ณ ห้องศูนย์หมายจับคนร้ายข้ามชาติ กองบัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สวนพลู)
ตามนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติมอบหมายให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ดำเนินการปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่กระทำความผิดและส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มที่มีพฤติการณ์เป็นภัยต่อสังคมก่อให้เกิดอันตรายต่อความสงบสุขหรือความปลอดภัยของประชาชน หรือความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร นั้น
ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.ผบช.สตม. พร้อมตำรวจสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจท่องเที่ยว และเจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร. ) จัดแถลงข่าว
-คดีที่ 1 มอบหมายให้ บก.ตม.๑ , ตม.จว.สมุทรปราการ , กก.บคด.บก.ตม.๓ และ กก.๓ บก.ทท.๑ ร่วมกันติดตามและจับกุม นางสาว ยุพิน จันต๊ะคาด อายุ ๕๕ ปี
ข้อหา “ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม” ได้ตรวจสอบพบว่า น.ส.ยุพิน จันต๊ะคาด ผู้ต้องหาในคดีนี้ มีพฤติกรรมรับเป็นนายหน้าต่อวีซ่าให้กับชาวต่างชาติ โดยเฉพาะสัญชาติ อินเดีย ปากีสถาน ไนจีเรีย ฯลฯ จะจัดเตรียมเอกสารการขออนุญาตขออยู่ต่อในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวให้กับชาวต่างชาติ เพื่อยื่นขออนุญาตต่อ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง และจากการตรวจสอบเอกสารที่ผู้ต้องหานี้จัดเตรียมให้ชาวต่างชาติยื่นขออนุญาต พบว่ามีการปลอมแปลงเอกสาร แบบยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ภ.ง.ด.๑ ให้ชาวไนจีเรียจำนวน ๒ ราย ใช้ขออนุญาตต่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง
-คดีที่ 2 จับกุมผู้ต้องหาแสดงตัวเป็นพนักงานสายการบินหลอกขายตั๋วเครื่องบินราคาถูกแล้วเชิดเงินหลบหนี มูลค่าความเสียหายกว่า 2,100,000 บาท ด้วยการใช้แอพพลิเคชั่นไลน์พูดคุยและเสนอตั๋วเครื่องบินโดยสารในราคาถูก โดยอ้างตนเป็นพนักงานของสายการบินหนึ่ง สามารถใช้สิทธิและหาตั๋วได้ในราคาถูก จนผู้เสียหายหลงเชื่อจึงบอกต่อแก่เพื่อนๆ แล้วจึงรวมกลุ่มกันซื้อตั๋วเดินทางดังกล่าวจำนวนหลายราย หลายเที่ยวบิน โดยได้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารออมสิน ชื่อบัญชี นายณฐพบ พลศรี และต่อมาภายหลังเมื่อถึงวันกำหนดเดินทางผู้เสียหายไม่สามารถเดินทางได้ พยายามติดต่อผู้ต้องหาแต่ไม่สามารถติดต่อได้เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย โดยผู้ก่อเหตุได้กระทำความผิดในลักษณะดังกล่าวตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 ถึงปัจจุบัน รวม 7 ครั้ง
-คดีที่ 3 จากกรณีเมื่อวันที่ 27 ก.ค.61 เจ้าหน้าที่ชุด ศปอส.ตร. ได้นำหมายค้นเข้าตรวจค้นห้องเลขที่ 36/39-40 อาคาร PS TOWER ถ.รัชดาภิเษก แขวงคลองเตย เขตวัฒนา กทม. สามารถจับกุมผู้ต้องหาชาวจีน 59 คน ในความผิดเกี่ยวกับการพนันออนไลน์ ต่อมาจึงได้ขยายผลจนทราบว่าบริษัทที่เข้าค้นทั้งสองแห่งนั้นมีการตั้งบริษัทนอมินี (ตัวแทนเชิด) และสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้อีก 7 ราย (คนไทย 4 ราย ,จีน 2ราย และแคนาดา 1 ราย) โดยตั้งกลุ่มบริษัทนอมินี โดยคนต่างชาติจะดำเนินการจัดหากรรมการและผู้ถือหุ้นเป็นคนไทยเพื่อเปิดบริษัท ลักษณะถือหุ้นแทนบุคคลต่างด้าว(นอมินี) หลอกลวงคนไทยทำประกันสังคมเพื่อให้มีชื่อเป็นพนักงานของบริษัท ซึ่งได้ประกอบกิจการและได้จ้างงานคนจีนมาทำงานที่บริษัทดังกล่าว (นอมินี) ดำเนินธุรกิจอันมีพฤติกรรมประกอบธุรกิจด้านบริการบังหน้า แต่ลักลอบเปิดบ่อนเล่นการพนันออนไลน์ ซึ่งมีการจ้างคนไทยให้เป็นกรรมการและเป็นผู้ถือหุ้นแทน มีการหลอกลวงเอาชื่อคนไทยมาเป็นพนักงานของบริษัท
มีความผิดในความผิดฐาน “ร่วมกันเป็นอั้งยี่, ร่วมกันให้ความช่วยเหลือ ให้การสนับสนุน การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว อันเป็นธุรกิจที่กำหนดไว้ในกฎหมายโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยแสดงออกว่าเป็นธุรกิจของตนแต่เพียงผู้เดียว และถือหุ้นแทนคนต่างด้าวบริษัทจำกัด เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจบริการโดยหลีกเลี่ยง หรือฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวหรือเป็นการที่คนต่างด้าว ยินยอมให้ผู้มีสัญชาติไทย กระทำการดังกล่าว”
-คดีที่ 4 จับกุมคนร้ายเครือข่ายหลอกลวง(ROMANCE SCAM) เจ้าหน้าที่ที่ชุดสืบสวน ศปอส.ตร.และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสน.ความเสียหาย 42,900 บาท จึงได้ทำการสืบสวนสอบสวนและสามารถขออนุมัติหมายจับจากศาลอนุญาตให้จับกุมผู้ต้องหา 2 ราย และจากการดอนเมืองได้รับข้อมูล ว่ามีผู้เสีย หาย นางพจมาน สุดงาม ได้ถูกคนร้ายแก๊ง ROMANCESCAM หลอกลวงให้โอนเงินได้รับสืบสวนทราบว่าผู้ต้องหาได้หลบหนีไปพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ จ.ชลบุรี เจ้าหน้าที่ ศปอส.และ จนท.ฝ่ายสืบสวน สน.ดอนเมือง จึงได้ติดตามไป จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้ง 2 ราย ดังนี้
1.นาย ChigozieOrisakwe(นายซิโกซี่ โอริซากเว) หมายจับศาลอาญาที่ 2213/2561 ลงวันที่ 26 กันยายน 2561 ความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงและแสดงตนเป็นบุคคลอื่นฯ” ( เป็นผู้สั่งการ,คุยเฟสบุ๊คหลอก)
2.นาง สาวปราณหทัย เจิมจันทร์ หมายจับศาลอาญาที่ 2212/2561ลงวันที่ 26 กันยายน 2561 ความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงและแสดงตนเป็นบุคคลอื่นฯ” (นกต่อโทรหลอก,ถอนเงิน)
ราย ตรวจสอบเบื้องต้นพบผู้เสียหาย 3 ราย หลงเชื่อถูกหลอกให้โอนเงิน จึงได้ดำเนินการประสานให้ดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์เพื่อดำเนินการตามกฎหมายในพื้นที่เกิดเหตุ สภ.เมืองเชียงใหม่ ความเสียหาย 25,000 บาท,สภ.วิชิต ความเสียหาย 342,000 บาท และสน.ลาดกระบัง ความเสียหาย 35,000 บาท รวมความเสียหายทั้งสิ้น 444,900 บาท
ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ศปอส.ตร.จะได้ทำการจับกุมกลุ่มคนร้ายและผู้เกี่ยวข้องในการกระบวนการหลอกลวงลักษณะนี้หลายครั้งแต่ยังพบว่ามีประชาชนยัง ถูกหลอกให้หลงเชื่อ จึงแจ้งขอประสานผ่านสื่อมวลชน ขอความร่วมมือประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนรับทราบ เพื่อไม่ตกเป็นเหยื่อถูกหลอกลวงจากอาชญากรลักษณะแบบนี้อีกต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น