วันพุธที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2566

นนทบุรี ชัยวุฒิปัด จ.ส.ท.แฮกเกอร์ไม่เกี่ยวเรื่องการเมือง แต่ถูกโยงเรื่องใช้เป็นเครื่องมือดิสเครดิต

 นนทบุรี ชัยวุฒิปัด จ.ส.ท.แฮกเกอร์ไม่เกี่ยวเรื่องการเมือง แต่ถูกโยงเรื่องใช้เป็นเครื่องมือดิสเครดิต




เมื่อเวลา 12.00น.วันที่ 12 เม.ย. 66 ที่ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส) เดินทางเข้าร่วมรับฟังการสอบปากคำจ่าสิบโทเขมรัฐ บุญช่วย สังกัด ขส.ทบ.ผู้ต้องหาในคดีตามความใน พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งเป็นแฮกเกอร์นาม “9near” ที่นำข้อมูลส่วนตัวของคนไทยกว่า 55 ล้านรายชื่อจากหน่วยงานรัฐไปเผยแพร่ผ่านบนโลกออนไลน์ หลังเข้าพบตำรวจพร้อมนายทหารรัฐธรรมนูญเพื่อเตรียมมอบตัว 



โดยนายชัยวุฒิ เปิดเผยว่า ผู้ก่อเหตุไม่ได้ส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องทางการเมืองหรือการเลือกตั้ง แต่มีกลุ่มทางการเมืองนำไปใช้ในการดิสเครดิต เพราะการเลือกตั้งไม่ได้ใช้ระบบดิจิตัล ขณะนี้ทราบว่าผู้ก่อเหตุยังไม่ได้นำข้อมูลไปขายหรือนำไปใช้ เพียงเป็นการนำมาโพสต์เพื่อสร้างกระแสในโซเชียลมีเดีย และเป็นการกระทำส่วนบุคคลเท่านั้น แต่ที่มาก่อเหตุในช่วงเวลานี้ ตนกำลังจะเข้ารับฟังการสอบปากคำ เบื้องต้นยังไม่มีรายงานว่าข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกนำไปเปิดเผยนั้น ถูกนำไปใช้ให้ได้รับความเสียหาย



เมื่อถามว่าผู้ก่อเหตุมีส่วนเกี่ยวข้องกับนักการเมืองหรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวสั้นๆ เพียงว่าไม่ทราบ



ล่าสุด เวลาประมาน 13.00 น.หลังจากที่สอบปากคำ จ่าสิบโทเขมรัฐ บุญช่วย สังกัด ขส.ทบ.ผู้ต้องหาในคดีตามความใน พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งเป็นแฮกเกอร์นาม “9near” ที่นำข้อมูลส่วนตัวของคนไทยกว่า 55 ล้านรายชื่อนั้น 



นายชัยวุฒิ เปิดเผยอีกครั้งว่า ได้ถูกส่งตัวมาที่ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี วันนี้ก็จะมีการสืบสวนสอบสวน และก็จะนำตัว จ.ส.ท. เขมรัฐไปที่บ้านพัก เพื่อไปตรวจสถานที่ คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ในการทำงาน ส่งข้อความหรือมีการโพสข้อความต่างๆที่ทำความผิด ซึ่งโทษเบื้องต้นก็เป็นคว่มผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ นำเข้าข้อความอันเป็นเท็จในระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกและสร้างความเสียหายต่อความมั่นคงของชาติ ส่วนคดีของCyber Security คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้จะดำเนินการต่อไปด้วย เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานให้เพียงพอ โดยสรุปเท่าที่ทราบจากผู้ต้องหาเขาบอกว่าข้อมูลที่ได้มาไม่ได้จากการแฮกแต่เป็นการไปซื้อข้อมูลจากดาคเว็บของพวกแฮกเกอร์ เขาก็มีการซื้อขายข้อมูลมีการทำผิดกฏหมายกันอยู่ซึ่งเว็บบรีชฟอรั่มก็ถูก FBI ปิดไปแล้วเหมือนกัน แต่มันก็จะมีดอคเว็บพวกนี้ที่พวกแฮกเกอร์มาเจอกันขายข้อมูลให้กันมาแลกเปลี่ยนธุระกรรมต่างๆ เรื่องที่แฮกมา 55 ล้านรายชื่อก็ยังไม่ยืนยัน ถึงจะไปค้นบ้าน จ.ส.ท. เขมรัฐ ไปดูอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ต่างๆ รวบรวมข้อมูลต่างๆว่าเขามีข้อมูลอะไรบ้างแต่เท่าที่ทราบเบื้องต้นข้อมูลนี้ยังไม่ได้รั่วไหลไปไหนยังไม่ได้เาไปขายหรือเอาไปใช้อะไร ซึ่งเขาอ้างว่าทำลายข้อมูลไปแล้ว อันนี้เป็นคำให้การเบื้องต้นก็ขอให้รอทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ และให้ทหารพระธรรมนูญสืบสวนสอบสวนต่อไป


พล.ต.ท. วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท กล่าวว่า เบื้องต้นเขาบอกว่าเขาไม่ได้แฮกแต่เขาซื้อข้อมูลมา และเขาก็ทดลองว่ามีรายชื่อเขาที่เว็บนี้ว่ามีชื่อเขาไหมเขาเลยลองดู และมันมีชื่อเขาจริงก็เลยติดต่อซื้อมา พอซื้อมาเขาโพสครั้งแรกมันไม่ปัง เพราะเขาจบ ปรญ.ตรี เทคโนโลยีสารสนเทศมันไม่ปัง เขาก็เลยเอารายชื่อที่เขาซื้อมาเอา Influencer ที่รู้จักโพสไปอีกทีหนึ่ง แล้วมันก็ปังใหญ่เขาก็ตกใจ  แต่เขาก็ยอมรับว่าเขาส่งข้อความเอง เขาบอกเขาซื้อมา 8 ล้านเร็กคอด หรือ 8,000 บาทไทย เขายินยอมที่ให้ไปค้นที่บ้านพักก็เลยกำลังจะไปค้นและจะกลับมาอีกที  เขารับสารภาพและหลักฐานที่เราได้มาและยื่นยันในการออกหมายจับมันสอดคล้องกัน ส่วนตัวแฟนสาวของเขาทำหน้าที่ดูแลพยาบาลไม่มีความเกี่ยวข้องตรงนี้เลยเขาไม่มีหน้าที่ในการดูแลระบบเขามีหน้าที่ในการดูวอร์ดดูแลคนไข้ ณ ตอนนี้เขายอมรับว่าเขาทำคนเดียว เขาบอกว่าที่เขาซื้อมาเพื่อที่เขาอยากดังอยากลองว่าซื้อมาแล้วมันได้จริงไหม ซื้อกับใครเดี๋ยวจะแจ้งรายละเอียดอีกที ตอนนี้ ที่บอกว่า 55 ล้านรายชื่อไม่เป็นเรื่องจริง เขาบอกอย่างนั้น เราต้งตรวจสอบยื่นยันกับพยานหลักฐานที่ได้อีกที 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น