วันเสาร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2567

สุดอุกอาจ 2 โจรแสบชกใบหน้าสาวพนักงานปั๊มน้ำมันจนจมูกฉีกใบหน้าบวม ชิงเงิน 20,000 บาท

 สุดอุกอาจ 2 โจรแสบชกใบหน้าสาวพนักงานปั๊มน้ำมันจนจมูกฉีกใบหน้าบวม ชิงเงิน 20,000 บาทที่เตรียมเป็นค่าเทอมให้ลูกและของปั๊มไป ตำรวจใช้เวลา 1 วันตามล่ารวบได้พร้อมของกลาง

ภาพจากกล้องวงจรปิดภายในปั๊มน้ำมัน แห่งหนึ่ง ริมถนนพหลโยธิน ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา  ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เป็นหลักฐานในการติดตามจับกุมคนร้ายเป็นชาย 2 คน  คนขับรถจักรยานยนต์ ไม่ติดป้านทะเบียนสวมใส่เสื้อแจ็กเก็ตสีดำ สวมหมวกกันน็อค สีดำ คนซ้อนท้ายสวมหมวกกันน็อค สีขาว  ขับเข้ามาภายในปั๊มน้ำมันทางออก วนมาที่ห้องน้ำปั๊มมาดูลาดเลา จากนั้น ขับขี่ตรงเข้าไปพนักงานเติมน้ำมัน หญิง ที่นั่งอยู่ คนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายลงจากรถ ตรงเข้าไปกระชากกระเป๋าที่คล้องคอเอาไว้ จนเกิดการต่อสู้ยื้อแย่งกัน คนร้าย ชกไปที่ใบหน้า ของพนักงานปั๊มน้ำมัน หลายครั้งจากนั้นได้กระเป๋า ภายในมีเงินสด 2หมื่นกว่าบาท แล้วขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไป เหตุเกิดเมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา 

ต่อมา เมื่อเวลา 20.00 น.วันที่ 22 มีนาคม 2567  พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา  พ.ต.อ.ชนันท์ เปรมปลื้มจิตต์ ผกก.สภ.พระอินทร์ราชา  พ.ต.อ.พีรพัสส์ ชูช่วย รอง ผกก.สส ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา   พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ได้ควบคุมตัว นายณัชพล หรือแทต  ธรรมบุญ อายุ 25 ปี ชาว จ.ปทุมธานี  นาย สมศักดิ์ หรือเอฟ เนียมประเสริฐ อายุ 26 ปี ชาวกรุงเทพมหานคร 2 ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุชิงทรัพย์พนักงานปั๊มน้ำมัน ที่ถูก จับกุมได้ในพื้นที่ สายไหม กรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยของกลาง รถจักรยานยนต์ที่ใช้ในการก่อเหตุ  มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ 













โดย นาย นายณัชพล หรือแทต    นาย สมศักดิ์ หรือเอฟ 2  ผู้ต้องหา ได้ขับขี่รถจยย.ตระเวนหาเหยื่อเพื่อก่อเหตุชิงทรัพย์ จนผ่านบริเวณปั๊มน้ำมัน แล้วเห็นพนักงานปั๊มน้ำมัน เป็นผู้หญิง นั่งอยู่สะพายกระเป๋า จึงขับรถเข้ามาในปั๊มน้ำมัน ไปจอดหน้าห้องน้ำเพื่อดูลาดเลา  จนเห็นว่ามีพนักงานอยู่ไม่กี่คน จึงขับขี่รถจยย. ไปจอดกับที่ผู้เสียหายนั่งอยู่  ผู้ต้องหาที่นั่งซ้อนท้ายลงจากรถ ตรงเข้าไปกระชากกระเป๋าจากผู้เสียหาย เกิดการต่อสู้ ผู้ต้องหาทำร้ายร่างกายผู้เสียหายด้วยการชกต่อยใบหน้าจนล้มลง จากนั้นได้กระเป๋าขึ้นซ้อนท้ายรถจยย.หลบหนีไป 

ระหว่างการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ  นาย พงศกรณ์ สวาย อายุ 53 ปี ผู้จัดการปั๊มน้ำมัน ได้เข้ามาต่อว่า ผู้ต้องหา ไม่น่าที่จะมาก่อเหตุ ทำไมไม่ไปประกอบอาชีพสุจริต ทรัพย์สินที่ได้ไป พนักงานปั๊มน้ำมันต้องทำงานแลกมา เก็บเงินเพื่อไว้จะส่งให้ลูกแล้วยังมาทำร้ายร่างกายเขาซ้ำอีก

พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า  เป็นการก่อเหตุที่อุกอาจมาก เพราะขาดอยู่ริมถนนหลัก ภายหลังก่อเหตุตนเองพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตรวจชุดสืบสวน ของ สภ.พระอินทร์ราชา และชุดสืบสวน ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ได้เร่งรัดสืบสวน จากภาพกล้องวงจรปิด พยานหลักฐานต่างๆ จนทราบตัวผู้ต้องหา ติดตามไปจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ที่บ้านพัก ใน จ.ปทุมธานี  และย่านสายไหม กรุงเทพหมานคร  พร้อมด้วยของกลาง รถจยย.ที่ใช้ในการก่อเหตุและเงินสดของผู้เสียหาย ถึงจะถูกจับกุมผู้ต้อหายังมีการปฏิเสธ เรื่องของทรัพย์สิน ซึ่งมีการซุกซ่อนไว้ในกางเกงในของผู้ต้องหา ผู้ต้องหามีประวัติเคยถูกจับกุมในคดีชิงทรัพย์ และอีกคนเคยถูกจับกุมในคดียาเสพติด  พอพ้นโทษก็ยังชักชวนกันมาก่อเหตุ

จึงอยากให้ผู้ประกอบการปั๊มน้ำมันเพิ่มความระมัดระวังไม่ให้พนักงานพกเงินสดติดตัวไว้จำนวนมาก  และควรให้พนักงานที่เป็นชาย เข้าทำงานในช่วงเวลากลางคืน เพื่อไม่ให้เป็นเป้าหมายที่คนร้ายหวังที่จะก่อเหตุ 


นาย พงศกรณ์ สวาย อายุ 53 ปี  ผู้จัดการปั๊มน้ำมันกล่าวว่า พนักงานปั๊มน้ำมัน ได้รับบาดเจ็บ คือนางสาว วิมลรัตน์ อายุ 35 ปี ที่บริเวณใบหน้า จมูกฉีกต้องเย็บ 5 เข็ม บริเวณหน้าผากมีบาดผลต้องเย็บ 2 เข็ม ใบหน้าปูดบวม  น้องพนักงาน ยังตกใจรูสึกหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  ทรัพย์สินที่คนร้ายได้เป็นเงินส่วนตัวของพนักงานจำนวน 20,000 บาท ซึ่งตนเองเพิ่งจะทราบเป็นเงินที่เตรียมจะโอนไปให้ลูก เป็นค่าเทอม  และเงินสดประมาณ 8,000 บาท เป็นเงินของปั๊มน้ำมัน  อยากจะฝากถึงผู้ต้องหา  ทำไมถึงไม่ยอมทำงานสุจริต ทุกคนอยากได้เงินต้องทำงาน  คนต่างด้าวเข้ามาในประเทศไทย เขายังต้องทำงานเพื่อแลกเงิน งานมีให้ทำหลายอย่างทาสุจริต 

ทางปั๊มน้ำมันจะไม่ให้พนักงานเก็บเงินไว้กับตัวเยอะอยู่แล้ว ถ้าเงินจำนวนมากต้องเก็บเข้าเซฟทันที เพิ่งจะทราบจากพนักงานว่า  ได้เอาเงินสดติดตัวเพื่อเช้าออกเวรจะเอาเงินโอนไปให้ลูกเป็นค่าเทอม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น