วันพุธที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2563

วันจ่ายวันสารทเดือนสิบครั้งแรก ที่สงขลาไม่คึกคักแต่ไม่เงียบเหงา ประชาชนออกมาซื้อขนมเดือนสิบ เตรียมใช้ทำบุญในวันสารทเดือนสิบบุญแรกพรุ่งนี้แบบประหยัด ขณะที่ราคาขนมต้มปีนี้ราคาคงเดิมร้อยละ400 บาท รวมทั้งขนมเดือนสิบก็ยังขายราคาเดิม แม้ว่าวัตถุดิบในการผลิตจะปรับราคาสูงขึ้นก็ตาม

 นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

วันจ่ายวันสารทเดือนสิบครั้งแรก ที่สงขลาไม่คึกคักแต่ไม่เงียบเหงา ประชาชนออกมาซื้อขนมเดือนสิบ เตรียมใช้ทำบุญในวันสารทเดือนสิบบุญแรกพรุ่งนี้แบบประหยัด ขณะที่ราคาขนมต้มปีนี้ราคาคงเดิมร้อยละ400 บาท รวมทั้งขนมเดือนสิบก็ยังขายราคาเดิม แม้ว่าวัตถุดิบในการผลิตจะปรับราคาสูงขึ้นก็ตาม




       วันนี้ (2 ก.ย.63) บรรยากาศวันจ่ายวันสารทเดือนสิบครั้งแรกที่ จ.สงขลา ไม่คึกคักแต่ไม่ถึงกับเงียบเหงา โดยเฉพาะที่ตลาดทรัพย์สินพลาซ่า อ.เมือง จ.สงขลา  ประชาชนได้ออกไปจับจ่ายซื้อขนมเดือนสิบไม่มากและซื้อแบบประหยัด เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่จะให้ความสนใจการทำบุญเดือนสิบครั้งที่ 2 มากกว่าซึ่งถือเป็นการทำบุญใหญ่คือ วันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 ตรงกับวันที่ 17 กันยายน 2563 อีกทั้งในช่วงนี้เป็นช่วงโควิด-19  สภาพเศรษฐกิจไม่ค่อยจะดี ทำให้ประชาชนจำเป็นต้องใช้จ่ายแบบประหยัดและออกมาจับจ่ายซื้อขนมเดือนสิบน้อยกว่าทุกปีที่ผ่านมา




     ในวันนี้บรรดาแม่ค้านำขนมเดือนสิบมาวางจำหน่ายให้ประชาชนได้เลือกซื้อเป็นจำนวนมาก ทั้งขนมลา ขนมต้ม ขนมเจาะหู ขนมพอง ขนมบ้าและขนมเทียนเพื่อเตรียมนำไปใช้ในการทำบุญวันสารทเดือนสิบบุญแรกที่วัดในวันพรุ่งนี้ (3 ก.ย.63)




       อย่างไรก็ตาม สำหรับราคาขนมเดือนสิบในปีนี้ขนมต้มราคาคงเดิมร้อยละ400 บาท ขนมเดือนสิบก็ยังขายราคาเดิม แม้ว่าวัตถุดิบในการผลิตจะปรับราคาสูงขึ้นก็ตาม โดยเฉพาะน้ำตาล แป้ง และมะพร้าว โดย ขนมเจาะหู ราคาขายร้อยละ 120 บาท  ขนมต้มร้อยละ 400 บาท ขนมเทียนอันละ 4  บาท ขนมพอง ชิ้นละ 4 บาท และขนมลากิโลกรัมละ 120 บาท ซึ่งยังคงเป็นราคาเดิม สำหรับราคาผลไม้ องุ่นไร้เมล็ด กก.ละ 100 บาท บาท ลองกอง กก.ละ 50 – 60  บาท  แอปเปิล 35 บาท 




       สำหรับประเพณีสารทเดือนสิบ เป็นงานบุญประเพณีของคนภาคใต้ของประเทศไทย โดยเฉพาะชาวนครศรีธรรมราช เริ่มตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2466 เป็นต้นมา ที่ได้รับอิทธิพลด้านความเชื่อซึ่งมาจากทางศาสนาพราหมณ์โดยมีการผสมผสานกับความเชื่อทางพระพุทธศาสนา (ปุพฺพเปตพลี) ซึ่งเข้ามาในภายหลัง




       โดยมีจุดมุ่งหมายสำคัญเพื่อเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้แก่ดวงวิญญาณของบรรพชน และญาติที่ล่วงลับ ซึ่งได้รับการปล่อยตัวมาจากนรกที่ตนต้องจองจำอยู่เนื่องจากผลกรรมที่ตนได้เคยทำไว้ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ โดยจะเริ่มปล่อยตัวจากนรกภูมิในวันแรม 1 ค่ำเดือน 10 เพื่อมายังโลกมนุษย์โดยมีจุดประสงค์ในการมาขอส่วนบุญจากลูกหลานญาติพี่น้อง ที่ได้เตรียมการอุทิศไว้ให้เป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้ล่วงลับ หลังจากนั้น ก็จะกลับไปยังนรก ในวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10






       

ช่วงระยะเวลาในการประกอบพิธีกรรมของประเพณีสารทเดือนสิบจะมีขึ้น 2 ครั้ง คือ ในวันแรม 1 ค่ำเดือน 10 และวันแรม 15 ค่ำเดือน 10 ของทุกปี แต่สำหรับวันที่ชาวใต้มักจะนิยมทำบุญกันมาก จะเป็นการทำบุญครั้งที่ 2 ถือเป็นการทำบุญใหญ่คือ วันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 


                                  //////////////////////////////


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น