ก.ท.จ ปทุมธานี ชี้ รองปลัดฯขัดคำสั่ง ก.ท.จ.จนถูกต้องสอบวินัยร้ายแรงและนิติกรนำรถหลวงไปใช้ส่วนตัว เป็นความขัดแย้งส่วนตัว สั่งให้รองปลัดและนิติกรกลับไปรับตำแห่งเดิม โดยไม่สอบวินัยร้ายแรง
จากกรณีทีมงานข่าวชัดประเด็นจริง ช่อง13สยามไทย ได้ลงพื้นที่ติดตามกรณีความขัดแย้งของสมาชิกสภาเทศบาลเมืองคลองหลวงกับนางสุดา ทองวิลัยรองปลัดเทศบาลเมืองคลองหลวง จากกรณีที่สมาชิกสภาเทศบาลเมืองคลองหลวงมีการเข้าร้องเรียนกับทาง ก.ท.จ.ปทุมธานี ขอให้ย้ายพนักงานเทศบาลออกนอกพื้นที่ เนื่องจากการปฏิบัติงานมีความขัดแย้งกับผู้นำชุมชนและสมาชิกสภาเทศบาลในพื้นที่ ซึ่งต่อมาเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2562 ได้มีหนังสือจากสำนักงานเลขานุการ ก.ท.จ.ปทุมธานี โดยผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี นายพินิจ บุญเลิศ สั่งให้ย้ายพนักงานเทศบาลไปปฏิบัติหน้าที่ภายในเขตจังหวัดเป็นการชั่วคราว ด้วยทางจังหวัดปทุมธานีได้รับหนังสือร้องเรียนกรณีเกิดปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่และผู้ร้องเรียนต้องการให้ย้าย นางสุดา ทองวิไล ตำแหน่งรองปลัดเทศบาลเมืองคลองหลวง และนางสาววราภรณ์ จารุครุฑ ตำแหน่งนิติกรชำนาญการพิเศษ สังกัดเทศบาลเมืองคลองหลวง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ออกจากพื้นที่เนื่องจากการปฏิบัติงานมีความขัดแย้งกันอย่างรุนแรงกับสมาชิกสภาเทศบาลเมืองคลองหลวง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี จากกรณีที่นางสุดาขัดคำสั่ง ก.ท.จ. ไม่ยอมรับการกลับเข้ามารับตำแหน่งของอดีตปลัดเทศบาลเมืองคลองหลวง และละเมิดอำนาจศาลปกครอง และยังถูกให้ตั้งสอบวินัยร้ายแรง ส่วนนิติกร ชำนาญการ ถูกตั้งให้สอบวินัยรายแรงกรณีนำรถราชการไปใช้ในการก็เหตุ ขนของย้ายบ้าน จนถูกตั้งสอบวินัยรายแรง ดังนั้นเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งและบรรเทาความเสียหายที่อาจทวีความรุนแรงมากขึ้นส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยในพื้นที่จึงอาศัยอำนาจข้อ 170 ของประกาศคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดปทุมธานีเรื่องหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับการคัดเลือกการบรรจุ และแต่งตั้ง การย้าย การโอน การรับโอนการเลื่อนระดับ และการเลื่อนขั้นเงินเดือนฉบับที่ 11 พ.ศ. 2562 ประกาศ ณ วันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 ประกอบกับข้อที่ 15 แห่งประกาศคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาลเรื่องมาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับการโอนพนักงานเทศบาลกรณีที่มีเหตุผลความจำเป็นพ. ศ. 2560 ณวันที่ 24 พฤศจิกายน 2562 จึงมีคำสั่งดังนี้
1.ให้นางสุดา ทองวิลัย ตำแหน่งรองปลัดเทศบาลเมืองคลองหลวง สังกัดเทศบาลเมืองคลองหลวง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ไปปฏิบัติหน้าที่ ณ สำนักงานเทศบาลเมืองท่าโขลง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 2562 ถึงวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2563 จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
2.ให้นางสาววราภรณ์ จารุครุฑ ตำแหน่งนิติกรชำนาญการพิเศษ สังกัดเทศบาลเมืองคลองหลวง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานีไปปฏิบัติหน้าที่ ณ สำนักงานเทศบาลเมืองสนั่นรักษ์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 2562 ถึงวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2563 จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
วันที่ 24 มกราคม 2563 เวลา 14.30 น.ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองคลองหลวงถูกย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมาล่าสุดมีมติจาก ก.ท.จ.ให้ย้ายเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวกลับมาปฏิบัติหน้าที่ดั้งเดิมในวันที่ 27 มกราคม 2563 ที่จะถึงนี้ ก่อนครบกำหนด ทั้งที่ยังไม่ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง บุคคลทั้ง 2 คนเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหา
โดยมีนาย พินิจ บุญเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ประธานกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดปทุมธานี ลงนามเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2563 ซึ่งทางคณะอนุกรรมการการโอนพนักงานเทศบาลกรณีที่มีเหตุความจำเป็นจังหวัดปทุมธานีได้ดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริง รวบรวมพยานเอกสาร หลักฐานและสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยคณะอนุกรรมการได้สรุปผลการตรวจสอบอันเป็นที่ยุติว่า เป็นกรณีความขัดแย้งเรื่องส่วนตัว ซึ่งคู่กรณีสามารถใช้สิทธิ์ทางขบวนการยุติธรรมได้ ไม่ใช่เรื่องการปฎิบัติงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ อันส่งผลเสียหายต่อการปฎิบัติงานของเทศบาล จึงเห็นสมควรให้พนักงานเทศบาลดังกล่าวกลับไปปฎิบัติหน้าที่ต้นสังกัดเดิม ซึ่งจะก็ให้เกิดประโยชย์ต่อเทศบาลมากยิ่งกว่า
ซึ่งจากการที่ คณะอนุกรรมการการโอนพนักงานเทศบาลกรณีที่มีเหตุความจำเป็นจังหวัดปทุมธานี ให้ความเห็นในลักษณะนี้ ทำให้เกิดข้อสงสัยหลายประการณ์ กับประชาชนทั่วไปและข้าราชการในเทศบาลเมืองคลองหลวง ว่าเหตุใดการที่ รองปลัดสุดา ขัดคำสัง ก.ท.จ. ทั้งยัง ละเมิดอำนาจศาลถึงไม่ถูกต้องสอบวินัยร้ายแรง หากจะกลับมาปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีเมืองคลองหลวง โดยที่ยังไม่ถูกตั้งสอบวินัยร้ายแรงให้เสร็จสิ้นก่อนสมควรหรือไม่?ที่จะมา ปฎิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรี
เมืองคลองหลวง ส่วนนิติกรชำนาญการ ก็ถูกตั้งสอบวินัยรายแรงด้วยใน ฐานนำรถหลวงไปก่อเหตุจนเกิดคดีอาญา ถึงแม้คดีดังกล่าวศาลจะยกฟ้องก็ตาม แต่การนำรถหลวงไปก่อเหตุถื่อว่ามีความผิดทางอาญาและวินัย ในการนำรถราชการไปใช้ส่วนตัว เหตุใดถึงไม่ได้รับโทษ ซึ่งเทียบเคียงจากคดีที่ ปปช.ชี้มีความผิด การนำรถหลวงไปใช้ คือผิด มาตรา 151 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาล หรือเจ้าของทรัพย์นั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาท ถึงสี่แสนบาท แต่เหตุใดทาง คณะอนุกรรมการการโอนพนักงานเทศบาลกรณีที่มีเหตุความจำเป็นจังหวัดปทุมธานี โดยมีนาย พินิจ บุญเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี เป็นประธานกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดปทุมธานี จึงลงความเห็นว่าเรื่องดังกล่าวเป็นความยัดแย้งส่วนตัว เป็นคำถามที่จะต้องมีการสอบถามไปยังผู้ว่าราชการ จังหวัดปทุมธานี และปลัดกระทรวงต่อไป ว่าใช้หลักการและข้อกฎหมายใดในการพิจารณาเรื่องดังกล่าว และคณะกรรมการพิจารณาดังกล่าว มีใครบ้าง และเหตุใดถึงไม่สั่งการให้มีการตั้งสอบวินัยรายแรงให้แล้วเสร็จก่อน เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งและความแคลงใจของเจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองคลองหลวงและประชาชน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น