วันพฤหัสบดีที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2566

สตง. ตระหนักถึงความสําคัญของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ล่าสุดลงพื้นที่ตรวจสอบ พร้อมให้ข้อเสนอแนะเพื่อเพิ่มผลสัมฤทธิ์และประสิทธิภาพการดําเนินงานการบริหารจัดการถนนทางหลวง ท้องถิ่นขององค์ปกครองส่วนท้องถิ่น

 สตง. ตระหนักถึงความสําคัญของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ล่าสุดลงพื้นที่ตรวจสอบ พร้อมให้ข้อเสนอแนะเพื่อเพิ่มผลสัมฤทธิ์และประสิทธิภาพการดําเนินงานการบริหารจัดการถนนทางหลวง ท้องถิ่นขององค์ปกครองส่วนท้องถิ่น



ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 กําหนดให้รัฐต้องจัดหรือดําเนินการให้มี สาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่จําเป็นต่อการดํารงชีวิตของประชาชนอย่างทั่วถึงตามหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน และ กําหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีหน้าที่และอํานาจดูแลและจัดทําบริการสาธารณะเพื่อประโยชน์ของ ประชาชนในท้องถิ่นตามหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งทางหลวงท้องถิ่นเป็นบริการสาธารณะที่องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นมีอํานาจและหน้าที่ในการบริหารจัดการทั้งทางหลวงที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกํากับดูแลอยู่เดิม และ ทางหลวงที่ได้รับการถ่ายโอน ซึ่งจากฐานข้อมูลถนนของระบบข้อมูลกลางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ณ วันที่ 15 มีนาคม 2565 พบว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีถนนทางหลวงท้องถิ่นในความรับผิดชอบจํานวนมากถึง 799,447 สายทาง


 นายประจักษ์ บุญยัง ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เปิดเผยว่า สํานักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ภายใต้

นโยบายการตรวจเงินแผ่นดินของคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินได้ตระหนักถึงความสําคัญของการบริหารจัดการ ทางหลวงท้องถิ่นในการอํานวยความสะดวกให้กับประชาชนใช้สัญจรด้วยความปลอดภัย สามารถขนส่งสินค้าและ ผลผลิตด้านการเกษตรออกสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็วและเป็นการลดต้นทุนในการขนส่ง จึงได้เลือกตรวจสอบเรื่อง ดังกล่าว ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2563-2564 และจากการสุ่มตรวจสอบผลสัมฤทธิ์และประสิทธิภาพการดําเนินงาน การบริหารจัดการถนนทางหลวงท้องถิ่นขององค์ปกครองส่วนท้องถิ่น จํานวน 20 แห่ง ซึ่งประกอบด้วย 1) องค์การบริหารส่วนจังหวัด 2) เทศบาลนครและเทศบาลเมือง และ 3) เทศบาลตําบลและองค์การบริหารส่วนตําบล

 

ในพื้นที่ 6 จังหวัด ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ มีข้อตรวจพบที่สําคัญ ดังนี้


  1. การจัดการข้อมูลถนนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่มีประสิทธิภาพ


1.1 การลงทะเบียนทางหลวงท้องถิ่นไม่ครบถ้วนและไม่ถูกต้อง จากการสุ่มตรวจสอบองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น จํานวน 20 แห่ง พบว่า มีการลงทะเบียนทางหลวงท้องถิ่นไม่ครบถ้วน จํานวน 17 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 85.00 ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่สุ่มตรวจสอบ โดยมีข้อมูลถนนที่ไม่ลงทะเบียนทางหลวงท้องถิ่น จํานวน 3,740 สายทาง คิดเป็นร้อยละ 83.82 จากจํานวนถนนทั้งหมด 4,462 สายทาง ในขณะเดียวกัน สายทางที่ ลงทะเบียนทางหลวงท้องถิ่นส่วนใหญ่มีข้อมูลรายละเอียดไม่ถูกต้อง ทั้งประเภทผิวจราจร ความกว้างและความยาว ของสายทาง ซึ่งส่งผลต่อการกํากับ ตรวจตราและควบคุมทางหลวงท้องถิ่น และบังคับใช้ตามกฎหมายทางหลวงได้ อย่างสมบูรณ์ และขาดฐานข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วนที่จะสามารถนําไปใช้ในการบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ


1.2 ฐานข้อมูลถนนของระบบข้อมูลกลางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นบางส่วนไม่ครบถ้วนและ ไม่ถูกต้อง จากการสุ่มตรวจสอบถนน จํานวน 99 สายทาง พบว่า ไม่มีข้อมูลถนนในความรับผิดชอบขององค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นที่สุ่มตรวจสอบในระบบ จํานวน 39 สายทาง และมีข้อมูลของสายทางที่บันทึกในระบบไม่ครบถ้วน 60 สายทาง เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับที่ตั้งของสายทางที่ตัดผ่านหมู่บ้านหรือชุมชน จํานวนเลนถนน ความ กว้างของผิวจราจร และความยาวของสายทาง ฯลฯ อีกทั้งทะเบียนหรือประวัติถนนบางส่วนไม่ครบถ้วนและ ไม่ถูกต้อง โดยบางสายทาง ไม่มีในฐานข้อมูล หรือมีทะเบียนหรือประวัติถนนไม่ตรงตามสภาพถนนจริง เช่น ความ กว้างของผิวจราจรหรือความยาวของถนนไม่ถูกต้อง ทําให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขาดข้อมูลที่มีคุณภาพในการ บริหารจัดการด้านโครงสร้างพื้นฐานและการศึกษา วิเคราะห์ความเป็นไปได้ในการพัฒนาองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น รวมถึงไม่ได้ใช้ประโยชน์ เป็นต้น


2. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นบริหารจัดการดูแลบํารุงรักษาถนนไม่เป็นไปตามมาตรฐานและแนวทาง ที่กําหนด โดยถนนส่วนใหญ่มีสภาพชํารุดเสียหายไม่ได้รับการซ่อมแซมตามมาตรฐานถนน ทางเดิน และทางเท้า เช่น เป็นหลุมบ่อ มีรอยแตกร้าว และไม่เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย โดยติดตั้งอุปกรณ์ควบคุมด้านป้าย จราจรและเครื่องหมายบนพื้นทางไม่เป็นไปตามมาตรฐานการป้องกันอุบัติเหตุทางถนน เช่น ไม่มีป้ายเตือนหยุด บริเวณทางแยกทางโค้ง ป้ายเตือนไม่ชัดเจนหรือชํารุด อีกทั้งมีความกว้างของช่องจราจรน้อยกว่า 3 เมตร ซึ่ง ไม่เป็นไปตามคู่มือการตรวจสอบความปลอดภัยทางถนนสําหรับทางหลวงท้องถิ่น นอกจากนี้ ยังพบว่าองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นส่วนใหญ่ไม่ดําเนินการตามแนวทางการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน เช่น การแก้ไข ปรับปรุงซ่อมแซมจุดเสี่ยงให้มีความปลอดภัย การจัดทําแผนปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ฯลฯ ทําให้ ผู้ขับขี่และประชาชนผู้ใช้เส้นทางเสี่ยงต่อการประสบอุบัติเหตุ เป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน และอาจทําให้ ความชํารุดเสียหายของถนนขยายเป็นวงกว้างไปถึงชั้นโครงสร้าง มีความเสี่ยงที่จะต้องใช้งบประมาณในการดูแล บํารุงรักษาถนนเพิ่มขึ้น


รายงานการตรวจสอบของ สตง.ได้ระบุข้อสังเกตเพิ่มเติมว่าการพัฒนาระบบข้อมูลทางหลวงระดับจังหวัด ไม่มีการขับเคลื่อนภารกิจ โดยไม่มีการแต่งตั้งคณะทํางานพัฒนาระบบข้อมูลทางหลวงระดับจังหวัดทั้ง 6 จังหวัดที่ สุ่มตรวจสอบ และองค์การบริหารส่วนจังหวัด ไม่มีการดําเนินการขับเคลื่อนการดําเนินงานของศูนย์ข้อมูลทางหลวง ท้องถิ่นระดับจังหวัดทั้ง 6 แห่งที่สุ่มตรวจสอบ ส่งผลทําให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับจังหวัดขาดข้อมูลทางหลวง ท้องถิ่นในจังหวัด เพื่อใช้ในการบริหารจัดการและแก้ไขปัญหาทางหลวงท้องถิ่น เช่น ปัญหาความทับซ้อนของ สายทาง ปัญหาความชํารุดเสียหาย ฯลฯ


จากผลการตรวจสอบดังกล่าว สตง. จึงมีข้อเสนอแนะให้หน่วยงานที่รับผิดชอบพิจารณาดําเนินการบูรณาการ และประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อการซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับรายละเอียดขั้นตอน หลักเกณฑ์ และ วิธีการในการลงทะเบียนทางหลวงท้องถิ่น และการเก็บรวบรวมข้อมูลที่สําคัญและจําเป็นของสายทางในการจัดทํา ทะเบียนถนนหรือประวัติสายทาง รวมถึงพิจารณาหารือแนวทางการปฏิบัติงาน การจัดการดูแลบํารุงรักษาถนน เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานถนน ทางเดิน และทางเท้า และมาตรฐานการป้องกันอุบัติเหตุทางถนนที่เหมาะสมกับ สภาพถนนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจตรงกัน ตลอดจนพิจารณาหารือ รายละเอียดในการดําเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนทั้งการสํารวจและแก้ไขจุดเสี่ยง จุดอันตราย การจัดทํา ฐานข้อมูลอุบัติเหตุ การจัดทําแผนปฏิบัติการความปลอดภัย ฯลฯ และติดตามความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง


#สํานักประชาสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร 

#สํานักงานการตรวจเงินแผ่นดิน 


#สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น