ตำรวจสุราษฎร์ฯลร่วมตำรวจท่องเที่ยวรวบ 6 ผู้ต้องหาตามหมายจับคดี ตั้งบริษัทฉ้อโกงหลอกลวงขายแพ็กเกจทัวร์ท่องเที่ยวต่างประเทศผู้เสียหายนับร้อยรายมูลค่ากว่า 27 ล้านบาท
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 5 มิ.ย.66 ที่ห้องประชุมสภ.เมืองสุราษฎร์ธานี นายบันดาล สถิรชวาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พล.ต.ต.ศรัญญู ชำนาญราช ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี พล.ต.ต.กฤษณ์ วาฤทธิ์ ผบก.ทท.3 พ.ต.อ.ศิริชัย สุขสาตต์ รอง ผบก.ภ.จว.สุราษฏร์ธานี รรท.ผกก.สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี น.ส.นันทวัน ศิริโภคพัฒน์ ผอ.ททท.สำนักงานสุราษฎร์ธานี นายสมชาย เสมมณี ทกจ.สุราษฎร์ธานี พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัว 6 ผู้ต้องหาตามหมายจับคดี ตั้งบริษัทฉ้อโกงหลอกลวงขายแพ็กเกจทัวร์ท่องเที่ยวต่างประเทศผู้เสียหายนับร้อยรายมูลค่ากว่า 27 ล้านบาท
ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ที่ให้ความสำคัญในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในทุกรูปแบบ ให้ถือเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล โดยได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วยร่วมมือกันปราบปรามมิจฉาชีพ และอาชญากรรมออนไลน์อย่างจริงจัง และเด็ดขาด เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนจากการสูญเสียทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก
พล.ต.ต.ศรัญญู กล่าวว่า สำหรับในเรื่องนี้เป็นคดีความผิดเกี่ยวกับการหลอกขายแพ็กเกจทัวร์ท่องเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยว ทางตำรวจภูธรภาค8 และกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้ตระหนักถึงความเดือดร้อนของผู้เสียหายในเรื่องดังกล่าว จึงได้สั่งการให้ตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี และ บก.ทท.3 บช.ทท. ซึ่งเหตุเกิดในพื้นที่รับผิดชอบ ร่วมกันบูรณาการเร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวนเพื่อจับกุมตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ และติดตามทรัพย์สินคืนกลับให้กับประชาชนผู้ได้รับความเสียหาย
โดยพฤติการณ์กล่าวคือ ผู้ต้องหาได้เปิดเป็นบริษัทนำเที่ยวและได้จดทะเบียนบริษัทเมื่อตนปี 65 และได้เปิดขายแพ็กเกจทัวร์ ต่างประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น,เนเธอร์แลนด์ กลุ่มยุโรป 5 ประเทศ (ออสเตรีย ,เชค ,สโลวา
เกีย ,เยอรมันนี ,อังการี) โดยเสนอขายแพ็กเกจ ทาง เฟซบุ๊ก ในราคาถูกกว่าปกติ โดยอ้างว่าได้รับการสนับสนุนบางส่วนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จนผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงได้ตัดสินใจซื้อแพ็กเกจทัวร์ตามกลุ่มประเทศท่องเที่ยวที่ต้องการ และได้โอนเงินให้กับผู้ต้องหา แต่ปรากฏว่าเมื่อถึงกำหนดเดินทางตามแพ็กเกจทัวร์ที่ผู้เสียหายไม่สามารถเดินทางไปได้แต่อย่างใด จึงได้เข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ให้ดำเนินคดีกับบริษัทดังกล่าว
พล.ต.ต.ศรัญญู กล่าวต่อว่า สำหรับคดีนี้มีผู้เสียหายซึ่งเหตุเกิดในพื้นที่ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี จำนวน 99 ราย เข้าแจ้งความแล้ว 27 ราย มูลค่าความเสียหายรวมประมาณ 1.8 ล้านบาท ,ที่สภ.กาญจนดิษฐ์ เบื้องต้นมีตัวแทนของผู้เสียหายมาแจ้งความ 1 ราย ความเสียหายประมาณ 25.8 ล้านบาท และยังมีผู้เสียหายอีกหลายรายร้องทุกข์ไว้ในท้องที่อื่นอีกหลายท้องที่
ด้านพล.ต.ต.กฤษณ์ วาฤทธิ์ ผบก.ทท.3 หลังเกิดเหตุ ได้กำชับให้ชุดสืบสวน กก.2 บก.ทท.3 , ส.ทท.4 กก.2 บก.
ทท.3 (ตำรวจท่องเที่ยวสุราษฎร์ธานี) ประสานงานกับชุดสืบสวนภ.จว.สุราษฎร์ธานี เร่งรัดติดตามตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีโดยเร็ว จนต่อมาเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 66 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กก.2 บก.ทท.3 , ส.ทท.4 กก.2 บก.ทท.3 (ตำรวจท่องเที่ยวสุราษฎร์ธานี) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี และสภ.กาญจนดิษฐ์ ได้ร่วมกันจับกุมตัวเครือข่ายผู้ต้องหาในคดีนี้ได้จำนวน 6 ราย โดยกล่าวหาว่า " ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนโดยเป็นการกระทำต่อประชาชน "
และได้ทั้งหมดนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี โดยในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนนั้น ผู้ต้องหายังคงให้การปฏิเสธ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งรวบรวม
พยานหลักฐานและติดตามเงินคืนให้แก่ประชาชนผู้เสียหายให้มากที่สุด
ทั้งนี้หากประชาชนท่านใดได้รับความเสียหายจากกรณีดังกล่าว สามารถเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนในพื้นที่ของตนได้ ทั้งนี้ ตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี และตำรวจท่องเที่ยว ยังคงมุ่งเน้นที่จะสนองนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการบังคับใช้กฎหมาย ดำเนินการเชิงรุก ปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดอย่างต่อเนื่องและดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับพี่น้องประชาชน และขอแสดงความห่วงใย หากท่านใดได้รับความเดือดร้อนจากแก๊งมิจฉาชีพ หรือถูกหลอกลวงออนไลน์ต่างๆ หรือพบเห็นการกระทำความผิด สามารถแจ้งเบาะแสได้ทางสายด่วนโทร 1441 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือหากไม่สะดวกสามารถแจ้งความออนไลน์ได้ทางเว็ปไซต์https://thaipoliceonline.com ต่อไป
/////////////
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น