วันศุกร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

"ตำรวจไซเบอร์ ร่วมกับ กสทช.สรรพสามิต ปูพรมค้นห้างดังกลางกรุงยืดมือถือ และอุปกรณ์สื่อสารผิดกฎหมาย จำนวนมาก !!

 "ตำรวจไซเบอร์ ร่วมกับ กสทช.สรรพสามิต ปูพรมค้นห้างดังกลางกรุงยืดมือถือ และอุปกรณ์สื่อสารผิดกฎหมาย จำนวนมาก !!



กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการ กิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ และกรมสรรพสามิต ร่วมกันตรวจค้นแหล่งจำหน่ายอุปกรณ์สื่อสารและอุปกรณ์โทรคมนาคมผิดกฎหมาย ภายในห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ย่านปทุมวันเพื่อป้องกันกลุ่มมิจฉาชีพนำไปใช้ก่อคดีออนไลน์ โดยสามารถตรวจยึดอุปกรณ์โทรคมนาคมที่ไม่ได้รับอนุญาตนำเข้ามาในราชอาณาจักรจำนวนมาก



ตามที่ปัจจุบันได้มีการลักลอบนำเข้าอุปกรณ์โทรคมนาคมโดยผิดกฎหมาย และลักลอบจำหน่ายให้แก่บุคคลทั่วไป ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยวิทยุคมนาคมที่กำหนดไว้ อีกทั้งยังเป็นช่องทางของงกลุ่มมิจฉาชีพนำไปใช้ก่อคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่ไม่สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาและการขออนุญาตได้



พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พล.ต.ต. วิวัฒน์ คำชำนาญ และพล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท.จึงได้สั่งการให้สืบสวนปราบปรามผู้กระทำความผิดอย่างต่อเนื่อง โดยประสานข้อมูลกับ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ภายใต้การอำนวยการของ นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ กสทช.รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช.และกรมสรรพสามิต ภายใต้การอำนวยการของ นายพยุง บุญสมสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบ ป้องกัน และปราบปราม



โดยในวันนี้ (26 พฤษภาคม 2566) เวลา 12.00 น.พล.ต.ต.ชัชปัณฑกานต์ คล้ายคลึง ผู้บังคับการตำรวจ สืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 พ.ต.อ.กฤษดา มานะวงศ์สกุล ผกก.4 บก.สอท.1 ร่วมกับ นายจาตุรนต์ โชคสวัสดิ์ ผู้อำนวยการสำนักกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม และ นายวิโรจน์รัตน์ แจ่มวรรณา ผู้ชี่ยวชาญเฉพาะด้านการตรวจสอบสรรพสามิต และฝ่ายป้องกันและปราบปราม 4 สำนักตรวจสอบป้องกันและปราบปราม ได้ร่วมกันนำหมายค้นศาลอาญากรุงเทพใต้ เข้าตรวจค้นบริเวณชั้น 4 ของห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง ย่านปทุมวัน ซึ่งเป็นแหล่งจำหน่ายอุปกรณ์มือถือและอุปกรณ์โทรคมนาคมขนาดใหญ่ โดยพบว่ามีการนำสินค้าเครื่องวิทยุคมนาคมที่ไม่ได้รับอนุญาตให้นำเข้ามาในราชอาณาจักร และไม่ผ่านการตรวจสอบและรับรองมาตรฐาน (Type Approval Test) เช่น โทรศัพท์มือถือ,เครื่องติดตาม (GPS Tracker),อุปกรณ์ปล่อยสัญญาณ Wifi , เครื่องดักฟัง,วิทยุสื่อสาร,โดรนถ่ายภาพ มาวางจำหน่ายจำนวนมาก



โดยผลการตรวจค้นได้ทำการจับกุมร้านค้าจำนวน 9 แห่ง และตรวจยึดเครื่องโทรคมนาคมผิดกฎหมายประกอบด้วย


1.โทรศัพท์มือถือ จำนวน 112 เครื่อง

2.นาฬิกาใส่ซิมการ์ด จำนวน 19 เครื่อง

3.เครื่องติดตาม (GPS Tracker) จำนวน

4 เครื่อง

4.เครื่องดักฟัง จำนวน 1เครื่อง

5.อุปกรณ์ปล่อยสัญญาณ Wifi จำนวน

8 เครื่อง

6.กล้องใส่ซิมการ์ด จำนวน 2 เครื่อง

7.วิทยุสื่อสาร จำนวน 3 เครื่อง

8.โดรนถ่ายภาพ จำนวน 6 เครื่อง

9.อุปกรณ์โทรคมนาคม จำนวน 2 รายการ


รวมของกลาง จำนวน 157 รายการ มูลค่ากว่า 707,000 บาท



ทั้งนี้ร้านค้าดังกล่าวไม่ได้รับอนุญาตให้จำหน่ายซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคมแต่อย่างใด เป็นการกระทำความผิดในข้อหา "มี และ ค้า ซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงาน" ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีหรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำและปรับ จึงได้ทำการจับกุมตัวผู้กระทำความผิดนำส่งพนักงานสอบสวนสน.ปทุมวัน ดำเนินคดีตามกฎหมาย


พล.ต.ต.ชัชปัณฑกานต์ฯ ผบก.สอท.1 ฝากประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน "เนื่องจากปัจจุบันกลุ่มมิจฉาชีพมีการใช้อุปกรณ์โทรคมนาคม ตลอดจนชิมการ์ดโทรศัพท์ผิดกฎหมายเป็นช่องทางในการหลอกลวงประชาชน เจ้าหน้าที่ตำรวจไชเบอร์ กสทช.และ กรมสรรพสามิต จะมีการออกตรวจตราและกวดขันจับกุมอย่างต่อเนื่อง จึงขอให้ศึกษาและปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบในการใช้อุปกรณ์โทรคมนาคมที่ทางราชการกำหนด"


ทั้งนี้หากพี่น้องประชาชน มีปัญหาข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้วิทยุโทรคมนาคมสามารถสอบถามได้ที่ สำนักงาน กสทช. Call Center หมายเลขโทรศัพท์ 1200

ขอบคุณที่เผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร

กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี


//////////////////////////

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น