วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2561

หยุดใช้กฎหมู่ ตั้งม็อบกดดันศาล พิจารณาแผนฟื้นฟูกิจการ IFEC อาจตกเป็นเครื่องมือฝ่ายที่ไม่หวังดี

ทนายIFEC ร้องขอทุกฝ่ายหยุดนิ่ง! รอฟังคำตัดสินศาลล้มละลายกลาง อย่าใช้มวลชนสร้างกฎหมู่กดดันการใช้ดุลยพินิจของศาล มั่นใจศาลจะพิจารณาบนข้อเท็จจริงของทุกฝ่ายอย่างเป็นธรรม เตือนมวลชนระวังตกเป็นเครื่องมือกลุ่มอำนาจเก่าที่ต้องการยึดIFECเพื่อกลับไปกลบหลักฐานการทุจริต ยืนยันการขอเข้าฟื้นฟูกิจการฯเพื่อแก้ปัญหาอย่างเบ็ดเสร็จและทำให้IFECเดินหน้าได้ต่อ

วันที่ 29 ต.ค. นายประสิทธิ์ วงศาสวัสดิ์ ทนายความ บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ผู้ที่อ้างตนว่าเป็นผู้ถือหุ้นสามัญ ผู้ถือหุ้นกู้ และผู้ถือตัวแลกเงินของIFEC อย่ารวมตัวก่อม็อบกดดันการใช้ดุลพินิจของศาลล้มละลายกลาง ในการพิจารณาคดีที่เจ้าหนี้ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ IFEC เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ อย่าหลงเชื่อข้อมูลที่บิดเบือน ซึ่งการกระทำอาจเข้าข่ายหมิ่นศาลและคดีหมิ่นประมาทได้

นายประสิทธิ กล่าวอธิบายถึงข้อเท็จจริงหลายประการที่มีผู้นำไปบิดเบือนเพื่อสร้างความเสียหายแก่ IFEC โดยเห็นว่าความจริงหลายเรื่องต้องพิสูจน์ในศาล เช่น 1.กรณีนายศุภนันท์ ฤทธิไพโรจน์ ถูกกลุ่มคนอุ้มตัวไปข่มขู่ให้ขายหุ้นและเซ็นต์ใบลาออก ซึ่งได้แจ้งความกับตำรวจกองปราบปรามไว้แล้ว 2.เรื่องของกรรมการเอง มีผู้ถือหุ้นร้องไปยังกลต.และฟ้องศาลซึ่งศาลรับเป็นคดีไว้แล้ว เรื่องการจดกรรมการเหลือ 3 คนต้องประกันตัวสู้คดี 3.หากกรรมการเดิมที่มีถึง 6 คน ได้มีโอกาสทำงาน ทุกอย่างคงแก้ไขได้มากกว่านี้และปัญหาคงไม่บานปลาย 4.เรื่องการขัดขวางเป็นการกล่าวอ้างแต่ฝ่ายเดียว ข้อเท็จจริงพิสูจน์ได้ และอยู่ในคดีฟ้องร้องอีกคดี 5.เรื่องปัญหาภายในบริษัทไม่มี มีแต่จากภายนอก ขณะนี้ยังพยายามรังแกพนักงานที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ที่ทุกคนมีครอบครัวต้องดูแล 

6.เรื่องปัญหาหนี้สิน เกิดมาจากการขาดสภาพคล่องตั้งแต่ปลายปี 2559 เพราะกรรมการที่ได้รับเลือกมาบางท่านไม่ยอมประชุมแก้หนี้ อีกทั้งข่าวการครอบงำกิจการได้สร้างผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ  7.หากไม่มีการบริหารจัดการที่ดี ในขณะที่กรรมการที่มีอยู่แต่ทำงานไม่ได้ เพราะไม่มีประธานจะไม่สามารถเดินมาได้ถึงปัจจุบัน 8.เรื่องการตรวจ กลต. มีการนำเอกสารออกไปตรวจจำนวนมาก ขณะนี้ยังรอความคืบหน้าจากเรื่องดังกล่าว และก่อให้เกิดเอกสารหายไปจำนวนมาก 9.หลายเรื่องเมื่อสู่ศาลแล้ว ก็จะถูกเปิดเผยอย่างโปร่งใส โดยเฉพาะเรื่องการเงินที่ศาลต้องพิจารณาหลักฐานประกอบ จึงขอให้ฟังจากศาล และ10.เรื่องการทุจริตที่อยู่ในกระบวนการถูกดำเนินคดีแล้ว หากคดีใดไม่เป็นความจริงคงต้องยอมรับมิใช่กล่าวหาโดยไม่มีมูล ส่วนผู้บริหารปัจจุบันที่โดนฟ้องร้องในขณะนี้ มาจากปกป้องทรัพย์สินของบริษัท โดยเฉพาะเรื่องโรงแรมดาราเทวี

นายประสิทธิ อธิบายอีกว่า ที่สำคัญการฟ้องฟื้นฟูครั้งนี้มาจากเจ้าหนี้ให้โอกาสในการคืนหนี้ เพราะหากจะฟ้องล้มละลายย่อมทำได้ แต่จากการที่ได้สอบถามทนายความที่ทำคดีระบุว่า เป็นไปเพื่อประโยชน์ต่อเจ้าหนี้ทุกราย อีกทั้งลูกหนี้ได้มีโอกาสแก้ตัว เท่าที่ทราบทางเจ้าหนี้มีพันธมิตรที่จะนำข่าวดีมาให้ เพราะหากปล่อยไว้เช่นเดิมจะพบกับความเสียหายมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะการปลุกปั่นจากกลุ่มไม่หวังดี

“จึงขอวิงวอนให้ทุกฝ่ายหยุดเคลื่อนไหวด้วยกฎหมู่กดดันการใช้ดุลพินิจของศาลล้มละลายกลาง ควรรอการวินิจฉัยและออกคำสั่งของศาลฯก่อน รวมทั้งให้ระมัดระวังการตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มคนที่พยายามยึดบริษัทเพื่อกลับไปปกปิดทำลายหลักฐานการทุจริต ที่คนเหล่านี้ตกเป็นจำเลยหลังศาลประทับรับฟ้องเพราะคดีมีมูลความผิดงอยู่หลายคดี” นายประสิทธิ์ กล่าววิงวอน



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น