วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2567

“ประชาธิปัตย์”ยุค“เฉลิมชัย”เร่งวางยุทธศาสตร์เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม ตั้งเป้าอัพเกรดศักยภาพประเทศใหม่

    “ประชาธิปัตย์”ยุค“เฉลิมชัย”เร่งวางยุทธศาสตร์เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม ตั้งเป้าอัพเกรดศักยภาพประเทศใหม่



    “อลงกรณ์”หวัง“ครม.ใหม่”เร่งแก้ปัญหา”โลกร้อน ท้องหิว”อย่าทำประเทศเสียโอกาสซ้ำรอย”เศรษฐา1“


นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์

กล่าววันนี้(28 เม.ย.)ว่า ภายใต้วิสัยทัศน์ของดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์มองว่าสิ่งแวดล้อมมีความสำคัญไม่น้อยกว่าด้านเศรษฐกิจจึงมอบนโยบายในระหว่างการประชุมใหญ่พรรคประชาธิปัตย์เมื่อวานนี้ให้“คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์ทำหน้าที่กำหนดทิศทาง และยุทธศาสตร์ของพรรค ให้มีเป้าหมายที่ชัดเจนในด้านต่างๆ เช่น เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม …”เนื่องจาก

เศรษฐกิจไทยเผชิญปัญหาเชิงโครงสร้างและระบบเหมือนเครื่องยนต์ตัวเก่าทำให้ศักยภาพของระบบเศรษฐกิจอ่อนแอและถดถอยลงต่อเนื่องมากว่า20ปี

ดังจะเห็นได้ว่าในช่วงปี 2543ถึง 2553 เศรษฐกิจเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 3.5 และลดลงเหลือเพียงร้อยละ 2.7 ระหว่างปี 2554ถึง 2564และปีนี้ก็คาดว่าจะเติบโตไม่ถึง3%

  รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์กล่าวย้ำว่า คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์

กำลังเร่งจัดทำยุทธศาสตร์และนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมเพื่อเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศรวมทั้งตอบโจทย์ที่เป็นปัญหาและความท้าทายใหม่ๆซึ่งรอช้าไม่ได้ต้องเร่งสร้างระบบเศรษฐกิจใหม่ๆที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเช่นระบบเศรษฐกิจดิจิตอล (Digital Economy) เศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy)

เศรษฐกิจสูงวัย(Silver Economy) เศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) และเศรษฐกิจคาร์บอน(Carbon Economy) รวมทั้งยุทธศาสตร์AIปัญญาประดิษฐ์ เป็นต้น

“ ระบบเศรษฐกิจใหม่คือเครื่องยนต์แห่งการเติบโต(New Growth Engines)ที่จะยกระดับเพดานรายได้ใหม่ของประเทศและคนไทยให้สูงขึ้นเนื่องจากระบบเศรษฐกิจดั้งเดิมไม่มีพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้อีกต่อไปในภาวะที่ทั่วโลกกำลังเข้าสู่ยุคโลกเดือดและโลกรวน 

   สภาวะอากาศสุดขั้ว (Extreme Weather) อุณหภูมิที่สูงขึ้น ปรากฎการณ์เอลนิโญและลานีญามาเร็วกว่าที่คิดและร้ายแรงมากขึ้นทำให้เกิดภัยแล้งภัยร้อนน้ำท่วมขั้นวิกฤติกระทบต่อรายได้ของเกษตรกร ต้นทุนอาหารของประชาชน ห่วงโซ่การผลิตอาหารและความมั่นคงทางอาหาร(Food Security)

ตลอดจนปัญหาฝุ่นควัน PM 2.5 ทวีความรุนแรงมากขึ้นส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและการท่องเที่ยว 



“เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมเหมือน2ด้านของเหรียญ เราอยู่ในภาวะโลกร้อนและท้องหิว การรับมือวิกฤตด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจที่เผชิญอยู่ขณะนี้และในอนาคตเป็นเรื่องเร่งด่วนและต้องทำทันทีอย่างจริงจังต่อเนื่อง หวังว่า “ครม.ใหม่”จะเร่งแก้ปัญหา”โลกร้อน ท้องหิว”อย่างจริงจังอย่าทำประเทศเสียโอกาสซ้ำรอย

”เศรษฐา1“เพราะที่ผ่านมารัฐบาลแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมในระดับเชิงโครงสร้างและระบบน้อยมาก“

นายอลงกรณ์กล่าวในที่สุด.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น