วันจันทร์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2566

นนทบุรี วงจรปิด หนุ่มใหญ่ร้องสื่อคดีไม่คืบ ถูกโจรตีเนียนทำทีแบกทรายหลังงัดบ้านขโมยพระเครื่อง

 นนทบุรี วงจรปิด หนุ่มใหญ่ร้องสื่อคดีไม่คืบ ถูกโจรตีเนียนทำทีแบกทรายหลังงัดบ้านขโมยพระเครื่อง




เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 10 เม.ย.66 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนายนพพร เฉลิมนาม อายุ 56 ปี เจ้าของบ้านเลขที่ 101/130 ม.3 ซ.ข้างโรงเรียนปากเกร็ด  ต.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เป็นบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้ 2 ชั้น ว่าถูกคนร้ายงัดมุ้งลวดหน้าต่างขโมยพระเครื่อง และของสะสมเก่าแก่ ก่อนตีเนียนแบกถุงทรายเดินออกจากบ้านหลบหนีหายไป เสียหายเกือบ 2 หมื่นบาท  เหตุเกิดเมื่อวันที่ 14 มี.ค 66 แจ้งความไว้ที่สภ.ปากเกร็ด ผ่านไปเกือบ 1 เดือน คดีไม่มีความคืบหน้าทั้งที่กล้องวงจรปิดเห็นหน้าคนร้ายชัดเจน




นายนพพร กล่าวว่า วันเกิดเหตุวันที่ 14 มี.ค.66 เวลาประมาณ 12.00 น. ที่ดูจากกล้องวงจรปิดบ้านตรงข้ามพบว่าคนร้ายเป็นชาย 1 ราย สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีน้ำเงิน ใส่หมวกแก๊ป ได้เดินมาดูลาดเลาบริเวณหน้าบ้านตนและอพาร์ตเม้นต์ใกล้บ้าน ก่อนจะเดินมาเข้าหลังบ้านตนแล้วงัดหน้าต่างปืนเข้าไปก่อเหตุขโมยทรัพย์สิน โดยคนร้ายขโมยปลอกหมอน ก่อนจะขโมยพระเครื่องหลวงปู่เอี่ยมวัดสะพานสูง และเหรียญ 50 สตางค์และแบงค์สมัยเก่า โดยคนร้ายรื้อค้นบ้านทั้ง 2 ชั้น ก่อนจะแบกปลอกหมอนใส่ของที่ขโมยมา พร้อมขโมยถุงทรายที่วางไว้หลังบ้าน 1 ถุง เดินตีเนียนหิ้วถุงทรายทำตัวเหมือนคนก่อสร้างเดินหนีไป โดยปกติแล้วตนล็อกบ้านตลอดแต่จะเปิดหน้าต่างไว้ไม่คาดคิดว่าคนร้ายจะมาก่อเหตุกลางวันแสกๆขณะที่คนในบ้านออกไปทำงาน




นายนพพร กล่าวต่ออีกว่า ตอนนี้ตนและภรรยาต่างหวาดระแวงจนต้องซื้อกล้องวงจรปิดมาติดหน้าบ้าน ตนอาศัยบ้านหลังนี้มาตั้งแต่เกิดไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้และ เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย และอยากฝากถึงตำรวจให้เร่งติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี ซึ่งตนแจ้งความตั้งแต่ 14 มี.ค.66 จนถึงวันนี้ผ่านไปเกือบ 1 เดือนแล้ว ยังไม่มีความคืบหน้าคดีใดๆทั้งที่เห็นหน้าคนร้ายชัดเจนมีเพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจขอการ์ดจากกล้องวงจรปิดข้างบ้านไปตรวจสอบตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ ผ่านไป 10 วัน ตนเห็นว่าไม่มีความคืบหน้าจึงขอการ์ดกล้องตำรวจสภ.ปากเกร็ดคืนแล้วนำมาร้องเรียนและพึ่งสื่อมวลชนให้ช่วยนำเสนอข่าวเผื่อมีคนแจ้งเบาะแสคนร้ายรายนี้ 






ทางด้านยายเหมือน อายุ 78 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ กล่าวว่า อยากให้ตำรวจสภ.ปากเกร็ด รีบจับตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว เพราะตอนนี้ชาวบ้านในพื้นที่หวาดระแวงกันหมดเพราะตอนกลางวันลูกหลานจะไปทำงานกัน จะมีแต่เพียงผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ในบ้าน ไม่คิดว่ากลางวันแสกๆยังกล้ามาก่อเหตุ ซึ่งตนอาศัยอยู่ในพื้นที่ตรงนี้มานานกว่า 50 ปีแล้ว ไม่เคยมีใครมาก่อเหตุลักษณะนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น