คุณณพ ณรงค์เดช ตั้งโต๊ะแถลงข่าว ไม่ได้ปลอมลายเซ็นคุณพ่อ พร้อมเปิดคลิปเสียงเบื้องลึกว่าใครคือเจ้าของหุ้นวินด์
เมื่อเวลา 14:00 น.วันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ.2568 ณ ห้อง Pinnacle 2 ชั้น 4 โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ เลขที่ 973 ถนนเพลินจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร คุณณพ ณรงค์เดช พร้อมด้วยฝ่ายกฏหมาย เปิดตั้งโต๊ะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ถึงข้อเท็จจริงในเรื่องเจ้าของหุ้น บริษัท วินเอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด (Wind Energy Holding Co., Ltd.) พร้อมเปิดข้อมูลคลิปเสียงเพื่อยืนยันเชื่อมโยงว่า คุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดาฯ คือเจ้าของแท้จริง พร้อมด้วยโต้ข้อกล่าวหาในเรื่องปลอมแปลงเอกสารลายเซ็นคุณพ่อเกษมฯ ซึ่งผู้ที่เซ็นต์เอกสารคือคุณพ่อเกษมฯ และไม่ใช่เอกสารปลอม
ปฐมบทแห่งคดีเมื่อประมาณปี พ.ศ.2558 คุณณพ ณรงค์เดช ได้เข้าซื้อหุ้นธุรกิจ บริษัท วินเอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด (Wind Energy Holding Co., Ltd.) ด้วยความรักและเจตนาดีที่มีต่อพี่และน้องในครอบครัว จึงได้ชวนร่วมลงทุนแต่กลับถูกพี่ชายและน้องชายปฏิเสธที่จะร่วมลงทุน มองว่าเป็นเรื่องเพ้อฝัน
จากนั้นในปี พ.ศ.2559 คุณณพฯ ได้ขายธุรกิจให้กับทางคุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา โดยทางคุณหญิงฯไม่ประสงค์ที่จะออกนาม จึงได้ให้คุณณพฯ หาผู้แทนมาถือหุ้น โดยบุคคลที่คุณณพฯ รักและไว้วางใจมากที่สุดคือคุณพ่อเกษมฯ จึงได้ขอให้คุณพ่อเกษมฯ มาลงนามเป็นผู้ถือหุ้น จากนั้นคุณณพฯ จึงได้เชิญคุณหญิงกอแก้วฯ และคุณพ่อเกษมฯ นั่งเจรจาพูดคุยถึงการให้ลงนามเป็นผู้แทนในการซื้อหุ้นของกิจการฯ โดยคุณพ่อเกษมฯ ไม่ต้องควักเงินลงทุนแต่อย่างไร เพียงแต่คอยเซ็นเอกสารในฐานะผู้บริหาร หลังจากเจรจาเสร็จสิ้น คุณหญิงกอแก้วได้ซื้อหุ้นบริษัทวินด์ฯ และได้จ่ายเงินให้กับบริษัทของตน โดยในวันที่คุณหญิงซื้อหุ้น คุณหญิงขอให้มีตัวแทนมาถือหุ้นแทนคุณหญิง คุณณพฯ จึงขอให้คุณพ่อมาเป็นตัวแทนของคุณหญิงกอแก้วฯ ซึ่งคุณพ่อเกษมฯก็ยินดี จึงมีการทำหนังสือแต่งตั้งตัวแทนขึ้นมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ทั้งสองฝ่าย
ภายหลังจากนั้น ทุกอย่างก็ดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย เรื่องแต่งตั้งตัวแทน คนที่ทราบเรื่องและอยู่ในเหตุการณ์มี คุณณพฯ, คุณพ่อเกษมฯ, คุณหญิงกอแก้วฯ และทนาย ซึ่งไม่มีพี่ชายและน้องชายอยู่ด้วยเนื่องจากไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเพราะไม่ได้ลงทุนด้วย
คุณณพฯ กล่าวต่ออีกว่า หลักฐานการยืนยันทางการเงินก็มีอย่างชัดเจน ซึ่งเอกสารเกี่ยวกับการซื้อหุ้นและการแต่งตั้งตัวแทน รวม 5 ฉบับได้ทำขึ้นในปี 2559 และ 2560 ซึ่งในขณะนั้นคุณณพฯ ได้ขอให้คุณพ่อเกษมฯ ช่วยในการขอยืมชื่อสำหรับโอนเอกสารเท่านั้น โดยคุณพ่อเกษมฯ ไม่ต้องมีภาระในการชำระค่าหุ้นแต่อย่างใดๆ
และในวันนี้ที่คุณณพฯ ได้นำคลิปเสียงการพูดคุยมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชนเพื่อให้รับรู้ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งคลิปเสียงดังกล่าวเคยส่งให้ทางกระบวนการยุติธรรมไปแล้ว เพื่อเป็นหลักฐานในขั้นศาล อยู่ในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ.2561 คลิปเสียงที่ประชุมในวันนั้น ได้เกิดขึ้นที่บ้านคุณหญิงกอแก้วฯ โดยมีคุณพ่อเกษมฯ, พี่ชาย, และน้องชายของคุณณพฯ, คุณณพฯและคุณดาว (ภรรยา) รวมถึงคุณณัฐวุฒิ ซึ่งเป็น CFO บริษัทอยู่ด้วย พร้อมทั้งได้อธิบายให้ทุกคนเข้าใจ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากการทำ เอกสารที่ถูกกล่าวหาว่าปลอมถึง 2 ปี และมีเสียงคุณพ่อเกษมฯ ยอมรับว่าเป็นผู้เซ็นเอกสารชัดเจน โดยมีคลิปเสียงเป็นช่วงเป็นตอนที่นำมาเปิด ซึ่งคุณพ่อเกษมฯ พูดว่า "อยากรู้เหมือนกันว่าหุ้นฉันมาได้ยังไง เพราะฉันก็ไม่รู้ ฉันมีหน้าที่อย่างเดียวคือถึงเวลาเซ็นขายก็เซ็น ให้เซ็นไปเรื่อยๆ ฉันถึงบอกว่าตอนหลังบอกไม่เอาแล้วเว้ย ดึกๆ ดื่นๆ ฉันจะต้องนั่งเซ็นไอ้นี่ให้เขา เพราะฉะนั้นเอาคืนไปหมดดีกว่า" โดยในคลิปนี้
คุณณพฯ อธิบายว่า อย่างที่บอกว่าตอนที่คุณหญิงกอแก้วฯ ซื้อหุ้นจากตนไป มีการขอคุณพ่อเกษมฯ เป็นตัวแทนถือหุ้นอยู่ และมีการโอนหุ้นผ่านไปยังบริษัทหนึ่ง และโอนคืนให้คุณหญิงกอแก้วฯ การที่คุณพ่อเกษมฯบอกว่าเซ็นอุตลุด ไม่อยากเซ็นแล้ว เอากลับคืนไป เป็นเหตุการณ์ในปี 2561 วันนั้นบริษัทวินด์ เอนเนอร์ยี มีแพลนจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ จึงมีความจำเป็นต้องเปิดเผยชื่อเจ้าของหุ้นตัวจริงคือคุณหญิงกอแก้ว และคุณพ่อเองก็เบื่อที่จะต้องมาเซ็นเอกสาร จึงได้โอนหุ้นคืนกลับไปให้คุณหญิงกอแก้วฯ
นอกจากนี้ คุณณพฯ ยังยืนยันว่า ตนเองลงทุนมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2558 และคุณหญิงกอแก้วฯ เป็นผู้รับซื้อหุ้น และเป็นเจ้าของในปี พ.ศ.2559 โดยมีการชำระเงินและเส้นเงินที่ชัดเจน ในเมื่อเราเป็นเจ้าของอยู่แล้ว จะปลอมเอกสารไปเพื่ออะไร และในส่วนคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีแพ่ง ศาลก็ระบุว่า ส่วนที่โจทก์ทั้งสองอ้างว่าตระกูลณรงค์เดชเป็นผู้ชำระค่าหุ้นตามคำเบิกความของทั้งสอง กลับไม่ปรากฏหลักฐานการชำระเงินที่ชัดแจ้งว่าเป็นการชำระเงินค่าหุ้นดังกล่าว
และเอกสารการโอนหุ้นที่เกี่ยวข้องกับคุณพ่อเกษมฯ ทั้งหมดเป็นเอกสารปลอมนั้น เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าคุณพ่อเกษมฯ เคยยื่นฟ้องจำเลยที่ 1 ว่าหุ้นดังกล่าวเป็นของคุณพ่อเกษมฯนั้น ตามสัญญาโอนหุ้น เมื่อวันที่ 25 เมษายน พ.ศ.2559 จึงไม่น่าเชื่อว่าคุณพ่อเกษมฯ จะฟ้องร้องเพื่อบังคับตามเอกสารที่ตนเองรู้ว่าไม่ได้จัดทำขึ้น หากคุณพ่อเกษมฯ มีสิทธิ์ในหุ้นดังกล่าวตามกฎหมาย คุณพ่อเกษมฯ สามารถจัดสรรปันส่วนหุ้นให้แก่บุตรแต่ละคนได้ตามความประสงค์
คุณณพฯ กล่าวต่ออีกว่า ในส่วนของเรื่องกระบวนการยุติธธรรมที่ตนเจอมา มันเป็นเรื่องปกติหรือไม่ ซึ่งต้นเรื่องของเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เกิดขึ้นที่ สน.ทองหล่อ วันที่คุณพ่อเกษมฯ แจ้งความที่ สน.ทองหล่อ มีการแจ้งความที่บ้าน ตำรวจไปที่บ้าน คนที่ไปรับแจ้งความเป็นตำรวจระดับ พ.ต.อ.ท่านหนึ่ง ซึ่ง ณ เวลานั้นท่านได้ดำรงตำแหน่งผู้กำกับ สน.ห้วยห้วยขวาง ก็คงต้องฝากถึง ผบ.ตร.ว่าปกติตำรวจมีบริการรับแจ้งความที่บ้านด้วยหรือ และในระบบที่ลงบอกว่าแจ้งความที่ สน.ทองหล่อ และหลังจากรับแจ้งความแล้ว สน,ทองหล่อ ได้ส่งเอกสารตัวจริง จากคุณหญิงกอแก้วฯ ไปตรวจพิสูจน์ที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน โดยใช้เวลาออกผลตรวจภายใน 24 ชั่วโมง ก็อยากถามผู้เกี่ยวข้องว่า มีคดีใดบ้างที่สามารถออกผลตรวจได้ภายใน 24 ชม.
คุณณพฯ ยังกล่าวถึงอัยการท่านหนึ่งว่า ที่ผ่านมามีอัยการท่านหนึ่งเข้าออกบ้านของพี่ชายและน้องชายตนหลายครั้ง ซึ่งตนได้ยื่นร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.ตั้งแต่ปี พ.ศ.2565 จนถึงตอนนี้ยังไม่ทราบว่าผลเป็นอย่างไร เพราะว่ามีพยานหลักฐานค่อนข้างเยอะ ที่มีคนส่งมาให้ว่ามีการเข้าออกบ้านหลายครั้ง มีการพบปะกันที่ร้านอาหาร ซึ่งตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของ ป.ป.ช.
นอกจากนั้นคุณณพฯ ยังมีการเข้าร้องเรียนกับทาง ก.ต.ในปี พ.ศ.2565 ในเรื่องอธิบดีผู้พิพากษาเข้าออกบ้านคู่ความ คือบ้านพี่ชายและน้องชายตน รวมถึงเรื่องรองอธิบดีสั่งสำนวน ที่ตนรู้สึกว่าไม่ได้รับความยุติธรรม ตนทราบข่าวจากสื่อว่ามีการชี้ว่ามีการผิดวินัยร้ายแรง แต่ปัจจุบันนี้สถานะเป็นยังไงตนไม่ทราบ และเมื่อประมาณช่วงต้นปี คุณณพฯ ได้ทราบจากสำนักข่าวอิศราว่ามีการเสนอสินบนเรื่องเงิน 100 กก. เกิดขึ้น จึงต้องไปแจ้งความที่กองปราบถึงเรื่องนี้ ศาลจึงมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้โจทก์ถึง 100% ทั้งที่โจทก์อ้างความเป็นเจ้าของเพียง 49% และคำสั่งนี้ยังคงอยู่ แม้โจทก์จะแพ้คดีทุกข้อหาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์แล้ว แต่ยืนยันว่ายังเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรรม และพร้อมที่จะต่อสู้ตามช่องทางกฎหมายที่มีอยู่
จากนั้นคุณณพฯ ได้พูดถึงกรณีที่โดนกล่าวหาว่าเป็นลูกอกตัญญู เอาของพ่อไปให้แม่ยาย เห็นครอบครัวคนอื่นดีกว่าครอบครัวตัวเองนั้น คุณณพฯ กล่าวว่าไม่เป็นความจริง โดยบอกว่า ข้อเท็จจริงที่เล่าให้ฟังตั้งแต่ต้น ต้องเรียนว่าคุณหญิงกอแก้วฯ เป็นคนลงทุน วันนี้มีคนจะมาขโมยของของคุณหญิง ตนในฐานะลูกผู้ชายคนหนึ่ง คุณหญิงเข้ามาช่วยเหลือตนในวันที่ยากลำบาก เสียทั้งเงินและชื่อเสียง โดนสังคมประณาม ตนมีหน้าที่แถลงข้อเท็จจริงให้ทุกคนทราบ
หลังจากนั้นคุณณพฯ ได้เปิดคลิปหลักฐานถึงเรื่องที่ถูกปิดกั้นไม่ให้พบ คุณพ่อเกษมฯ รวมถึงลูกชายตน ก็รักคุณปู่มาก แต่วันหนึ่งกลับถูกห้ามพบ และไปที่บ้านก็ไม่ได้ รวมถึงตนก็เข้าไปดูแลคุณพ่อเกษมฯ ไม่ได้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งไม่ว่าใครที่เจอแบบนี้ก็เป็นสิ่งที่โหดร้ายมาก ซึ่งตนยืนยันว่ารักและเคารพคุณพ่อเกษมฯ เสมอ คุณพ่อเกษมฯ ได้พร่ำสอนตลอดว่า ไม่เคยขโมยของคนอื่นมาเป็นของตัวเอง และเชื่อโดยสุจริตใจว่า คุณพ่อเกษมฯ สุจริตในเรื่องนี้ แต่มีคนวางแผนโดยใช้ประโยชน์จากเรื่องสุขภาพของคุณพ่อเกษมฯ มาเป็นเครื่องมือ ตนเป็นห่วงสุขภาพของคุณพ่อเกษมฯมาก เพราะทราบว่าคุณพ่อ
ป่วย มีปัญหาเรื่องความจำ มีปัญหาเรื่องสมอง และคุณพ่อเกษมฯ มีหลายโรคมาก คุณณพฯ ย้ำชัดว่า ยินดีตอบทุกคำถามจากสื่อมวลชน และพร้อมออกรายการโทรทัศน์ทุกรายการ ไม่ว่าจะรายการคุณสรยุทธ, คุณกรรชัย, คุณเมย์, คุณพุทธ และขอให้เชิญพี่ชาย และน้องชาย (คู่กรณี) มาด้วย พร้อมเจอทุกเวที ขอให้มาพูดกันต่อหน้าว่าความจริงคืออะไร












