วันพุธที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2563

“บิ๊กกรมธนารักษ์นำทีม” แจกสัญญาเช่าที่ราชพัสดุ พร้อมจัดตลาดชุมชน จังหวัดร้อยเอ็ด ตามนโยบายลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมของรัฐบาลและกระทรวงการคลัง

 “บิ๊กกรมธนารักษ์นำทีม” แจกสัญญาเช่าที่ราชพัสดุ พร้อมจัดตลาดชุมชน จังหวัดร้อยเอ็ด ตามนโยบายลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมของรัฐบาลและกระทรวงการคลัง




     วันอังคารที่ 15 ธันวาคม 2563 นายยุทธนา  หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ พร้อมด้วยนายธำรงค์  ทองตัน ที่ปรึกษาด้านพัฒนาการประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์ นางสาวสุภัทรา  ส่องประทีป ผู้อำนวยการกองพัฒนาธุรกิจและศักยภาพที่ราชพัสดุ  นายสมมาตร  มณีหยัน  ผู้อำนวยการกองเทคโนโลยีการสำรวจและฐานข้อมูลที่ราชพัสดุ และคณะ ลงพื้นที่แจกสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุตามนโยบายเรื่องลดความเหลื่อมล้ำของสังคมด้านที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน ภายใต้โครงการ “ธนารักษ์ประชารัฐ" พร้อมจัดตลาดชุมชน ภายใต้โครงการ "เปลี่ยนชุมชน เป็นห้องประชุม ในที่ราชพัสดุ" ตามแนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างยังยืน ณ นิคมเสลภูมิ (ชุมชนมั่นคงราชประชา) ตําบลนําเมือง อําเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด ในการนี้ นายสมชาย จิรัตติกานนท์ ธนารักษ์พื้นที่ร้อยเอ็ด  นางสาวเบญจรัตน์  รัษฎามาศ ธนารักษ์พื้นที่ขอนแก่น  นางกิ่งแก้ว พงษ์พาณิชย์ ธนารักษ์พื้นที่มหาสารคาม  นายอุดร สีลาพันธ์ ธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์  นายไพโรจน์ คุ้มทรง ธนารักษ์พื้นที่อุบลราชธานี และนายไสว สะอาด ธนารักษ์พื้นที่ศรีสะเกษ ให้การต้อนรับ




  

     นายยุทธนาฯ กล่าวว่า การมอบสัญญาเช่าในวันนี้ เป็นการมอบสัญญาเช่าให้กับประชาชนที่อาศัยทำกินและประกอบการเกษตร บนที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ รอ.2055 ตำบลนาเมือง อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด นำมาจัดให้ผู้ครอบครองเช่าที่ราชพัสดุจำนวน 200 ราย เนื้อที่ประมาณ 86-3-52.87 ไร่ แบ่งเป็นที่อยู่อาศัย จำนวน 49 ราย อัตราค่าเช่าตารางวาละ 0.50 บาทต่อเดือน และเพื่อประกอบการเกษตร จำนวน 151 ราย อัตราค่าเช่าไร่ละ 200 บาทต่อปี ในการนี้ ได้รับเกียรติจากผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด นายชยันต์  ศิริมาศ มาร่วมมอบสัญญาเช่าและร่วมเป็นสักขีพยานด้วย จึงขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ สำหรับการมอบสัญญาเช่าที่ราชพัสดุดังกล่าว สืบเนื่องมาจากรัฐบาลมีนโยบายการบริหารทรัพย์สินของประเทศเพื่อลดความเหลื่อมล้ำของสังคมและเพิ่มคุณภาพชีวิตของประชาชน มุ่งเน้นให้มีการแก้ไขปัญหาเรื่องที่ดินเพื่ออยู่อาศัยและที่ดินทำกินของราษฎร โดยการรับรองสิทธิในการเข้าครอบครองใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐ ภายใต้โครงการ “ธนารักษ์ประชารัฐ” โดยการจัดให้ผู้ครอบครองที่ราชพัสดุที่ครอบครองอยู่มาก่อนวันที่ 4 ตุลาคม 2546 ได้เช่าที่ราชพัสดุเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยและเป็นที่ทำกิน โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 กรมธนารักษ์ได้กำหนดเป้าหมายดำเนินการโครงการ “ธนารักษ์ประชารัฐ” ทั่วประเทศจำนวนประมาณ 31,800 ราย และในปีงบประมาณ พ.ศ.2564 จะดำเนินการโครงการ “ธนารักษ์ประชารัฐ” อีกไม่ต่ำกว่า 30,000 ราย ทั่วประเทศ ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาถึงค่าเช่าที่กรมธนารักษ์ควรจะได้รับ กับค่าเช่าที่กรมธนารักษ์จัดให้ประชาชนเช่าตามโครงการดังกล่าว จะเห็นได้ว่ามีความแตกต่างกันเป็นอย่างมาก แต่เหนือสิ่งอื่นใด สิ่งที่กรมธนารักษ์ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาลและกระทรวงการคลังได้มอบให้กับประชาชน นั่นก็คือ คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จึงถือว่าเป็นความคุ้มค่าที่มากกว่ารายได้ที่กรมธนารักษ์ควรจะได้รับเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ภายในงาน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ยังได้มาเปิดร้านตัดผมให้บริการแก่ผู้มาร่วมงานฟรีด้วย






     ต่อมา นายยุทธนาฯ ได้ลงพื้นที่เยี่ยมชมตลาดชุมชนตามโครงการ “เปลี่ยนชุม เป็นห้องประชุม ในที่ราชพัสดุ” ตามแนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นการส่งเสริมให้ราษฎรได้มีพื้นที่ในการนำสินค้าท้องถิ่นมาจำหน่าย อันเป็นการกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายและมีรายได้หมุนเวียนภายในชุมชน ซึ่งเป็นไปตามที่รัฐบาลและกระทรวงการคลังได้มีนโยบายเกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก โดยบูรณาการทำแผนปรับโครงสร้างเศรษฐกิจชุมชน เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจฐานรากให้เป็นรูปธรรม ตามแนวทางกลยุทธ์  3 สร้าง คือ 1) สร้างความรู้ สร้างอาชีพ 2) สร้างตลาด สร้างรายได้ และ 3) สร้างโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยในวันนี้มีร้านค้ามาร่วมในโครงการประชุม 50 ร้านค้า





     สุดท้ายนี้ นายยุทธนาฯ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมธนารักษ์จะยังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินของประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองนโยบายในการลดความเหลื่อมล้ำของรัฐบาลและกระทรวงการคลัง เพื่อให้เกิดความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป


: กรมธนารักษ์

: สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย (สภท.56 ปี)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น