วันเสาร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2566

ตำรวจท่องเที่ยวเชิญทุกภาคส่วนบูรณาการแก้ปัญหาทัวร์ผี ไกด์เถื่อน

 ตำรวจท่องเที่ยวเชิญทุกภาคส่วนบูรณาการแก้ปัญหาทัวร์ผี ไกด์เถื่อน



เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2566 เวลา 1700 น. ณ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว พล.ต.ท.สุคุณ พรหมายน ผบช ทท ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา โฆษกกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวแจ้งต่อสื่อมวลชนว่า 




ในวันเดียวกัน เวลา 13:30 น. ณ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว พล.ต.ท.สุคุณฯ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวพร้อมด้วยคณะผู้บริหารของกองบัญชาการฯ ได้เชิญผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยทั้งหมดทั้งภาครัฐและภาคเอกชน อาทิ ผู้แทนจากสำนักงานตำรวจคนเข้าเมือง กรมการท่องเที่ยว กรมการจัดหางานของกระทรวงแรงงาน กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กรมสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษ สมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย  สมาคมผู้ประกอบการท่องเที่ยวสัมพันธ์ไทย - จีน ชมรมมัคคุเทศก์ภาษาจีนกลางแห่งประเทศไทย ชมรมมัคคุเทศก์เพื่อนักท่องเที่ยวเกาหลี ชมรมมัคคุเทศก์เพื่อนักท่องเที่ยวเวียดนาม สมาคมมัคคุเทศก์ไทย เข้าร่วมประชุมหารืออย่างใกล้ชิดเพื่อรับฟังปัญหาหาที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและแนวทางแก้ไข รวมไปถึงการที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับการท่องเที่ยวให้เพิ่มมากขึ้นในอนาคต




พล.ต.ต.อภิชาติฯ กล่าวว่า การประชุมหารือดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ผู้แทนทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนได้นำเสนอปัญหาพร้อมแนวทางแก้ไขอย่างจริงใจ ซึ่งผลการประชุมหารือสรุปได้ดังนี้ 


1. ทุกฝ่ายเห็นร่วมกันว่า ที่ประชุมวันนี้มีเป้าหมายที่ต้องทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยมีความโปร่งใส มีการพัฒนาการที่ยั่งยืน และจับต้องได้ ซึ่งหน่วยงานใดเพียงหน่วยงานหนึ่งไม่สามารถแก้ไขพัฒนาได้อย่างมีประสิทธิภาพได้

2. การไปสู่เป้าหมายดังกล่าวตามข้อ 1 นั้น ที่ประชุมเห็นร่วมกันว่าจะดำเนินการด้วยมาตรการระยะสั้นและมาตรการระยะยาวดังนี้ 

     2.1 สำหรับมาตรการระยะสั้น 1. ทุกหน่วยต้องจริงใจในการแก้ไขปัญหาและตอบสนองปัญหาอย่างรวดเร็ว 2. กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวรวมไปถึงหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายต้องมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพให้มากขึ้น 3. ต้องมีการทำงานแบบบูรณาการกันทุกหน่วยทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน และ 4. ต้องมีการประชาสัมพันธ์ที่เป็นรูปธรรมและเชิงรุกในทุกรูปแบบ

2.2 ส่วนมาตรการระยะยาวนั้น ประกอบด้วย 1. ต้องร่วมกันผลักดันให้มีการแก้ไขกฎหมายในบางส่วนหรือให้มีกฎระเบียบที่เหมาะสมในการทำงานมากขึ้น ทั้งนี้ ต้องอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ของประเทศชาติและคนไทย 2. ต้องผลักดันให้มีการพัฒนาและยกระดับมาตรฐานของมัคคุเทศก์ซึ่งมีประสิทธิภาพดีอยู่แล้วให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และที่สำคัญ ให้มีจำนวนเพียงพอกับอัตราการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต




พล.ต.ต.อภิชาติฯ โฆษกตำรวจท่องเที่ยวกล่าวอีกว่า การประชุมในลักษณะนี้จะไม่เกิดขึ้นเพียงครั้งนี้ครั้งเดียว เพราะมาตรการในแต่ละข้อนั้น จะต้องมีการประชุมย่อยระหว่าง บชทท และหน่วยงานเฉพาะอีกเพื่อนำไปสู่การดำเนินการที่เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม


สุดท้าย โฆษกตำรวจท่องเที่ยวยืนยันว่า กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวมีความตั้งใจอย่างสูงยิ่งที่จะทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยในทุกภาคส่วนปลอดภัย โปร่งใส มีประสิทธิภาพมากขึ้น มีความสามารถในการแข่งขันมากขึ้นในเวทีโลก ที่สำคัญที่สุด พร้อมที่จะทำงานแบบบูรณาการควบคู่ไปกับหน่วยงานอื่นทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อให้เกิดผลการดำเนินการที่เป็นรูปธรรมชัดเจนและรวดเร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม อาจจะมีบางมาตรการที่อาจต้องใช้เวลาขับเคลื่อนบ้าง แต่ก็ร่วมกันเร่งพยายามผลักดันให้เกิดผลขึ้นโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ


นอกจากนี้ โฆษกตำรวจท่องเที่ยวยังได้กล่าวเชิญชวนประชาชนทุกภาคส่วนร่วมกันให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ โดยหากพบความผิดปกติด้านการท่องเที่ยวไม่ว่าจะรูปแบบใด หรือมีข้อแนะนำใดที่จะนำไปสู่ประโยชน์ต่อการท่องเที่ยวไทยในภาพรวมแล้ว สามารถโทรให้ข้อมูลได้ที่หมายเลขโทรศัพท์สายด่วน 1155 ซึ่งตำรวจท่องเที่ยวจะขอเป็นศูนย์กลางนำข้อมูลที่ได้ไปร่วมหารือกับหน่วยงานทุกภาคส่วนเพื่อนำไปสู่การแก้ไขและมาตรการที่เหมาะสมต่อไป 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น