ไม่ว่าจะเป็น ปาล์ม อ้อย ลำใย ข้าว ยาพารา มะพร้าว เกษตรกรเดือดร้อนมาก ซึ่งนโยบายของพรรคในการเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร เราจะไม่ใช้เงินในอนาคต หรือ ใช้เงินแผ่นดินมาแก้ปัญหา  เราจะใช้วิธีในการออกกฎหมาย กำหนดราคาสินค้าขายภายในประเทศ หมายความว่า เราจะดูก่อนว่าต้นทุนของพี่น้องเกษตรกรเท่าไหร่ หลังจากนั้นเราจะเปรียบเทียบ เช่น ถ้าข้าวต้นทุน 7,000 บาท เราจะเพิ่มให้อีกเขา 20% ให้เขามีกำไรแต่เราจะไม่ใช้เงินรัฐซื้อ เราจะออกกฎหมายให้พ่อค้าคนกลางรับซื้อ พ่อค้าคนกลางไม่รับซื้อ หรือรับซื้อต่ำกว่าราคาที่เรากำหนดก็ติดคุก เมื่อพ่อค้าคนกลางรับซื้อไปแล้วเรากำหนดราคาขายของพ่อค้าคนกลางกับผู้บริโภค หมายความว่าเราจำกัดพ่อค้าคนกลางว่าควรจะได้กำไรเท่าไหร่


นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ กล่าวต่อไปอีกว่า เรื่องปุ๋ย เรื่องผลิตภัณฑ์ต่างๆ ปัจจุบันปุ๋ยเคมี ซื้อในราคาถูกแต่ขายในราคาแพง เราจะแก้ไขคณะกรรมการกำหนดราคาปุ๋ยทั่วประเทศทั้งหมด เราจะผลักดันให้มีปุ๋ยที่ผลิตขึ้นมาเองไม่มีสารพิษ ส่วนปุ๋ยที่มีสารเคมีเราจะเอาออกให้หมดเพื่อไม่ให้พี่น้องประชาชนป่วยเป็นมะเร็ง  นอกจากนั้นจะมีการจัดการบริหารหนี้ให้แก่เกษตรกรทั้งหมด แต่ไม่ใช่การยกเลิกหนี้ เราจะใช้วิธีจัดการเรื่องดอกเบี้ย เบี้ยปรับ เรื่อง การผ่อนปรนในระยะเวลาที่กำหนด กำหนดอัตราในการให้สินเชื่อเกษตรกรใหม่ทั้งหมด เพื่อให้เกษตรกรเดินได้  และดอกเบี้ยต้องเป็นธรรม  ส่วนนโยบายเรื่องพลังงานที่ประเทศไทยขายแพงกว่ามาเลเซีย ในเมื่อพลังงานมันอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แล้ว เราจะออกพันธบัตรให้กับพี่น้องประชาชนซื้อหุ้นคืนอีกประมาณ 33 %  เมื่อเราซื้อคืนนั่นหมายความว่ากำไร 33% เราไม่ต้องแบ่งใคร เข้ารัฐเต็มๆ เราก็นำกำไรภาษีดังกล่าวมาเป็นส่วนลดในการไม่เก็บภาษีสรรพษามิตร กองทุนน้ำมัน ภาษีอื่นๆ พี่น้องประชาชนไม่ต้องใช้น้ำมันที่แพงกว่ามาเลเซียซึ่งจะทำได้ในราคา 19 บาท/ลิตร ต้นทุนการขนส่ง ค่าครองชีพประชาชนต่ำ เงินก็เหลือมากขึ้น เขาเรียกว่า ลดรายจ่ายประชาชน ส่วนการแปรรูป ปตท ปี 2544 ที่ประเมินราคาต่ำกว่าความเป็นจริง เราจะดำเนินคดีผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด ส่วนนโยบายด้านการสาธารณสุข เราจะกำหนดงบประมาณรายหัวเพิ่มเติมให้กับพี่น้องประชาชนด้านการรักษาพยาบาล ส่งเสริมให้มีการใช้สมุนไพรรักษาโรคไม่ว่าจะเป็นมะเร็งเบาหวานความดัน หัวใจ รูคีเมีย หรือ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง สนับสนุนส่งเสริมให้ใช้สมุนไพร  ปัจจุบันยาที่นำเข้าจากต่างประเทศไม่สามารถรักษาน้องประชาชนชาวไทยได้เลย
นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ กล่าวต่อไปอีกว่า นโยบายคืนความเป็นธรรมให้ธุรกิจชุมชนหรือ SME  หรือเรียกว่าโชว์ห่วย เราจะออกกฎหมายห้ามทุนใหญ่ทำการแข่งขันกับธุรกิจชุมชน อาทิ เซเว่นอีเลฟเว่น มินิมาร์ท หรือมินิสโตร์ เปิดได้ไม่เกิน 30 เปอร์เซ็นต์ นั่นหมายความว่าทุนใหญ่เป็นเจ้าของได้ 30 % อีก 70 %  เราจะคืนให้กับพี่น้องประชาชน  ต้องขายให้กับพี่น้องประชาชนร่วมเป็นเจ้าของ ต่อไปเราจะไม่มีเซเว่นที่เป็นเจ้าของคนเดียวหรือมินิสโตร์จะเป็นเจ้าของคนเดียวเราจะคืนธุรกิจให้กับชุมชนได้เป็นเจ้าของด้วย  ส่วนนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ   เราไม่มีแนวทางแปรรูปรัฐวิสาหกิจให้กับเอกชน รัฐวิสาหกิจมีหน้าที่คานอำนาจราคาให้กับเอกชน เพื่อไม่ให้เอกชนผูกขาดหรือสมยอมเอกชน  ปัจจุบันมีพนักงานบางคนในรัฐวิสาหกิจที่เข้า 10.00น.เลิก 14.00น.จะไม่มีอีกต่อไป จะต้องเข้า 8:00 น .เลิก 17:00 น การจัดซื้อจัดจ้างทุกอย่างต้องรัดกุม ประหยัด ต้องใช้งานได้นาน คุ้มค่า ใช้งานได้ประสิทธิภาพ
นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ กล่าวถึง นโยบายด้านการรักษาความมั่นคงภายในประเทศ เมื่อได้เป็นรัฐบาลเราจะกำจัดและปราบปรามขบวนการทำลายสถาบัน ทั้งในประเทศและนอกประเทศ แบบถึงลูกถึงคน นั่นหมายถึงเว็บไซต์ต่างๆ ยูทูป ที่โจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เราจะจัดการแบบรวดเร็วและดุดัน  ตามจับนักโทษหนีคดี ที่หนีไปต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นคดีทุจริต คดีหมิ่นสถาบัน ประสานนำตัวเข้ามาดำเนินคดีที่ไทย ประหารนักโทษที่หนีคดีทุจริตที่มีความเสียหายแก่ประเทศ ประหารผู้ที่ก่อคดีอุฉกรรจ์ฆ่าข่มขืน ตัดอวัยวะเพศคดีข่มขืน ประหารพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่   นโยบายด้านการทหาร ทำนุบำรุงขวัญทหารดูแลทหารอาวุธยุทโธปกรณ์ให้พร้อมรบตลอดเวลา  เมื่อถามว่าทำไมต้องพร้อมรบตลอดเวลา นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์  กล่าวว่า  การทำมาค้าขายระหว่างประเทศ ถ้าไม่มีกำลังทหารพร้อมรบเขาจะไม่จ่ายเงินเขาเรียกว่าคานอำนาจทางเศรษฐกิจ เพราะฉะนั้นกำลังทหารมีส่วนสำคัญ  ถ้ากองทัพเข้มแข็งธุรกิจเราก็จะเข้มแข็งประชาชนก็จะปลอดภัย  เราต้องพัฒนากองทัพไทยให้ก้าวสู่กองทัพโลกติด 1 ใน 10 ภายใน 5 ปี เพื่อปกป้องสเถียรภาพ ผลประโยชน์ของคนในชาติเป็นสำคัญ  นโยบายด้านการศึกษา กำจัดระบบแป๊ะเจี๊ยะ

รับเงินใต้โต๊ะ ลดเงินเดือนข้าราชการ คณบดี รองคณบดี อธิการบดี ในมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ(ม.นอกระบบ)  ให้ใกล้เคียงกับจุดเดิม เพื่อนำไปลดค่าเทอมนักศึกษาในระดับชั้น ป.ตรี-โท-เอก  นักเรียนตั้งแต่ อนุบาล ประถม มัธยม ปัจจุบันยังเสียค่าบำรุงการศึกษา ปีละกว่า 6 หมื่นล้านบาท เมื่อเราได้เป็นรัฐบาล เด็กนักเรียนจะต้องไม่เสียค่าบำรุงการศึกษา จะได้ไม่ต้องรบกวนผู้ปกครองเพราะรัฐต้องดูแลอย่าให้เป็นภาระผู้ปกครอง
มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ กล่าวต่อไปอีกว่า  แนวทางเรื่องหนี้สินครู จะตั้งตั้งธนาคารครูแห่งประเทศไทย โดยรัฐบาลเข้ามาเป็นหุ้นส่วน ส่วนหนึ่งประมาณ 25% อีก 75% ให้ประชาชนชาวไทยร่วมมาเป็นเจ้าของ เจรจาปรับลดดอกเบี้ย-เบี้ยปรับทั้งหมด หรือ เรียกว่าซื้อหนี้คืนจาก ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย และ สหกรณ์ออมทรัพย์ครูต่างๆ จำนวนกว่า 9 แสนราย ข้าราชการส่วนอื่นๆ ใช้ในแนวทางเดียวกันทั้งหมด   นโยบายลดหนี้รัฐสร้างสวัสดิการประชาชน คือเรายกเลิกหมายเลขธนบัตรหมายเลขเดิม แล้วเปลี่ยนเป็นหมายเลขใหม่ นำเงินที่พิมพ์หมายเลขใหม่ชดเชยเงินที่ไม่มีที่มาไม่สามารถชี้แจงได้ว่าเงินมาจากไหน นำเงินส่วนนี้ใช้หนี้รัฐ อีกส่วนทำสวัสดิการประชาชน  ดูแลประชาชนตั้งแต่เกิดยันตาย ให้กับพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ  นายมงคลกิตติ์ กล่าวทิ้งท้าย ….
          ด้าน นายณัชพล สุพัฒนะ หรือ มาร์ค พิทบูล  รองหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์กล่าวว่า พรรคไทยศรีวิไลย์ เป็นพรรคที่ใช้เงินน้อยที่สุดในการหาเสียง วันนี้ผมใช้มือถือแค่เครื่องเดียว เหมาจ่ายเดือนละ 900 บาท  พรรคการเมืองอื่นใช้เงินเป็นพันล้าน  ส่วนผมใช้เงินวันละ 30 บาทในการหาเสียง เหมาจ่ายเดือนละ 900 บาท ใช้มือถือในการเฟซบุ๊กไลฟ์  สถิติสูงสุด 3  ล้าน 5 แสนคน ที่ดูผม นั่นหมายความว่า โลกออนไลน์เข้าถึงทุกพื้นที่ ประชากรไทยมีมือถือทุกคน ผมไม่เคยกลัวที่รัฐบาลบอกว่าไม่ให้หาเสียงด้วยการทุ่มเงิน เราไม่จำเป็นต้องใช้เงิน ผมมั่นใจว่าชาวบ้าน 30 คน ต้องรู้จัก มาร์ค พิทบูล 5 คน
นายณัชพล สุพัฒนะ รองหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์  กล่าวถึงการลงพื้นที่ภาคใต้ว่า พี่น้องภาคใต้บอกกับผมว่า อยากลองของใหม่ ที่ผ่านมาเขาไม่ได้ชอบพรรคการเมืองเดิม แต่เขาไม่มีตัวเลือก เขาเลยเลือกพรรคเดิม ผมเชื่อว่าพื้นที่ภาคใต้เรามีศักยภาพพอที่จะได้ สส.