วันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2562
"สาวแสบ ฉ้อโกง ประชาชนหลอกให้ลงทุน ความเสียหาย ๑๖ ล้านบาท"
"สาวแสบ ฉ้อโกง ประชาชนหลอกให้ลงทุน ความเสียหาย ๑๖ ล้านบาท"
วันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ เวลา ๑๐.๐๐ น. ตามนโยบายรัฐบาลในการปราบปรามอาชญากรรมและผู้มีอิทธิพล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ,พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ตำรวจภูธรภาค ๑ ภายใต้การอำนวยการของ พลตำรวจโท อำพล บัวรับพร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๑ และ พลตำรวจตรี ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๑
ตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ ภายใต้อำนวยการของ พลตำรวจตรีชุมพล พุ่มพวง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ ,พลตำรวจเอกพัลลภ แอร่มกล้า รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ, พันตำรวจเอกปกปภพ บดีพิทักษ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ,พันตำรวจเอกศุภณัฎฐ์ เจริญเรืองสกุล รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ, พันตำรวจเอกวิชิต บุญชินวุฒิกุล รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ และพันตำรวจเอกต่อพงษ์ ตันตระวาณิชย์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ
สถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรปราการ นำโดย พันตำรวจเอก ฐานุพงศ์ แสงซื่อ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรปราการ ,พันตำรวจโทนพดล ช่างเรือน รองผู้กำกับการสืบสวนสถานีตำรวจภูธรจังหวัดปราการ ,พันตำรวจโทสุรยุทธ จิโรภาส สารวัตรสืบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรปราการ,พันตำรวจตรียอดรัก กิตติลัภนะรัตน์ สารวัตรสืบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรปราการ
ได้ร่วมกันทำการจับกุม
นางสาวศิญาภัสร์ ปิยะตระกูล วิชญ์ อายุ ๓๑ ปี อยู่ที่ ๕๐๑/๒๗๕ หมู่ที่ ๓ ต.แพรกษา อ.เมืองสมุทรปราการ จ. สมุทรปราการ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ ๖๕๖/๒๕๖๒ โดยกล่าวหาว่า"ฉ้อโกงประชาชน และกู้ยืมเงิน หรือจะกู้ยืมเงิน โดยจัดให้มีบุคคลตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปชักชวนบุคคลต่างๆเพื่อให้มีการกู้ยืมเงินโดยตกลงว่าจะจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่ผู้ให้กู้ยืม ในอัตราที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงินจะ เพิ่งจ่ายได้"
พฤติการณ์กล่าวคือ ก่อนเกิดเหตุกลุ่มผู้เสียหาย ได้รู้จักกับผู้ต้องหา ซึ่งอ้างต้นว่าตนเองมีความสัมพันธ์กับโรงงานทอผ้า บริเวณเขตบางบอนกรุงเทพมหานคร โดยผู้ต้องหาได้ชักจูงกลุ่มผู้เสียหายให้ร่วมลงทุนทำธุรกิจเกี่ยวกับการรับทำเสื้อส่งบริษัทต่างๆ รับประกันค่าตอบแทนในอัตราประมาณร้อยละ ๕๐ ต่อเดือน กลุ่มผู้เสียหายหลงเชื่อและได้โอนเงินให้แก่ผู้ต้องหา โดยในช่วงแรกๆกลุ่มผู้เสียหายได้รับผลตอบแทนตามที่ผู้ต้องหารับประกันจริง โดยหลังจากนั้นผู้ต้องหาจึงได้ชักชวนให้กลุ่มผู้เสียหายรวมลงทุนเพิ่มอีกและใช้วิธีการให้กลุ่มผู้เสียหายชักชวนคนรู้จักมาร่วมลงทุนกับผู้ต้องหาเพิ่มกลุ่มผู้เสียหายหลงเชื่อและร่วมลงทุนกับผู้ต้องหาเพิ่มอีก จำนวนหลายครั้งในอัตราเงินลงทุนที่สูงขึ้นตามลำดับ เพื่อหวังเงินตอบแทนในอัตราที่สูงขึ้น จนท้ายสุดในการลงทุนครั้งสุดท้ายผู้ต้องหาได้บ่ายเบี่ยงที่จะจ่ายเงินค่าตอบแทน โดยอ้างว่าไม่สามารถเก็บเงินจากลูกค้าได้ เมื่อกลุ่มผู้เสียหายติดตามทวงถาม พบว่าผู้ต้องหาได้หลบหนีไปแล้ว จากการตรวจสอบพบว่าแท้จริงแล้ว ผู้ต้องหาไม่ได้นำเงินของกลุ่มผู้เสียหายไปลงทุนทำเสื้อตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด โดยผู้ต้องหาเพียงแค่นำเงินของกลุ่มผู้เสียหาย แต่ละคนที่ร่วมลงทุนกับผู้ต้องหา มาหมุนจ่ายให้แก่สมาชิกแต่ละคนเท่านั้น จนกระทั่งเกิดเหตุในคดีนี้ จากเหตุที่กลุ่มผู้เสียหายได้ลงทุนเพิ่มด้วยเงินจำนวนมาก ทำให้เชื่อว่าผู้ต้องหาไม่สามารถหมุนงินได้ทัน และงดจ่ายค่าตอบแทนแก่กลุ่มผู้เสียหาย
จากการตรวจสอบแล้วพบว่ามีผู้เสียหายรวมทั้งสิ้น จำนวน ๑๘ ราย มูลค่าความเสียหายกว่า ๑๖ ล้านบาท
................................................
@ภาพข่าว เล็ก บก.Cop Hero Thailand รายงาน
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น