วันอังคารที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

จับกุมมิจฉาชีพหลอกลวงลงทุนขายเครื่องนวดสปาหน้า
​          ด้วยศูนย์ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผอ.ศปอส.ตร. , พล.ต.ต.ธีรพล คุปตานนท์ รอง ผบช.ภ.8 รรท.ผบช.ทท.ได้รับร้องเรียนจากประชาชนกว่า 10 คน ว่าตกเป็นเหยื่อกลุ่มมิจฉาชีพ หลอกระดมทุนขายเครื่องนวดสปาหน้า การันตีผลตอบแทนมากกว่า 600% ต่อปี เสียหายกว่า 5 ล้านบาท คาดว่ามีผู้เสียหายที่ยังไม่ได้มาแจ้งความอีกกว่า 100 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท เข้าข่ายกระทำความผิดฐาน ฉ้อโกงประชาชน และ กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ฯ จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง และประสานพนักงานสอบสวนกองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ดำเนินคดี
​​มิจฉาชีพกลุ่มนี้มี นางภัสราภรณ์ โชติสิงห์สิริ และ นายพิพัฒน์ชัย จงจิตไพศาล เป็นสามีภรรยากัน ร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหาย โดย นางภัสราภรณ์ฯ โฆษณาผ่านสื่อออนไลน์ เฟสบุ๊ค ชื่อ "ภัสราภรณ์ เจ้าแม่ท้าวแชร์" และ "ภัสราภรณ์ ชิตสิงห์สิริ" ว่าเป็นตัวแทนขายครื่องนวดสปาหน้า ของบริษัทนูสกินส์ และชักชวนประชาชนทั่วไป ให้นำเงินมาร่วมลงทุนกับตน เพี่อรับผลตอบแทนสูง เนื่องจากมีลูกค้าสั่งเครื่องนวดสปาหน้าจำนวนมาก หากผู้ใดสนใจ นางภัสราภรณ์ฯ ก็จะดึงเข้ากลุ่มไลน์ และแจ้งเงื่อนไขการลงทุนให้ทราบว่า ลงทุนขายเครื่องนวดสปาหน้า ๑ เครื่อง โอนเงิน ๓๐,๐๐๐ บาท ครบกำหนด ๗ วัน รับกำไร ๓,๕๐๐ บาท และแจ้งบัญชีรับโอนเงิน มีทั้งบัญชีของ นางภัสราภรณ์ฯ และ นายพิพัฒน์ชัยฯ ช่วงแรกๆ ได้ผลตอบแทนจริง ต่อมามีการแจ้งว่า มียอดสั่งซื้อเครื่องนวดสปาหน้าเพิ่มจำนวนมาก และได้เพิ่มกำไรให้ผู้ลงทุนเป็น ๕,๐๐๐ บาท ผู้เสียหายเห็นว่าเคยได้เงินจริง จึงหลงเชื่อจองการลงทุน และเพิ่มจำนวนเงินลงทุน แต่เมื่อครบกำหนด นางภัสราภรณ์ฯ ไม่โอนเงินให้กลุ่มผู้เสียหายตามเงื่อนไขที่สัญญาไว้ เมื่อผู้เสียหายสอบถามก็บ่ายเบี่ยงอ้างว่าถูกนายทุนโกงอีกทอดหนึ่ง 
​​พนักงานสอบสวนกองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ     ได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติจับผู้ต้องหาทั้งสอง โดยศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้งสอง ในความผิดฐาน “ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน,ฉ้อโกงประชาชน,โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง  นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
​​ต่อมาเมื่อวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ เจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ  ได้ติดตามจับกุมตัว นางภัสราภรณ์ฯ ที่ จว.เชียงใหม่ และ จับกุม นายพิพัฒน์ชัยฯ ที่จังหวัดลพบุรี และยึดทรัพย์สินของทั้งสอง นำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และแจ้งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินต่อไป   

​                         
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ความผิดฐาน "ฉ้อโกงประชาชน"   ระวางโทษ "จำคุก 5 ปี  ปรับไม่เกิน 100,000  บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"   ตามประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา 343
ความผิดฐาน "กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน"  ระวางโทษ "จำคุก 5 - 10 ปี ปรับ 5แสน - 1 ล้านบาท และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่" ตาม พระราชกำหนดการกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527   มาตรา 4 , 5 , 12
ความผิดฐาน "นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน"  ระวางโทษ  "จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ " ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2560   มาตรา 14(1)
พ.ต.ต.หญิงพัชรี ศรีเผือก สว.ฝอ.5 บก.อก.สตม.



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น