"ผกก.ทท." ยันไม่ไกล่เกลี่ย เอาผิด "บิ๊กโจ๊ก" ถึงที่สุด
"พ.ต.อ.กฤษณะพงศ์" ผกก.ตำรวจท่องเที่ยว ยื่นศาลไม่ไกล่เกลี่ยในคดีฟ้องกลับ "บิ๊กโจ๊ก" ฟ้องเท็จ-เบิกความเท็จ กล่าวหาพาจำเลยหนีไปลาว พร้อมยืนยันเอาผิดถึงที่สุด ไม่กลัวอิทธิพลใด ๆ ศาลนัดตรวจหลักฐานปีหน้า
วันนี้ ( 4 ส.ค.) เมื่อเวลา เวลา 10.00 น. ที่ ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พันตำรวจเอก กฤษณะพงศ์ กัญจน์ชัยกิจ ผกก.1 บก.ทท.2 ในฐานะโจทก์ ได้เดินทางมาตามศาลนัดไกล่เกลี่ยในคดีที่ พ.ต.อ.กฤษณะพงศ์ กัญจน์ชัยกิจ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล จำเลยในฐานความผิด "ฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ" จากกรณีที่โจทก์เคยถูกจำเลยกล่าวหาว่าร่วมกับ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี อดีต ผบ.ตร. กลั่นแกล้งตั้งกรรมการสืบสวนทางวินัยจำเลย กรณีจำเลยถูกร้องเรียนเรียกรับส่วยคาราโอเกะที่จังหวัดนครพนม ครั้งที่ จำเลยดำรงตำแหน่ง ผู้กำกับ 3 ค้ามนุษย์ เมื่อปี2554 ต่อมา ศาลชั้นต้น และศาลชั้นอุทธรณ์ ได้ยกคำร้อง ทำให้โจทก์พ้นผิด เมื่อปลายปี 2562 โจทก์จึงได้ขออนุญาตศาลตรวจสอบหลักฐานที่นำมาฟ้อง ก่อนที่จะพบว่าพยานหลักฐานบางอย่างเป็นเท็จ เมื่อ 10 ตุลาคม 2562 จึงได้นำหลักฐานดังกล่าวฟ้องกลับ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ฯ
โดย พ.ต.อ.กฤษณะพงศ์ กล่าวภายหลังเข้ายื่นศาลไม่ไกล่เกลี่ยในคดีฟ้องกลับ "บิ๊กโจ๊ก" ฟ้องเท็จ-เบิกความเท็จ ว่า ในวันนี้ตนได้มายืนยันต่อศาลด้วยตัวเองว่า “ไม่ไกล่เกลี่ยในเรื่องที่ฟ้อง พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ หักพาล เป็นจำเลยที่เขาได้ฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ เมื่อปี 2554 ที่เขาถูกร้องเรียนเรื่องเปิดคาราโอเกะที่นครพนม และโดนตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย และทาง พล.ต.อง.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เป็น ผบ.ตร. ในตอนนั้นได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง หลังจากนั้นในวันที่ 12 ก.ค. 2554 เขาก็ฟ้อง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กับคณะกรรมการ และก็ฟ้องผมเข้าไปด้วย ซึ่งผมก็ไม่ได้เกี่ยงข้องอะไรในคดี และก็ยังมีการทำหลักฐานที่ไม่จริงเข้าไปฟ้อง และมีการเบิกความเท็จด้วย
“ในช่วงเวลา 8 ปี ที่ผ่านมา ผมเองก็ได้สู่คดีและพิสูจน์ความบริสุทธิ์อย่างอยากลำบาก และยังถูกกลั่นแกล้งย้ายไปอยู่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้ผมและครอบครัวได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส เสื่อมเสียชื่อเสียง และถูกมองว่าเป็นคนไม่ดี สุดท้ายความจริงก็คือความจริง สิ่งที่เข้าฟ้องไปเมื่อปี 2554 ศาลได้ยกในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ก็ยกฟ้อง จากนั้นผมก็ให้ทนายเข้ามาขอคัดคำฟ้องที่เขาฟ้องก็พบว่ามีเรื่องเท็จและเบิกความเท็จ ผมจึงนำเรื่องมาฟ้องต่อศาล ศาลท่านให้ความเป็นธรรมโดยรับเรื่องเป็นคดีให้ผม ซึ่งสิ่งที่ผมต้องการในตอนนี้ คือ ต้องการเห็นความยุติธรรม อยากให้ผู้กระทำผิด คือ พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ ได้รับโทษตามกฎหมาย เพื่อเป็นบรรทัดฐานทางสังคม ไม่ให้ใครเอามาเป็นเยี่ยงอย่าง ผมเองมีความเชื่อมั่นในขบวนการศาลสถิตยุติธรรม ซึ่งเป็นที่พึ่งสุดท้ายของผม ว่า จะให้ความเป็นธรรมแก่ผมและครอบครัว” พ.ต.อ.กฤษณะพงศ์ กล่าว
พ.ต.อ.กฤษณะพงศ์ ยังกล่าวต่อว่า ในเรื่องนี้ตนไม่มีความกังวลและไม่กลัวอิทธิพลใด ๆ อยากให้ดำเนินการไปตามขั้นตอนของขบวนการยุติธรรม และให้ศาลพิพากษาลงโทษเขา และนำเขามาเข้าสู่ขบวนการยุติธรรมให้เขาได้รับโทษตามกฎหมาย เพราะที่ผ่านมาผมโดนไปอยู่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ผมก็เจออะไรมาเยอะพอสมควร ผมจึงไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น ผมมีใจเข้มแข็งครับ ทั้งนี้ได้นัดตรวจพยานหลักฐานในเดือนมิถุนายน ปี2564 แต่ยังไม่ได้กำหนดวันและเวลา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น