วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2563

รพ.เกษมราษฎร์ ประชาชื่นร่วมกับที่ปรึกษา กต.ตร.ผบช.ภ.1 นำทีมแพทย์ตรวจคัดกรองเชื้อไวรัสโควิด 19 ให้กับกำลังพลสืบสวนและอำนวยการภาค 1



รพ.เกษมราษฎร์ ประชาชื่นร่วมกับที่ปรึกษา กต.ตร.ผบช.ภ.1 นำทีมแพทย์ตรวจคัดกรองเชื้อไวรัสโควิด 19 ให้กับกำลังพลสืบสวนและอำนวยการภาค 1

นนทบุรี : วันที่ 29 เม.ย.63 เวลา 09.00 น. ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน  กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ต.ธนายุตม์  วุฒิจรัสธำรงค์  รอง ผบช.ภ.1 พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุภธีร์  บุญครอง  ผบก.สส.ภ.1 รศ.นพ.ปินยะ  เนตรวิเชียร  ผอ.รพ.เกษมราษฎร์  ประชาชื่น ดร.ชัยรัตน์  จำนงค์การ  ที่ปรึกษา ผบช.ภ.1  นำทีมคณะแพทย์และพยาบาลจำนวน 20 คน  ตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้กับกำลังพลและฝ่ายอำนวยการ กองบังคับการ ตำรวจภูธรภาค 1  โดยมีกำลังพลมาร่วมการตรวจคัดกรองสุขภาพจำนวน 500 นาย




 พล.ต.ต.ธนายุตม์  วุฒิจรัสธำรงค์  รอง ผบช.ภ.1 กล่าวว่า กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 มีความเป็นห่วงใยในสวัสดิภาพ และความปลอดภัยของกำลังพลที่ต้องสุ่มเสี่ยงต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด 19 ดังนั้นเพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับข้าราชการตำรวจในสังกัดและครอบครัว พล.ต.ต.สุภธีร์   บุญครอง ผบก.สส.ภ.1 จึงได้ประสานขอความร่วมมือกับทาง ดร.อัครพัฒน์  พร้อมเพรียงชัย  ผู้บริหารของโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ประชาชื่น  เพื่อนำขทีมบุคลากรทางการแพทย์มาตรวจคัดกรองเชื้อไวรัสโคโรนา  2019 หรือ โควิด 19 ให้กับข้าราชการตำรวจในสังกัดกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 1 และฝ่ายอำนวยการ กองบังคับการ ตำรวจภูธรภาค 1 ทุกนายโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ เพื่อสนับสนุนในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในสภาวะวิกฤตจากโรคติดเชื้อดังกล่าว  ซึ่งหากมีการตรวจพบว่ามีกำลังพลรายใดติดเชื้อทางโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ประชาชื่น  จะนำตัวไปทำการรักษาดูแลให้จนกว่าจะหายเป็นปกติโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายด้วยเช่นกัน




ภายหลังจากการตรวจเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว พล.ต.ต.สุภธีร์ ได้มอบสิ่งของบริโภค  อาทิ  นมกล่อง  ไข่ไก่ เคื่องอุปโภค ให้แก่ข้าราชการตำรวจทุกนายทุี่มาเข้ารับการตรวจคัดกรอง  เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับกำลังทุกนายในสังกัดของกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 1 และฝ่ายอำนวยการ กองบังคับการ ตำรวจภูธรภาค 1

ประชาชนคลองหลวง หอบหลักฐานขอคำชี้แจง ท้องถิ่นจังหวัดปทุมธานี !!



ตามเรื่องที่เคยร้องเรียนให้เอาผิดข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด จากกรณีที่มีผู้ร้องเรียนหลายเรื่องให้เอาผิดข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด แต่เรื่องที่ร้องเรียนก็ยังเงียบอยู่ หรือยังไม่ดำเนินการใดๆ ทำให้ยังไม่ทราบผลในเรื่องร้องเรียนต่างๆ ทั้งที่เวลาก็ผ่านมาเนิ่นนาน วันนี้ 29 เมษายน พ.ศ.2563 นายณัฐธีร์ พัสวีดิลกภัทร์ (คุณหนึ่ง) พร้อมทีมงานก็หอบหอบหลักฐานเอกสารไปศาลากลางจังหวัดปทุมธานี เพื่อขอเข้าพบดร.พินิจ บุญเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี และ ทกจ.ปทุมธานี เพื่อตามเรื่องที่เคยร้องเรียนให้เอาผิดข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในหลายๆ เรื่องด้วยกัน โดยมีผู้สื่อข่าวหลายสำนัก รวมทั้งช่อง 13 สยามไทยมาร่วมทำข่าว เพื่อหาความกระจ่างในเรื่องร้องเรียนต่างๆ นายณัฐธีร์ พัสวีดิลกภัทร์ (คุณหนึ่ง) ได้หอบหลักฐานเอกสารต่างๆ พร้อมกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า วันนี้มาติดตามผล พร้อมทั้งขอความกระจ่างในเรื่องที่เคยร้องเรียนให้เอาผิดข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดนั้น มีทั้งหมด 7 เรื่องด้วยกัน คือ

เรื่องที่ 1. เป็นเรื่องการตั้งคณะกรรมการสอบสวนนายวิทยา เยาวละออง ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ กรณีไม่ส่งผลการพิจารณาสอบสวนทางวินัยนางสุดา ทองวิลัย ตามคำสั่งเทศบาลเมืองคลองหลวงที่ 287/2562 ลงวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

เรื่องที่ 2. คือเรื่องขอให้สั่งพักราชการ หรือให้ออกจากงานก่อน ของพนักงานเทศบาลเมืองคลองหลวงจำนวน 13 คน ที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีอาญาที่ศาลประทับรับฟ้องแล้ว (เรื่องประธานสภาเทศบาลเมืองคลองหลวงฟ้องกลับ) เพื่อรอผลการพิจารณาคดีอาญา เมื่อเจ้าหน้าที่เทศบาลทั้งหมด 13 คน ตกเป็นผู้ต้องหาแล้ว ทั้งหมดต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว ตนจึงมายื่นหนังสือเพื่อขอให้สั่งพักราชการเจ้าหน้าที่เทศบาลทั้ง 13 คน หรือให้ออกจากงานไว้ก่อน




เรื่องที่ 3. คือเรื่องขอให้ดำเนินการทางวินัยกับนายฉัตรชฎา สมสะอาด กรณีนำรถหลวงที่ทางจังหวัดยืมมาจาก อบจ.ปทุมธานี ไปใช้ส่วนตัว จนเกิดอุบัติเหตุ แล้วนำรถคันดังกล่าวไปซ่อมเอง โดยไม่บอกต้นสังกัดทราบ เรื่องนี้ถูกร้องเรียนมาตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2562 ทราบมาว่ามีการพิจารณาเรื่องดังกล่าวไปแล้ว แต่ไม่มีการเรียกสอบผู้ร้อง และพยานที่มายกรถ รวมทั้งพยานอู่ซ่อมรถ ซึ่งเรื่องดังกล่าวก็ยังเงียบอยู่ ไม่ทราบผลของการพิจารณา



 เรื่องที่ 4. เป็นเรื่องขอให้ดำเนินการสอบสวนทางวินัย นายฉัตรชฎา สมสะอาด กรณีเรียกรับผลประโยชน์ และเปิดเผยเอกสารทางราชการ ซึ่งเรื่องนี้สามารถดำเนินการทางวินัยได้ทันที โดยไม่ต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้วเนื่องจากมีพยานหลักฐานและพยาน ซึ่งตามมาตรฐานเกี่ยวกับวินัยและการรักษาวินัย และการดำเนินการทางวินัย ข้อ 20 วรรค 4 ข้อ 22 วรรค 3 และหนังสือสำนักงาน ก.อบต ก.ท. และ ก.จ. ที่มท. 0808.2/195 ลงวันที่ 8 กันยายน พ.ศ.2561สามารถดำเนินการทางวินัยได้ทันที ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงอีกครั้งหนึ่ง




เรื่องที่ 5. คือเรื่องขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน คณะกรรมการสอบสวน 6 คน กรณีไม่ส่งผลการพิจารณาสอบสวนทางวินัยนางสุดา ทองวิลัย ตามคำสั่งเทศบาลเมืองคลองหลวง ที่ 287 และ 288/ 2562 วันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เพราะว่า ถ้ามีการส่งผลการสอบสวน ท้องถิ่นจังหวัดจะไม่ให้สัมภาษณ์ว่า เรียก ผอ.วิทยา เยาวละออง เข้ามาให้การเรื่องการตั้งคณะกรรมการสอบสวนดังกล่าวอีกครั้งตามคลิปสัมภาษณ์วันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2563 และตามระเบียบแล้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดไม่สามารถตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องเดิมที่เคยตั้งกรรมการสอบสวนแล้วได้

เรื่องที่ 6. เป็นเรื่องขอให้ระงับโครงการกล้องวงจรปิดของเทศบาลเมืองคลองหลวง ที่ราคาแพงเกินจริงกว่า 2.5 เท่า ตามที่ได้เคยส่งเรื่องร้องเรียนดังกล่าวแล้ว แต่ปัจจุบันยังไม่มีการดำเนินการระงับโครงการดังกล่าว และยังมีความพยายามดำเนินโครงการดังกล่าวต่อไป ด้วยการเชิญผู้ประกอบการเข้ามาพรีเซ้นต์ที่เทศบาลเมืองคลองหลวง จึงขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดใช้อำนาจเข้าควบคุมเทศบาลตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 ส่วนที่ ท.6 มาตรา 72 เพื่อเข้ามาควบคุมเทศบาล และระงับโครงการกล้องวงจรปิดดังกล่าว เพื่อไม่ให้เกิดผลเสีย และใช้งบประมาณเกินความเป็นจริง

เรื่องที่ 7. คือเรื่องขอให้สั่งพักงานหรือให้ออกจากก่อนของข้าราชการและพนักงานเทศบาลจำนวน 16 คน ที่ตกเป็นผูต้องหาในคดีอาญาที่ศาลประทับรับฟ้องแล้ว ในกรณีออกคำสั่งโดยมิชอบที่ไม่รับปลัดเทศบาลคนใหม่ ที่ปลัดจุฑารัตน์ขอใช้อำนาจนายกฯ ในการรับปลัดเทศบาล เมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2562 และมีการพิจารณาอีกครั้งในการประชุม กทจ.ปทุมธานี เพื่อรอผลการพิจารณาคดีอาญา 11/2562

นอกจากการติดตามการร้องเรียน 7 เรื่องดังกล่าวแล้ว นายณัฐธีร์ พัสวีดิลกภัทร์ (คุณหนึ่ง) ยังได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวเพิ่มเติมอีกว่า เพิ่งได้รับข่าวจากกรมเจ้าท่าในกรณีเททับถมคูคลองแล้วยึดเป็นที่ส่วนตัวจำนวนมาก จนทำให้ประชาชนในพื้นที่เดือดร้อน เพราะเวลาฝนตกน้ำไหลไม่สะดวก จนกลายเป็นน้ำท่วมขัง และกรมเจ้าท่าแจ้งว่าพื้นที่ดังกล่าว ได้ตรวจสอบแล้วว่าเป็นที่ของกรมเจ้าท่า ไม่ใช่พื้นที่ส่วนตัว ซึ่งเรื่องนี้ได้ดำเนินการฟ้องร้องกันมานานหลายปีแล้ว แต่เรื่องก็ยังเงียบอยู่ และพื้นที่ดังกล่าวมีชื่อดร.พินิจ บุญเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีรวมอยู่ด้วย จึงอยากจะมาสอบถามดร.พินิจ บุญเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีในเรื่องพื้นที่ดังกล่าวด้วย

จาก ข่าวชัดประเด็นจริง

วันพุธที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563

“หลวงพ่อวัดโปร่งเก่า”สนองพระดำริ พระสังฆราชฯออกเยี่ยม มอบของดำรงชีพให้คนแก่+ผู้ยากไร้ ช่วงโควิด 19 ระบาด



“หลวงพ่อวัดโปร่งเก่า”สนองพระดำริ พระสังฆราชฯออกเยี่ยม มอบของดำรงชีพให้คนแก่+ผู้ยากไร้ ช่วงโควิด 19 ระบาด

เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2563 ที่วัดโปร่งเก่า
ต.บ้านโปร่ง อ.หนองโดน
จ.สระบุรี  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระอธิการดนัย  อติภทฺโท เจ้าอาวาสฯฯ ได้ออกเยี่ยมชาวบ้านบริเวณรอบวัด โดยพระดนัย เปิดเผยว่า มีความเป็นห่วงพุทธศาสนิกชนในช่วงโรคโควิด 19 ระบาด ทางวัดอาตมามีพระจำนวนน้อย มีจำนวนของที่ได้จากการบิณฑบาตร รวมถึงสิ่งของที่ญาติโยมนำมาถวายในโอกาสงานบุญต่างๆมีเหลือ ทั้งได้เล็งเห็นถึงความเดือดร้อน ของญาติโยมในยามเกิดวิกฤตแบบนี้จึงได้ออกเยี่ยมเยี่ยน สอบถามสารทุกข์สุขดิบ พร้อมทั้งได้นำสิ่งที่ใช้สำหรับการยังชีพ มอบให้กับญาติโยมที่มีฐานะยากจนที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ รวมถึงคนแก่ติดเตียง ซึ่งจริงๆแล้วอาตมาได้ทำกิจกรรมนี้ต่อเนื่อง 2 ปีแล้ว มาตั้งแต่มารับตำแหน่งเจ้าอาวาสใหม่ๆแล้ว เช่นมีโล่งศพ ได้มอบให้ศพผู้ยากไร้ ไม่มีญาติ  ข้าวสาร อาหารแห้ง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป กระดาษทิชชู่ ผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับ คนแก่ ผู้ป่วยติดเตียง ข้าว-แกง ฯ โดยวันนี้ได้มอบให้กับญาติโยม ในเขตพื้นที่ ต.บ้านโปร่ง ซึ่งมีอยู่ 5 หมู่บ้าน โดยได้รับความร่วมมือจาก เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอ  พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ หน่วยแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี(พอ.สว.)เป็นอย่างดี





“พระอธิการดนัย”กล่าวอีกว่า ที่สำคัญอาตมาได้สนองตามแนวพระดำริของ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก”ที่พระองค์ท่านได้ทรงติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 19 (COVID-19) ซึ่งมีความรุนแรงขึ้นอย่างกว้างขวาง ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัย การประกอบอาชีพ การดำเนินชีวิตประจำวัน และฐานะทางเศรษฐกิจ ก่อให้เกิดความยากลำบากในหมู่ประชาชนผู้มีรายได้น้อย หรือตกอยู่ในภาวะที่ต้องปรับรูปแบบการดำรงชีวิตอย่างกะทันหัน พร้อมทั้งทรงพระดำริว่า”



“วัดเป็นศูนย์กลางของชุมชนคู่กับสังคมไทยมานับแต่โบราณตราบจนปัจจุบัน วัดไม่เพียงแต่เป็นที่พำนักของพระภิกษุสามเณร แต่ยังเป็นสถานสาธารณสงเคราะห์ของชุมชนด้วย จึงสมควรที่จะให้วัดที่มีศักยภาพเพียงพอที่จะอนุเคราะห์ประชาชนผู้ประสบความยากลำบาก ดำเนินภารกิจตามบทบาทหน้าที่ที่ดำรงอยู่นับแต่อดีตกาลในการนี้ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชายังโปรดให้ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พิจารณาสั่งการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้ประสานงานกับวัดทั่วราชอาณาจักรซึ่งมีศักยภาพเพียงพอ จัดตั้งโรงทาน ช่วยเหลือผู้ประสบความยากลำบากในสถานการณ์โรคระบาด ทั้งนี้ มิใช่การบังคับ แต่เป็นการกำหนดแนวทางประสานความร่วมมือ โดยให้คำนึงถึงความความพร้อมของแต่ละวัด ประกอบกับการสนับสนุนจากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมในชุมชนนั้นๆ เป็นสำคัญ อีกทั้งให้ประสานภารกิจร่วมกับหน่วยงานและบุคลาการทางการแพทย์และการสาธารณสุขซึ่งมีประจำอยู่ในแต่ละพื้นที่ ในการปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดตั้งโรงทาน และการแจกจ่าย ให้เป็นไปตามหลักสุขอนามัย โดยต้องไม่มีการจัดพิธีการ พิธีกรรม กิจกรรม หรือการบริหารจัดการใดๆ ที่ต้องให้บุคคลจำนวนมากมารวมตัวกัน กับทั้งให้ปฏิบัติตามคำสั่ง มาตรการ และคำแนะนำของทางราชการอย่างเคร่งครัด  “ตามแนวพระบัญชาของ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราชฯ”

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดยคลินิกการการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว ห่วงใยสุขภาพบุคลากรทางการแพทย์ มอบเครื่องดื่มสมุนไพรจีน “จินจินฉา” บำรุงสุขภาพเสริมภูมิคุ้มกัน สู้ภัยโควิด-19



มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดยคลินิกการการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว ห่วงใยสุขภาพบุคลากรทางการแพทย์ มอบเครื่องดื่มสมุนไพรจีน “จินจินฉา” บำรุงสุขภาพเสริมภูมิคุ้มกัน สู้ภัยโควิด-19
.
วานนี้ (28  เมษายน  2563) นายอร่าม เอี่ยมสุรีย์ กรรมการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และผู้อำนวยการคลินิกการประกอบโรคศิลปะ สาขาการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว พร้อมด้วย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิฯ และคณะกรรมการมูลนิธิฯ ทำพิธีมอบเครื่องดื่มสมุนไพรจีน “จินจินฉา” บำรุงสุขภาพเสริมภูมิคุ้มกัน สู้ภัยโควิด-19  แก่บุคลากรทางการแพทย์ จำนวน 181 แห่ง ทั่วประเทศ รวมจำนวน 100,000 ชุด รวมงบประมาณเป็นเงิน  6,400,000 บาท  (หกล้านสี่แสนบาทถ้วน)   เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน บำรุงปอดและกระเพาะอาหาร ขับความชื้นและพิษร้อน   โดยมีนายแพทย์มรุต จิรเศรษฐสิริ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เป็นผู้รับมอบ ณ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี

.
คลินิกการประกอบโรคศิลปะ สาขาการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว  (คลินิกการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว)ในสังกัดมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เป็นหน่วยงานบริการทางการแพทย์แผนจีน ได้เล็งเห็นและห่วงใยในสุขภาพของบุคลากรทางการแพทย์ ที่อาจมีความเหนื่อยล้าซึ่งเป็นสาเหตุให้ภูมิต้านทานของร่างกายลดลง เนื่องจากทำงานหนักนับตั้งแต่สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) คลินิกการแพทย์แผนจีนหัวเฉียวจึงได้เลือกสูตรยาดังกล่าว ซึ่งแนะนำสูตรโดยสำนักงานคณะกรรมการวางแผนสุขภาพและครอบครัวนครเซินเจิ้น สาธารณรัฐประชาชนจีน และปรับสูตรให้เข้ากับภูมิอากาศในประเทศไทย  ชมรายละเอียดและข้อบ่งชี้เพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3eYtLwU หรือเว็บไซต์ huachiewtcm.com
** แพทย์แผนจีน เพื่อนร่วมวิชาชีพ ร่วมแรงร่วมใจ ฟันฝ่าวิกฤตไปด้วยกัน **
.
#มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง110ปีความดีที่ยั่งยืน
#ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ##
#แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418
#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน...

"ดำฤทธิ์ วิริยะกุล บก. ข่าวภูมิภาคไทยรัฐ" รับมอบอุปกรณ์ป้องกันเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019


  • "ดำฤทธิ์ วิริยะกุล บก. ข่าวภูมิภาคไทยรัฐ" รับมอบอุปกรณ์ป้องกันเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019



วันที่ 28 เมษายน 2563 เวลา 14.00 น. : นายดำฤทธิ์ วิริยะกุล บรรณาธิการ ข่าวภูมิภาคหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ให้การต้อนรับ มิสเตอร์ ลี หลิง ไห่ Mr. LI  Ling Hai ประธานกรรมการ บริษัท ไชน่าไทยทัวร์ และ จีนธุรกิจ กรุ๊ป พร้อมคณะฯ "มุ่งมั่น จริงใจ สร้างสัมพันธ์ไทย-จีน" พร้อมรับมอบอุปกรณ์ป้องกันเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 อาทิ หน้ากากอนามัย จำนวน 2,000 ชิ้น, ถุงมือยาง จำนวน 5,000 ชิ้น, เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ ขนาด 550 ml จำนวน 1ลัง และเครื่องวัดอุณหภูมิเทอร์โมสแกน จำนวน 5 เครื่อง เพื่อนำไปมอบให้ผู้สื่อข่าวและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ใช้เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า (โควิด-19) โดยมี นายอนันต์ นิลมานนท์ นายกสมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย (สภท.55ปี) ร่วมด้วย ณ สนง.ใหญ่ ไทยรัฐ วิภาวดี กรุงเทพฯ
#สมาคมหนังสือพิมพ์​ส่วนภูมิภาค​ (สภท.55ปี)
#ธวัชชัยเฟื่องอนันต์​รายงาน
#T.Newsman007Online


271330 เม.ย.63 พล.ต.อ.ศตวรรษ  หิรัญบูรณะ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร./ผอ.ศปก.ตร. ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ประจำจุดตรวจควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 สน.แสมดำ โซน 3 หน้าปั๊ม ปตท. พระราม 2 ซอย 92 ถนนพระราม 2 แขวงเเสมดำ เขตบางขุนเทียน พบ พ.ต.อ.อำนาจ  หาญชนะ  ผกก.สน.เเสมดำ พ.ต.ท.พงศ์สัณห์  มีศรี  รอง ผกก.ป.สน.แสมดำ  พ.ต.ท.ปิยณัฐ  สุวรรณ์ธนากญณ์ รอง ผกก.ป.สน.เทียนทะเล พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ อยู่ปฏิบัติหน้าที่เรียบร้อย จึงได้ให้คำแนะนำในการปฏิบัติ พร้อมทั้งได้มอบ หน้ากากอนามัย  เเอลกอฮอล์ล้างมือ อาหารแห้ง และน้ำดื่ม เพื่อสร้างขวัญกำลังใจ ให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยที่ร่วมปฏิบัติ การปฏิบัติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย








มอบแตงโมง 12ตัน พร้อม อาหารตำบลปลายกลัดอำเภอบางซ้าย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา



มอบแตงโมง 12ตัน พร้อม อาหารตำบลปลายกลัดอำเภอบางซ้าย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา


คุณ ชณทัต ปัทะมะภูวดล อนุกรรมการ สภากรุงเทพมหานคร คณะ(SMART CITY ) และกลุ่ม Crazy Ghost (กลุ่มรถฮาร์เลย์)ลงพื้นที่ ตำบลปลายกลัดอำเภอบางซ้าย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา แจกแตงโมจำนวน12ตัน มะม่วง และอาหาร ให้แก่ผู้ที่รับผลกระทบจากไวรัสโควิด19




โดยมีกำนันตำบลปลายกัดเป็นผู้รับมอบ คือกำนัน สินิรัชต์ โพธิ์พิทัก นำไปแจกในพื้นที่ทุกครัวเรือน จำนวน1,500 ครัวเรือน เพื่อนำไปใช้ในการดำรงชีวิตประจำวันจากนั้น คุณชณทัต ปัทะมะภูวดล และกลุ่ม Crazy Ghost (กลุ่มรถฮาร์เลย์) ได้เข้าเยี่ยมคนพิการ และ คนชรา ในพื้นที่



ปัจจุบันอำเภอบางซ้ายมีประชากร 4หมื่นกว่าคนที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิต19 รวมทั้งผลกระทบจากภัยแล้ง ไม่มีน้ำทำการเกษตร ทำให้คนพื้นที่ยังขาดรายได้ และอาหารอีกมาก



โดย ก่อนหน้านี้ ได้มอบหน้ากากอนามัยให้กับประชาชนในพื้นที่อำเภอบางซ้าย โรงเรียนในอำเภอบางซ้าย ศูนย์ราชการในอำเภอ
ต่อมาก็ได้มอบหน้ากากอนามัย10,000 ชิ้นและอุปกรณ์ต่างๆทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลบางซ้าย อ.บางซ้าย จ.อยุธยา โดย มอบอย่างต่อเนื่อง



วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2563

ยื่นมือช่วย! Mask Bank ส่งจดหมายน้อยหา 'ลุงตู่' ขอร่วมสู้ภัยโควิด-19 แม้ไม่ใช่มหาเศรษฐี

ยื่นมือช่วย! Mask Bank ส่งจดหมายน้อยหา 'ลุงตู่' ขอร่วมสู้ภัยโควิด-19 แม้ไม่ใช่มหาเศรษฐี



เยาวชนไทย ส่งจดหมายน้อยถึงนายกรัฐมนตรี ขอยื่นมือช่วยชาติสู้ภัยโควิด-19 ผุดไอเดีย Startup สร้างธนาคารหน้ากาก ร่วมกับอาสาสมัครกว่าแสนคน ระดมทุนรับบริจาค เพื่อเปิดโรงงานผลิตหน้ากากอนามัย N95 สําหรับ แพทย์ พยาบาล และหน้ากาก N95 สําหรับเด็ก แห่งแรกของประเทศไทยโดยคนไทย เพื่อบรรเทาปัญหาหน้ากากอนามัยขาดแคลน แม้ตนเองไม่ได้เป็นมหาเศรษฐี 1ใน 20 ของประเทศก็ตาม

จดหมายเปิดผนึกของคุณฟ้า ปรางพิสุทธิ์ แดงเดช ผู้ก่อตั้งโครงการธนาคารหน้ากาก ที่ต้องการส่งถึงพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อเสนอความช่วยเหลือรัฐบาลในการบรรเทาปัญหาการขาดแคลนหน้ากากอนามัยในการรับมือกับวิกฤติโควิด-19 ครั้งนี้ โดยคุณฟ้า ระบุว่า จากวิกฤติการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ภาระงานของคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นเรื่องที่คนไทยทุก คนต้องร่วมมือกัน ซึ่งคุณฟ้าเอง อาจไม่ได้เป็นมหาเศรษฐี 1ใน 20 ของประเทศ แต่ในฐานะเยาวชนไทยคนหนึ่ง เชื่อว่าการบ่นว่ารัฐบาลไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น เราจึงควรลงมือทำ และช่วยรัฐบาลเท่าที่ทำได้ จึงขอใช้แนวคิด แบบ Startup สร้างธนาคารหน้ากาก (Mask Bank) ร่วมกับอาสาสมัคร พร้อมทั้งประชาชนกว่าแสนคน ที่ร่วมระดมทุน และบริจาค (Crowdfunding & Donation ) เปิดโรงงานผลิตหน้ากากอนามัย N95 สําหรับ แพทย์ พยาบาล และหน้ากาก N95 สําหรับเด็ก แห่งแรกของประเทศไทยโดยคนไทย เพื่อแพทย์ชนบท 800 โรงพยาบาลทั่วประเทศ เนื่องด้วยความจำเป็นในการใช้หน้ากากอนามัย N95 ของแพทย์พยาบาล ที่ทํางานใกล้ชิดผู้ป่วยโควิด-19 ทำให้หน้ากากอนามัย N95 ไม่เพียงพอต่อการใช้งาน ซึ่งโรงงานดังกล่าว คุณฟ้า ตั้งใจเปิดให้ทันในเดือนมิถุนายนนี้ และเพื่อรับมือการเปิดภาคเรียนของเยาวชน น้องๆ ที่ต้องไปโรงเรียนในเดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งการผลิตหน้ากากอนามัยทางการแพทย์อยู่ในการกำกับดูแลของ อย. และปัจจุบันมีผู้ผลิตในประเทศ 10 แห่ง แต่หน้ากากอนามัย N95 ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งกับแพทย์และพยาบาลที่ทํางานใกล้ชิด ผู้ป่วยโควิด-19 มีผู้ผลิตในประเทศเพียงรายเดียว และมีพันธกิจ BOI ที่ต้องส่งออกทั้งหมด นอกจากนี้ ผู้นำเข้าหน้ากากอนามัย N95 ที่ถูกต้องผ่านการรับรองของ อย. มีเพียง 1 ราย และในปัจจุบันผู้นำเข้า รวมถึงผู้ผลิตดังกล่าวซึ่งเป็นบริษัทต่างชาติก็ได้รับผลกระทบจากนโยบาย American First ในการส่งสินค้าให้ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นลําดับแรก อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผู้ผลิต และผู้นำเข้าทั้ง 2 ราย จะได้ให้ความช่วยเหลือ แบ่งปันสินค้าให้มีใช้ในประเทศไทยเท่าที่สามารถทำได้แล้ว แต่ปริมาณหน้ากากอนามัย N95 ก็ยังไม่เพียงพอ ทำให้เกิดการนำเข้าแบบผิดกฎหมาย และขายสินค้าในราคาที่สูงเกินความเป็นจริง อีกทั้งหน้ากากยังมีคุณภาพต่ำหรือทำปลอม โดยไม่คำนึงถึงปัญหาที่จะเกิดจากการใช้งานหน้ากากที่ไม่ได้คุณภาพเหล่านั้น


และจากการเปิดเผยของนายแพทย์ วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม เกี่ยวกับการกระจายเวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ในการรับมือกับสถานการณ์แพร่ระบาดโรคโควิด-19 มี รายงานว่า ตั้งแต่วันที่ 2-15 เมษายนที่ผ่านมา องค์การเภสัชกรรมได้จัดสรรกระจาย หน้ากากอนามัยให้กับโรงพยาบาลทั้งของรัฐ และเอกชนไปแล้ว จำนวน 18 ล้านชิ้น ซึ่งในปัจจุบันมีหน้ากากอนามัยอยู่กว่า 11 ล้านชิ้น มีอัตราการใช้งาน 4 แสนชิ้นต่อวัน ขณะที่หน้ากากอนามัย N95 ที่มี ความต้องการ ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขตั้งเป้าไว้จำนวน 5 ล้านชิ้น ซึ่งทางองค์การเภสัชกรรมจัดสรรหาได้ ประมาณ 580,000 ชิ้น และเพื่อให้แผนการผลิตหน้ากากอนามัย N95 ดังกล่าวเป็นไปได้ตามเป้าหมาย ทางธนาคาร หน้ากาก จึงเปิดให้จองซื้อหน้ากากอนามัย N95 ได้ใน ราคา 580 บาท ต่อ 20 ชิ้น โดยเฉลี่ยราคาเพียงชิ้นละ 29 บาท ซึ่งปัจจุบันราคาขายทั่วไปอยู่ที่ชิ้นละ 60-210 บาทเพราะไม่มีการควบคุมราคา จึงทำให้ประชาชนเดือดร้อนกันถ้วนหน้า ซึ่งการจองซื้อหน้ากากอนามัย N95 จากทางโครงการจะเป็นการซื้อเพื่อการ บริจาคให้แพทย์ชนบท และเพื่อใช้งานเองในสัดส่วน #ให้1ใช้1 (ซื้อบริจาค 10 ชิ้น: ซื้อใช้เอง 10 ชิ้น) เพื่อสร้างสังคมแห่งการแบ่งปัน และสามารถจองซื้อเพื่อการบริจาค 100% ให้แพทย์ พยาบาลที่ ต้องทำงานใกล้ชิดผู้ป่วยได้มีหน้ากากอนามัย N95 ใช้ป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และโรคระบบทางเดินหายใจอื่นๆ อีกทั้งในระยะยาว หน้ากากอนามัย N95 เป็นหน้ากากอนามัยที่มีคุณ สมบัติในการป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ซึ่งเป็นปัญหาที่ประชาชนยังคงต้องเผชิญต่อไป แม้ว่าจะหมดปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 แล้วก็ตาม

สำหรับโครงการธนาคารหน้ากากนี้ ก่อตั้งขึ้นมาจากปัญหาการขาดแคลนหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ (Surgical Mask) เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวแบบ Startup ด้วยการเปิดระดมทุนโดยประชาชนสามารถจอง ซื้อหน้ากากอนามัยได้ในราคาชิ้นละ 2.50 บาท (ราคาควบคุมที่กรมการค้าภายในประกาศ แต่ ประชาชนหาซื้อไม่ได้จริง ต้องไปซื้อออนไลน์ในราคาสูงกว่า 8เท่าตัว) ซึ่งเป็นการซื้อเพื่อใช้งานเอง และเพื่อบริจาคให้หน่วยงานสาธารณสุข ตลอดจนองค์กรการกุศลต่างๆ ในสัดส่วน 1:1 (#ใช้ 1ให้1)



ทั้งนี้ หลังจากการเปิดตัวของธนาคารหน้ากากภายใต้แคมเปญรณรงค์ #หน้ากาก 2 บาท 50 มีจริงส่งถึงบ้าน และ #ใช้1ให้1 โครงการได้รับการสนับสนุนจากประชาชนจองซื้อหน้ากากอนามัยเข้ามาจำนวนมาก ทำให้ขณะนี้โครงการสามารถสั่งเครื่องจักรในการผลิตจำนวน 4 ชุด ซึ่งจะมีกำลังการผลิต 400,000 ชิ้น ต่อวัน ส่วนปัญหาสำคัญที่สุดในกระบวนการผลิตได้แก่ปัญหาวัตถุดิบที่ขาดแคลนทั่วโลก ทางโครงการฯ ได้ประสานขอความช่วยเหลือจากบริษัทในกลุ่ม ปตท. ซึ่งมีสารตั้งต้นในการผลิตชิ้นส่วน สำคัญของหน้ากาก และได้รับความช่วยเหลือในการสั่งวัตถุดิบจากบริษัทผู้ผลิตใยประเทศญี่ปุ่น ซึ่งคาดว่าจะทยอยส่งมอบหน้ากากให้ผู้จองซื้อ และผู้รับบริจาคได้ปลายเดือนมิถุนายนนี้ และเมื่อทางโครงการฯ ผลิตหน้ากากอนามัยให้กับผู้จองซื้อได้ครบแล้ว ธนาคารหน้ากากก็จะทำหน้าที่เป็นคลังสำรองหน้ากากอนามัย เพื่อสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ และให้ประชาชนมีโอกาสใช้หน้ากากอนามัยในราคาที่เป็นธรรม แม้ว่าปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 จะหมดลง แต่ปัญหาโรคระบบทางเดินหายใจอื่นๆ และปัญหามลพิษฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 จะยังคงมีอยู่ ดังนั้นหน้ากากอนามัยจึงยังคงเป็นสิ่งจำเป็นเช่นเดียวกับยาสามัญประจำบ้านสำหรับทุกครัว เรือน ซึ่งในขณะนี้ธนาคารหน้ากากอยู่ในระหว่างการจัดตั้งเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) แบบไม่ แสวงหากำไร (Non-profit Organization) การดำเนินงานของโครงการในระหว่างนี้ เพื่อเป็นการทำงานร่วมกัน ของทีมอาสาสมัคร และการสนับสนุนของหน่วยงานรัฐ และเอกชน อาทิ ธนาคารออมสินให้การสนับสนุนในการเปิดบัญชีโครงการธนาคารหน้ากาก รวมทั้งการช่วยเหลือในการให้สินเชื่อ เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการทำงาน ,สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ให้การสนับสนุนด้านการทำ AI image processing เพื่อควบคุมคุณภาพของหน้ากาก ,บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด (มหาชน) สนับสนุนด้านการจัดส่งหน้ากากจากโรงงานผลิตส่งถึงบ้าน และสมาคมร้านขายยาให้การสนับสนุนเรื่องการให้ความรู้ และคัดกรองโรคแก่ประชาชนทั่วไป โดยในระยะยาวธนาคารหน้ากาก มีแผนที่จะกระจายสินค้าผ่านสมาคมร้านขายยาให้ประชาชนสามารถเข้าถึงหน้ากากในราคาเป็นธรรม เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนหน้ากากที่มีผลกระทบกับผู้คนทั่วโลกอยู่ในขณะนี้ และแนวคิดของธนาคารหน้ากากมีโอกาสขยายไปยังประเทศอื่นๆ ทั่วโลก เพื่อช่วยเหลือคนอื่นตามหลักมนุษยธรรมต่อไป

วันเสาร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2563

วันที่ 24 0 4 2 0 2 0  ณ.โรงพยาบาลบําราศนราดูร จังหวัดนนทบุรี
เวลา 14.30 น ครอบครัว สิทธิสาครศิลป์
ครอบครัวโภชนพาณิชย์
ครอบครัวทองเคลือบ
ครอบครัวทวีศักดิ์ ครอบครัวโพธิ์ศรีทอง และ
ครอบครัวกิตติอารีพงษ์
ได้นำข้าวเหนียวหมูปิ้งนมสดจำนวน 300 ชุดชุดหนึ่งประกอบด้วยหมูปิ้งจำนวน 3 ไม้ข้าวเหนียว 1 ห่อบรรจุในกล่อง พลาสติกใส





ขนมฝรั่งแม่ไน้จำนวน 405  ถุง
คนอร์โจ๊กครับจำนวน 540 ถ้วย สายคล้อง แมส  เป็นซิลิโคน จำนวน 350 อัน
เจลสำหรับล้างมือ จำนวน 100 หลอด ได้นำไปมอบให้กับศูนย์โภชนาการของโรงพยาบาลบำราศนราดูรเพื่อมอบให้กับแพทย์และบุคคลทางการแพทย์ บุคคลเหล่านี้เป็นกลุ่มทำงานเพื่อต่อสู้กับโควิก 19  ซึ่งนับว่าท่านทั้งหลายเป็นผู้เสียสละอย่างยิ่ง ต้องขอขอบคุณ บุคคลเหล่านี้คือ



คุณปณิธิ เหล่าธรรมทัศน์ บริษัทยูนิเกรนจำกัด ได้มอบข้าวเหนียวตราสามงู ซึ่งเป็นข้าวเหนียวจากจังหวัดเชียงรายจำนวน 2 ถัง
คุณวรรณและคุณเอกหมูปิ้งนมสด "ฮัดชา" คิดราคาพิเศษ
ขนมฝรั่งแม่ไน้จังหวัดนนทบุรีมอบขนมฝรั่งจำนวน 35 ถุง 
เฮียน้อยโรงน้ำแข็งตลาดพลูอุดหนุนน้ำแข็งในการแช่หมู
อาซิ่มขายอุปกรณ์เครื่องครัว มอบชุดนึงข้าวเหนียวให้ 1 ชุด
คุณสุรศักดิ์มาลีอนุเคราะห์บริษัทเอราวัณรับเบอร์จำกัด ที่ราคาสายคล้องแมสในราคาพิเศษ



เมย์และเม๋ บริษัท มอคอสเมติก  creation  จำกัด มอบเจลสำหรับล้างมือจำนวน 100 หลอด และบุคคลคนนี้เป็นคนสุดท้ายที่จะต้องให้ความขอบคุณเป็นอย่างสูงคือคุณอุษณีย์โ ภชนพาณิชย์ และทีมงานที่ท่านได้มีความ กรุณาช่วยนึ่งข้าวเหนียวและปิ้งหมูให้อีกทั้งท่านและเพื่อนๆอย่างรวบรวมกันซื้อ คนอร์คัพโจ๊ก จำนวน 540 ถ้วย มามอบให้กับทางสถาบันบําราศนราดูร
วันที่ 24 0 4 2 0 2 0  ณ.โรงพยาบาลบําราศนราดูร จังหวัดนนทบุรี
เวลา 14.30 น ครอบครัวโภชนพาณิชย์
ครอบครัว สิทธิสาครศิลป์
ครอบครัวทองเคลือบ
ครอบครัวทวีศักดิ์ ครอบครัวโพธิ์ศรีทอง และ
ครอบครัวกิตติอารีพงษ์
ได้นำข้าวเหนียวหมูปิ้งนมสดจำนวน 300 ชุดชุดหนึ่งประกอบด้วยหมูปิ้งจำนวน 3 ไม้ข้าวเหนียว 1 ห่อบรรจุในกล่อง พลาสติกใส



ขนมฝรั่งแม่ไน้จำนวน 405  ถุง
คนอร์โจ๊กครับจำนวน 540 ถ้วย สายคล้อง แมส  เป็นซิลิโคน จำนวน 350 อัน
เจลสำหรับล้างมือ จำนวน 100 หลอด ได้นำไปมอบให้กับศูนย์โภชนาการของโรงพยาบาลบำราศนราดูรเพื่อมอบให้กับแพทย์และบุคคลทางการแพทย์ บุคคลเหล่านี้เป็นกลุ่มทำงานเพื่อต่อสู้กับโควิก 19  ซึ่งนับว่าท่านทั้งหลายเป็นผู้เสียสละอย่างยิ่ง ต้องขอขอบคุณ บุคคลเหล่านี้คือ
คุณปณิธิ เหล่าธรรมทัศน์ บริษัทยูนิเกรนจำกัด ได้มอบข้าวเหนียวตราสามงู ซึ่งเป็นข้าวเหนียวจากจังหวัดเชียงรายจำนวน 2 ถัง



คุณวรรณและคุณเอกหมูปิ้งนมสด "ฮัดชา" คิดราคาพิเศษ
ขนมฝรั่งแม่ไน้จังหวัดนนทบุรีมอบขนมฝรั่งจำนวน 35 ถุง 
เฮียน้อยโรงน้ำแข็งตลาดพลูอุดหนุนน้ำแข็งในการแช่หมู
อาซิ่มขายอุปกรณ์เครื่องครัว มอบชุดนึงข้าวเหนียวให้ 1 ชุด
คุณสุรศักดิ์มาลีอนุเคราะห์บริษัทเอราวัณรับเบอร์จำกัด ที่ราคาสายคล้องแมสในราคาพิเศษ
เมย์และเม๋ บริษัท มอคอสเมติก  creation  จำกัด มอบเจลสำหรับล้างมือจำนวน 100 หลอด และบุคคลคนนี้เป็นคนสุดท้ายที่จะต้องให้ความขอบคุณเป็นอย่างสูงคือคุณอุษณีย์โ ภชนพาณิชย์ และทีมงานที่ท่านได้มีความ กรุณาช่วยนึ่งข้าวเหนียวและปิ้งหมูให้อีกทั้งท่านและเพื่อนๆอย่างรวบรวมกันซื้อ คนอร์คัพโจ๊ก จำนวน 540 ถ้วย มามอบให้กับทางสถาบันบําราศนราดูร ต้องขอขอบคุณท่านผู้นี้เป็นอย่างสูงครับ