วันจันทร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2568

 เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชมรมมัคคุเทศก์ภาษาสเปน นำโดยอรอุมา ศิลปงาม ประธานชมรมมัคคุเทศก์ภาษาสเปน พร้อมด้วยคณะกรรมการได้



นำสมาชิกมัคคุเทศก์ภาษาสเปนล่องเรือชมบรรยากาศสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ทริปสัญจร สองเมืองอยุธยาและเกาะเกร็ด จ.นนทบุรี

เพื่อเป็นการเพิ่มพูลความรู้ให้กับมัคคุเทศก์ภาษาสเปน และได้ไป





พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา ปิดทริปด้วยล่องเรือเชมความงดงามกาะเกร็ด จ.นนทบุรี

ศรชล.ภาค 2 จัดประชุมระดับผู้บริหารหน่วยใน ศรชล.ภาค 2 ประจำปีงบประมาณ 2568

 ศรชล.ภาค 2 จัดประชุมระดับผู้บริหารหน่วยใน ศรชล.ภาค 2 ประจำปีงบประมาณ 2568 

 


เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2568  ที่โรงแรมลากูน่า แกรนด์ แอนด์ สปา สงขลา อ.เมือง จ.สงขลา พลเรือโท นเรศ  วงศ์ตระกูล  ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 และ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 2 (ผอ.ศรชล.ภาค 2) เป็นประธานในการประชุมระดับผู้บริหารหน่วยใน ศรชล.ภาค 2 ประจำปีงบประมาณ 2568 



โดยผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย  ผู้ว่าราชการจังหวัด/ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล จังหวัด ใน ศรชล.ภาค 2 ทั้ง 5 จังหวัด (จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดสงขลา จังหวัดปัตตานี และจังหวัดนราธิวาส) ผู้บริหารหน่วยงานหลักใน ศรชล.ภาค 2 ประกอบด้วย ทัพเรือภาคที่ 2 หน่วยงานระดับภูมิภาคในพื้นที่รับผิดชอบของ ศรชล.ภาค 2 จาก กรมเจ้าท่า กรมประมง กรมศุลกากร กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กองบังคับการตำรวจน้ำ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกิจการทางทะเลในพื้นที่รับผิดชอบของ ศรชล.ภาค 2 และ หน่วยงานอื่น ๆ ได้แก่ สำนักบริหารจัดการระบบการแพทย์ฉุกเฉิน พื้นที่ 4  สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่สงขลา สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสงขลา จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดปัตตานี และจังหวัดนราธิวาส  ด่านตรวจประมง  และโรงพยาบาลเกาะสมุย





การจัดประชุมในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ  รับทราบนโยบายและแนวทางการปฏิบัติงานของ ศรชล.  แผนการปฏิบัติงานและเป้าหมายในด้านต่าง ๆ  ตลอดจน ผลการปฏิบัติงาน และ อุปสรรค ข้อขัดข้อง ข้อเสนอแนะในการปฏิบัติงานที่ผ่านมา ของ ศรชล.ภาค 2 นอกจากนั้น ยังเป็นโอกาสให้ผู้บังคับบัญชา ผู้บริหาร และผู้แทนจากหน่วยงานต่าง ๆ ได้พบปะหารือ ประสานสัมพันธ์และความร่วมมือในการบูรณาการร่วมกัน เพื่อให้สามารถปฏิบัติภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ตามเป้าหมายที่ ศรชล. และ ศรชล.ภาค 2 กำหนด  


////////

ภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง เปิดงานตลาดซื้อง่าย ขายถูก เพื่อช่วยเหลือและสมทบทุนให้กำลังใจแก่ภรรยาของบุคลากรสำนักประชาสัมพันธ์ ซึ่งป่วยด้วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว

 ภราดร ปริศนานันทกุล 

รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง เปิดงานตลาดซื้อง่าย ขายถูก เพื่อช่วยเหลือและสมทบทุนให้กำลังใจแก่ภรรยาของบุคลากรสำนักประชาสัมพันธ์ ซึ่งป่วยด้วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว



     เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2568 เวลา 11.00 น. ณ บริเวณสระมรกต ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงานตลาดซื้อง่าย ขายถูก โดยมีนายชัยยศ ศิริสวัสดิ์ ประธานชมรมช่างภาพการเมือง กล่าวถึงการจัดงานตลาดซื้อง่าย ขายถูก และขอบคุณผู้สนับสนุนสถานที่ และนายอำพล ไทรสังขเฉลาพร ผู้อำนวยการสำนักประชาสัมพันธ์ กล่าวขอบคุณผู้ร่วมออกร้าน และแนะนำดนตรีเปิดหมวกเพื่อช่วยเหลือผู้ป้ายมะเร็งเม็ดเลือดขาว โดยมีคณะผู้บริหารและบุคลากรสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เข้าร่วมพิธีด้วย



     นายภราดร ปริศนานันทกุล 

รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง กล่าวเปิดงาน "โครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่เป็นสวัสดิการให้กับพี่น้องข้าราชการรัฐสภา ได้มีโอกาสซื้อของในราคาถูกในโครงการธงฟ้าและอีกหลากหลายร้านค้า ที่สำคัญการจัดงานครั้งนี้ยังนำรายได้ส่วนหนึ่งนำเข้าโครงการเพื่อช่วยเพื่อนอีกด้วย จึงขอขอบคุณประธานชมรมฯ ข้าราชการผู้จัดงานที่ทำให้โครงการสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี"



    จากนั้นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง, ประธานชมรมช่างภาพการเมือง ผู้บริหารสำนักงานฯ เยี่ยมชมและทักทายพ่อค้า แม่ค้าที่ร่วมกิจกรรม สำหรับกิจกรรมดังกล่าวชมรมช่างภาพการเมืองร่วมกับสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร โดยสำนักประชาสัมพันธ์ จัดงานตลาดซื้อง่าย ขายถูก ขึ้นเป็นเวลา 2 วัน คือในวันจันทร์ที่ 31 มีนาคม และวันอังคารที่ 1 เมษายน 2568 ตั้งแต่เวลา 8.30 - 15.30 นาฬิกา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้บุคลากรของรัฐสภา บุคคลในวงงานรัฐสภา และสื่อมวลชน ได้จับจ่ายใช้สอยสินค้าอุปโภค บริโภคในราคาประหยัดซึ่งเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัว โดยได้เชิญหน่วยงานและร้านค้ามาร่วมจำหน่ายสินค้ากว่า 60 ร้านค้า รวมทั้งร้านค้าธงฟ้า ประชารัฐ และมูลนิธิต่างๆที่นำสินค้าราคาประหยัดมาร่วมออกร้าน นอกจากนี้ภายในงานยังได้มีการแสดงดนตรีเปิดหมวก โดยบุคลากรของสำนักประชาสัมพันธ์ เพื่อเชิญชวนทุกท่านที่มาจับจ่ายใช้สอยในงานได้ร่วมทำบุญในโครงการเพื่อนช่วยเพื่อน สมทบทุนให้กำลังใจแก่ภรรยาของนายคณิตศาสตร์ ปานิเสน บุคลากรสำนักประชาสัมพันธ์ ซึ่งป่วยด้วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว และต้องรักษาพยาบาลอย่างต่อเนื่อง./




#สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย(สภท.60ปี)​


ทรู คอร์ปอเรชั่น ย้ำความพร้อมระบบแจ้งเตือนภัย ร่วมประชุมนายกฯ และทดสอบระบบ Virtual Cell Broadcast พร้อมเดินหน้าใช้ได้ทันที

 ทรู คอร์ปอเรชั่น ย้ำความพร้อมระบบแจ้งเตือนภัย ร่วมประชุมนายกฯ  และทดสอบระบบ Virtual Cell Broadcast พร้อมเดินหน้าใช้ได้ทันที



กรุงเทพฯ 31 มีนาคม 2568 – วันนี้ (31 มีนาคม 2568) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นำโดยนายจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกิจการองค์กร เข้าพบนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รวมถึง ศาสตราจารย์นายแพทย์สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. และนายภาสกร บุญญลักษม์​ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เพื่อหารือเรื่องการเร่งดำเนินการเกี่ยวกับกระบวนการส่งข้อมูลการแจ้งเตือนสถานการณ์ฉุกเฉิน และการใช้ระบบ Cell Broadcast ในประเทศไทยอย่างเร่งด่วน



นายจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกิจการองค์กร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยภายหลังร่วมการประชุมติดตามและแก้ไขปัญหาการเตือนภัยที่มีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นประธานว่า " “ทรู คอร์ปอเรชั่น ยืนยันความพร้อมในการใช้งานระบบ Cell Broadcast Service ได้ทันทีในวันนี้ โดยจะทำเป็นระบบ Virtual Cell Broadcast กล่าวคือ หากเกิดภัยพิบัติหรือมีความจำเป็นที่ภาครัฐต้องการส่งการแจ้งเตือนภัย ลูกค้าทรูและดีแทคสามารถได้รับการแจ้งเตือนผ่านระบบนี้ได้โดยทันที โดยไม่ต้องรอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพัฒนาระบบให้พร้อมครบถ้วน เพราะเราตระหนักถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ และได้ติดตั้งระบบนี้เรียบร้อยแล้วในทุกสถานีฐานทั่วประเทศ ถือเป็นผู้ให้บริการรายแรกที่มีความพร้อมให้บริการระบบนี้อย่างเต็มรูปแบบ”



อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันระบบ Cell Broadcast Service ยังรองรับเฉพาะโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ Android เท่านั้น ยังไม่สามารถแจ้งเตือนภัยไปยังผู้ใช้งาน iOS ได้โดยตรง ดังนั้นการแจ้งเตือนภัยสำหรับผู้ใช้มือถือ iOS ยังคงใช้วิธีส่งข้อความ SMS แทน ทั้งนี้ สำนักงาน กสทช. กำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัท Apple เพื่อให้ระบบ Cell Broadcast สามารถรองรับบนอุปกรณ์ iOS ได้ในอนาคต


ทั้งนี้ ระบบ Virtual Cell Broadcast Service ที่ทรูได้พัฒนาขึ้นนี้ ช่วยให้สามารถแจ้งเตือนฉุกเฉินได้อย่างรวดเร็ว โดยจะมีทั้งเสียงและข้อความปรากฏขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์ทันที แม้อยู่ในโหมด sleep หรือ standby รองรับการแสดงผลได้ 5 ภาษา ได้แก่ ไทย อังกฤษ จีน ญี่ปุ่น และรัสเซีย โดยไม่จำเป็นต้องติดตั้งแอปพลิเคชันเพิ่มเติม


การเข้าพบครั้งนี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่างทรู คอร์ปอเรชั่น ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาระบบเตือนภัยพิบัติ โดยมีเป้าหมายให้ประชาชนได้รับข้อมูลการแจ้งเตือนที่รวดเร็วและแม่นยำ เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินในช่วงสถานการณ์ฉุกเฉิน


ก่อนหน้านี้ ทรูได้ทดสอบและเร่งติดตั้งระบบเตือนภัย Cell Broadcast ให้ครบทุกสถานีฐานทั่วประเทศเรียบร้อยแล้วเป็นรายแรกในไทย โดยเร่งดำเนินการให้เร็วกว่าแผนเดิมที่ตั้งไว้ว่าจะแล้วเสร็จในเดือนพฤษภาคม 2568 เนื่องจากความห่วงใยต่อประชาชนคนไทย และสถานการณ์ภัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา

______


#สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย

บุรีรัมย์ สองฝั่ง เอา ไม่เอาโรงน้ำตาลอ้างรถติด อีกฝั่งช่วยเกษตรกรเศรษฐกิจดี

 บุรีรัมย์ สองฝั่ง เอา ไม่เอาโรงน้ำตาลอ้างรถติด อีกฝั่งช่วยเกษตรกรเศรษฐกิจดี



เรืองรุจ วังแจ่ม/บุรีรัมย์/081-5492991

อำเภอชำนิ//ผู้ใหญ่บ้านนำชาวบ้านรวมตัวต้านไม่เอาโรงงานน้ำตาลระบุทำมลภาวะเป็นพิษและรถติด กำนันตำบลเดียวกันระบุตรงกันข้ามมีโรงงานสร้างเศรษฐกิจ เกษตรกรมีทางเลือก ถ้าไม่ดี 58 โรงานทั่วประเทศปิดไปแล้ว ขณะผู้บริหารโรงงานชี้พื้นที่ตั้งอยู่ห่างชุมชน ระบบการจัดการทันสมัยไม่กระทบชุมชนแน่นอน





วันที่ 31 มี.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มชาวบ้านหมู่ 10 ต.หนองปล่อง อ.ชำนิ จ.บุรีรัมย์ นำโดยนายชัยพร มลิวรรณ ผู้ใหญ่บ้าน และแกนนำเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง พาชาวบ้านประมาณ 100 คน ถือป้ายเดินไปประท้วงและยื่นหนังสื่อต่อนายอำเภอชำนิ 



เพื่อคัดค้านการตั้งโรงงานน้ำตาลในเขตพื้นที่ตำบลหนองปล่อง ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ของโรงงานน้ำตาลชำนิ เครือข่ายบริษัท KI หรือโรงงานน้ำตาลพิมาย จ.นครราชสีมา มาประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนครั้งที่ 1 ที่ว่าการอำเภอชำนิ 




แกนนำผู้ชุมนุม พยายามชี้แจงให้ชาวบ้านว่า โรงงานน้ำตาลที่จะมาตั้งในพื้นที่อำเภอชำนิ จะมีกำลังผลิตน้ำตาล 20,000 ตันอ้อยต่อวัน และมีโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาด 5.4 เมก้าวัตต์  อาจจะส่งผลกระทบต่อประชาชนใน 6 ตำบล



นายชัยพร มลิวรรณ(เสื่อเหลือง) ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 ต.หนองปล่อง กล่าวว่าโรงงานเป็นโรงงานขนาดใหญ่ผลิตน้ำตาลวันละ 20,000 ตัน จะมีรถใหญ่วิ่งเข้ามาในตำบลหนองปล่องไม่ต่ำกว่าวันละ 1,000 คัน เกรงว่าการจราจรจะเป็นอันตรายต่อลูหลาน เพราะมีโรงเรียนอยู่ทั้งสองฝั่งถนน ยืนยันการเคลื่อนไหวไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง มีเพียงชาวบ้านและกลุ่มโอโซนเท่านั้น 



ขณะที่นายสมอาจ คงสืบชาติ (ใส่หมวก)กำนันตำบลหนองปล่อง อ.ชำนิ กล่าวว่า การที่โรงงานน้ำตาลจะมาลงในพื้นที่ ส่วนตัวเชื่อว่าหลักๆคือการสร้างรายได้ให้กับชุมชนได้มีโอกาสเข้าไปทำงานในโรงงานน้ำตาล ถึงแม้จะไม่ครอบคลุมทั้งอำเภอแต่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่แรงงานไม่ต้องระเหเร่ร่อนไปทำงานไกลบ้าน ที่ไม่รู้ชะตากรรมเหมือนกับกรณีตึกถล่ม 



เท่าที่สอบถามชาวบ้านส่วนใหญ่มีความภาคภูมิใจที่จะมีโรงงานมาเปิดในพื้นที่ ทั้งมีงานทำทั้งเศรษฐกิจในพื้นที่กระเตื้องขึ้น ส่วนผลกระทบคำว่าโรงงานถ้าเกิดขึ้นที่ไหนจะต้องมีบ้างเพราะคนเข้ามาอยู่การหนาแน่นเหมือนนิคมอุสาหกรรมทั่วไป แต่เชื่อว่าโรงงานฯจะมีแผนรองรับอยู่แล้ว หากว่าไม่ดีโรงงานน้ำตาลทั่วประเทศ 58 โรงงานคงจะอยู่ไม่ได้แล้ว 



กรณีที่เกิดขึ้นส่วนตัวเชื่อว่ามีคนหนุนหลังให้ชาวบ้านมาประท้วงอยู่แล้ว เพราะโรงงานน้ำตาลมาจากจังหวัดอื่น เพราะที่บุรีรัมย์ก็มีเหมือนกัน แต่ลึกๆตนไม่ทราบ ทั้งนี้ตนยังเชื่อมั่นว่าจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น โดยเฉพาะที่นาของเกษตรกรที่ทำนาไม่ได้ผลก็หันมาปลูกอ้อยจะมีรายได้ดีกว่าเดิมแน่นอน


ด้านนายอนุรักษ์ สุขประสิทธิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการกลุ่มโรงงานน้ำตาลเคไอ กล่าวว่า โรงงานน้ำตาลจะไปตั้งอยู่ที่หมู่ 2 ต.หนองปล่อง ซึ่งบริเวณนั้นจะอยู่ห่างจากชุมชน บนเนื้อที่ประมาณ 1,000 ไร่ แต่ไม่อยู่กลางหมู่บ้าน


โรงงานเป็นโรงงานขนาดใหญ่จะมีขั้นตอนและแผนชัดเจน มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบทุกขั้นตอน ส่วนโรงงานไฟฟ้าชีวมวลเป็นระบบทันสมัยเป็นระบบไฟฟ้าสถิตที่คอยจับฝุ่นละออง รวมถึงระบบน้ำและเสียงทางโรงงานได้เตรียมความพร้อมไว้หมดแล้วเพื่อไม่ให้กระทบต่อชุมชน//////////////


ธีรยุทธ์ ชำนาญกอง

ผู้สื่อข่าว จ.บุรีรัมย์ รายงาน

คิวภาพ//บรรยากาศการประท้วง//บรรยากาศการประชุม//เสียงผู้ประท้วง//เสียงผู้ใหญ่บ้าน//เสียงชาวบ้าน//เสียงกำนัน//เสียงผู้บริหาร

ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่นชำระค่าคลื่นความถี่ย่าน 2600 MHz งวดที่ 2 และ ค่าคลื่นความถี่ย่าน 900 MHz (ช่วง 905-915 MHz คู่กับ 950-960 MHz) งวดสุดท้าย

 ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่นชำระค่าคลื่นความถี่ย่าน 2600 MHz งวดที่ 2 และ ค่าคลื่นความถี่ย่าน 900 MHz (ช่วง 905-915 MHz คู่กับ 950-960 MHz) งวดสุดท้าย



31 มีนาคม 2568 - ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่นชำระค่าคลื่นความถี่ย่าน 2600 MHz งวดที่ 2 จำนวน 2,868,598,666.52 บาท และ ค่าคลื่นความถี่ย่าน 900 MHz (ช่วง 905-915 MHz คู่กับ 950-960 MHz) งวดสุดท้าย จำนวน 8,163,886,000 บาท พร้อมนำส่งหนังสือค้ำประกันการชำระเงินประมูลคลื่นความถี่ที่เหลือแก่สำนักงาน กสทช. โดยมีนายนฤพนธ์ รัตนสมาหาร (ที่ 3 จากซ้าย) หัวหน้าสายงานรัฐกิจสัมพันธ์และกำกับดูแล และนางสาวกนกพร คุณชัยเจริญกุล (ที่ 2 จากซ้าย) หัวหน้าสายงานกลยุทธ์กฎระเบียบการกำกับดูแลกิจการ และ นางสาววีณา จ่างเจริญ (ซ้ายสุด) ผู้เชี่ยวชาญสายงานกลยุทธ์กฎระเบียบการกำกับดูแลกิจการ  บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นผู้แทนบริษัทฯ ในการชำระค่าคลื่นความถี่ โดยมีนายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล (ที่ 4 จากซ้าย) รองเลขาธิการ กสทช. และรักษาการเลขาธิการ กสทช. พร้อมด้วยนายสุทธิศักดิ์ ตันตะโยธิน (ที่ 5 จากซ้าย) รองเลขาธิการ กสทช.สายงานกิจการโทรคมนาคม และนายวีรพนธ์ ศรีนวล (ขวาสุด) ผู้อำนวยการส่วนจัดให้มีบริการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์ทางสังคม ร่วมรับมอบ ณ สำนักงาน กสทช.


ทั้งนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น ยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง ด้วยการนำคลื่นความถี่ที่ได้จากการประมูลมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งการขยายพื้นที่ให้บริการ เพิ่มประสิทธิภาพความเร็วและความเสถียรของเครือข่าย ตลอดจนการเสริมศักยภาพในการรองรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น 5G, IoT และ AI เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้ใช้งาน และยกระดับประสบการณ์การใช้งานให้ทัดเทียมมาตรฐานระดับโลก


สำหรับคลื่นความถี่ย่าน 2600 MHz และ 900 MHz เป็นคลื่นสำคัญในการพัฒนาเครือข่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยรองรับการใช้งานดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงบนมือถือ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต รวมถึงนำไปใช้เชื่อมต่อโซลูชันอัจฉริยะในภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม และบริการภาครัฐ ทั้งยังมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย

______


#สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ทีมบรรเทาสาธารณภัย พร้อมทีมค้นหาและกู้ภัยในเขตเมือง(USARTEAM) ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

 เช้านี้ 31-3-68

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

ทีมบรรเทาสาธารณภัย

 พร้อมทีมค้นหาและกู้ภัยในเขตเมือง(USARTEAM) ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประเมินสถานการณ์ เพื่อเตรียมการช่วยเหลือค้นหาผู้ติดอยู่ภายใน

เหตุอาคารถล่มตึก สตง.จตุจักร กรุงเทพฯ

















ทีม Buriram United Academy B คว้าแชมป์ Gatorade 5v5 Football 2025 พร้อมลุยศึกที่เยอรมนี

 ทีม Buriram United Academy B คว้าแชมป์ Gatorade 5v5 Football 2025 พร้อมลุยศึกที่เยอรมนี



วันที่ 30 มีนาคม 68  เครื่องดื่มเกลือแร่ “เกเตอเรด” โดย บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมแสดงความยินดีกับ ทีม Buriram United Academy B ตัวแทนเยาวชนจากจังหวัดสุรินทร์ ที่คว้าชัยชนะในศึก Gatorade 5v5 Football 2025 พร้อมถ้วยรางวัลแห่งเกียรติยศและเงินรางวัล 30,000 บาท ณ สนามสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด




การแข่งขันในปีนี้ดุเดือดกว่าทุกปี มีทีมสมัครเข้าร่วมกว่า 256 ทีม จากทั่วประเทศ ซึ่ง “Buriram United Academy B” โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยม คว้าชัยเหนือทีม Prime Bangkok ในรอบชิงชนะเลิศ ด้วยสกอร์ 2-0 จากการเหมาคนเดียวสองประตูของ ภานุวิชญ์ เจยาคม ท่ามกลางเสียงเชียร์กึกก้อง




ชัยชนะครั้งนี้ทำให้ทีม Buriram United Academy B ได้รับสิทธิ์เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วม Gatorade UCL Final 5v5 Experience ที่เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี ทริปสุดเอ็กซ์คลูซีฟมูลค่ากว่า 700,000 บาท ที่จัดโดย PepsiCo Inc.




นอกจากทีมแชมป์แล้ว ทีมรองชนะเลิศ Prime Bangkok จากกรุงเทพฯ คว้าเงินรางวัล 20,000 บาท ส่วน ทีมโรงเรียนภัทรบพิตร x Buriram United Academy และ ทีมเด็กสะพานพุทธ CITY ซึ่งครองตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับ 2 ร่วมกัน ได้รับเงินรางวัลทีมละ 10,000 บาท รวมมูลค่าของรางวัลทั้งหมดกว่า 1,000,000 บาท


นอกจากการแข่งขันหลักแล้ว ไฮไลต์อีกอย่างคือแมตช์พิเศษ “ไปต่อไม่พอแค่นี้” ที่รวบรวมนักเตะดาวรุ่งจาก 6 ทีมสุดท้ายมาแบ่งเป็น 2 ทีม เพื่อโชว์ศักยภาพ ทักษะการแก้เกม และทีมเวิร์กที่แข็งแกร่ง โดยทีมผู้ชนะได้รับรางวัลเสื้อบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พร้อมลายเซ็นนักเตะชื่อดัง



นายณุวัฒน์ เมธปรีชากุล ผู้จัดการอาวุโสสินค้าไฮเดรชั่น บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “Gatorade 5v5 Football 2025 ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม และเรายินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสานฝันเยาวชนไทย ให้ก้าวสู่เวทีระดับโลก โดยเราจะยังคงสนับสนุนเยาวชนไทยให้ “ไปต่อไม่พอแค่นี้”และใช้ประสบการณ์ครั้งนี้เป็นแรงผลักดันเพื่อพัฒนาตัวเองและสร้างความภาคภูมิใจให้ประเทศไทย” การแข่งขัน Gatorade 5v5 Football ยังคงเป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้เยาวชนไทยได้แสดงศักยภาพ และสร้างเส้นทางสู่อนาคตที่ยิ่งใหญ่ในวงการฟุตบอลระดับโลกต่อไป///


ธีรยุทธ์ ชำนาญกอง

ผู้สื่อข่าว จ.บุรีรัมย์ รายงาน

คิวภาพ//การแข่งขัน//ภาพทีมแชมป์//เสียงผู้บริหารผู้จัด