นักธุรกิจชื่อดังร้องสื่อเตือนภัยแฉขวบการทนายความแก๊งต้มตุ๋นสูญเงินกว่า 80 ล้าน
วันที่ 27 ก.ย.62 เวลาประมาณ 14.00 น. นายชาญวิทย์ กิจเลิศสิริวัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ภูเขาหกลูก จำกัด ได้เดินทางเข้าร้องเรียนต่อสื่อมวลชนที่ศูนย์ปฏิบัติการสมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย ถนนศรีอยุธยา แขวงและเขตราชเทวี กทม. แฉขบวนกลุ่มมิจฉาชีพ หรือแก๊งต้มตุ๋น เพื่อเป็นอุทาหรณ์ เตือนภัย อย่าไปหลงเชื่อกลุ่มบุคคลเหล่านี้
นายชาญวิทย์ ได้เปิดเผยว่า กลุ่มมิจฉาชีพ หรือ แก๊ง ต้มตุ๋นเหล่านี้ มีอดีตนายตำรวจระดับ พล.ต.อ.และพ.ต.อ.เกี่ยวกับเรื่องการซื้อขายที่ดินใน เกาะนาคาน้อย อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต โดยเมื่อประมาณปี59 ที่ผ่านมา ผมได้เข้าไปดำเนินการซื้อที่ดินที่ เกาะนาคาน้อย เป็นใบ ภบท.5 เมื่อปี 2559 ต่อมาได้มีปลัด อบต.ท่านหนึ่ง แนะนำให้รู้จักกับ นาย ณรงค์ฤทธิ์ เนติเกียรติวงศ์ หรือ นายกร ซึ่งเป็นทนายความโดยบอกว่ามีทีมงานที่เป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมื่องสามรถออกโฉนดที่ดินบนเกาะนาคาน้อยได้ และได้พยายามสร้างเรื่องราวต่างๆให้สมจริงว่าสามารถออกโฉนดที่ดินได้จริงๆ
ต่อมานาย ณรงค์ฤทธิ์ ได้พาผมไปพบกับอดีต พล.ต.อ.ท่านหนึ่งและมี พ.ต.อ.อีกคนที่ยังรับราชการอยู่ในปัจจุบัน ทั้งหมดก็พาผมไปพบกับท่าน พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.โดยบอกว่าเป็นทีมงาน เพื่อจะทำเรื่องการ ออกโฉนดที่ดิน บนเกาะนาคาน้อย และยังมีการถ่ายภาพร่วมกันเพื่อให้เกิดความเชื่อถือ (ผมมารู้ที่หลังว่า พล.ต.อ.ศรีวราห์ ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย) ตลอดระยะเวลา 2-3 ปี ที่ผ่านมา นาย ณรงค์ฤทธิ์ เรียกเงินหลายครั้งรวม 80 ล้านบาท อ้างเป็นค่าวิ่งเต้นผู้ใหญ่ออกโฉนด และบอกว่า เจ้าพนักงานที่ดิน จะมาทำการ รังวัด เพื่อทำการออกโฉนดให้ ช่วยนำ ผู้สื่อข่าว ลงมาเป็น สักขีพยานด้วย ซึ่งผมก็ได้ดำเนินการตามที่ นายณรงค์ฤทธิ์ แนะนำ โดยมี ผู้สื่อข่าว จาก กรุงเทพฯ ประมาณ 3-4 ฉบับ ลงพื้นที่ไปด้วย แต่แล้ว ก็ไม่มีการ รังวัด แต่อย่างใด หลังจากนั้น นาย ณรงค์ฤทธิ์ ได้นำ หนังสือจาก สำนักงานที่ดิน อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ลง วันที่ 19 พฤศจิกายน 2561 มาแสดงว่า โดยมีเนื้อหาว่า เจ้าหน้าที่ ที่ดิน ขอเลื่อน การรังวัด ซึ่งตนเองก็น้อมรับโดยที่ไม่คิดอะไรเพราะไว้ใจ (มาทราบที่หลังเป็นเอกสารปลอม)
จนกระทั้งเมื่อประมาณเดือนธันวาคม2561 พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.ได้ดำเนินคดีกับผมในข้อหาบุกรุกพื้นที่ป่าเกาะนาคาน้อย ผมจึงได้ทราบความจริงว่าถูกนาย ณรงค์ฤทธิ์ กับพวกหลอกลวง ต้มตุ๋น ด้าน พล.ต.อ.ศรีวราห์ ก็ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการ ต้มตุ๋นผม ที่บอกว่าสามารถออกโฉนดที่ดินได้ทุกคน
นายชาญวิทย์ ยังได้กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นผมจึงได้ตัดสินใจเดินทางไปพบเจ้าหน้าที่ที่ดินระดับสูงของจังหวัดภูเก็ต ด้วยตนเอง ว่าจะมีการ รังวัด ให้เมื่อใด แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดมาก่อน เจ้าหน้าที่ ที่ดินระดับสูงของ จังหวัดภูเก็ต ได้กล่าวกับตนว่า ที่ดินบนเกาะนาคาน้อย ที่ผมเป็น ผู้ซื้อและให้ นายณรงค์ฤทธิ์ มาทำเรื่องขอออก โฉนดนั้น ไม่เคยได้รับเรื่องการร้องขอ ออกโฉนด แต่อย่างใด ซึ่งผมเองจึงได้ทราบทันทีว่า 2-3 ปีที่ผ่านมา ที่จ่ายเงินให้ นายณรงค์ฤทธิ์ ประมาณ 80 กว่า ล้านบาท ถูกหลอก ตลอดมา จึงเป็นเหตุให้ต้องมา ร้องสื่อมวลชนเพื่อเป็นอุทาหรณ์ เตือนภัย ถึงพฤติกรรม ของนายณรงค์ฤทธิ์ และเชื่อว่าน่าจะมีอดีตนายตำรวจร่วมขบวนการด้วย หลังจากที่ผมทราบว่าถูกนายณรงค์ฤทธิ์หลอก จึงได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนที่ สภ.รัตนาธิเบศร์เมื่อวันที่ 19 เม.ย.62 ที่ผ่านมา จนกระทั้งเมื่อวันที่ 13 ก.ย.62 ศาลแขวงนนทบุรี ได้ออกหมายจับนายณรงค์ฤทธิ์ในข้อหาฉ้อโกงแล้ว
ด้านนายกันตเมธส์ จโนภาส ทนายความประจำสมาคมฯเปิดเผยว่าเรื่องดังกว่าได้เรียนไปยังทนายพนิต บุญชะม้อยประธาน กรรมการมรรยาททนายความของสภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์แล้วถึงเรื่องจริยธรรม และจรรยาบรรณของทนายณรงค์ฤทธิ์ ท่านบอกว่ากรณีนี้เนื่องจากว่า ทนายความ ได้หลอกลวง เอาเงินของประชาชนไป โดยแจ้งว่าจะไปดำเนินการใดๆ แต่ เมื่อตรวจสอบแล้ว ไม่พบว่ามีการดำเนินการใดๆตามที่กล่าวอ้างทั้งสิ้น ผู้เสียหายสามารถมาร้องเรียนที่สภาทนายความได้ในส่วนแผนก มรรยาททนายความ ทางสภาทนายความ สามารถตั้ง คณะกรรมการ ขึ้นมาตรวจสอบวินิจฉัย รับเป็นคดีมรรยาททนายความได้ โดยกรณีนี้ สามารถลงโทษได้สูงสุดถึง ลบชื่อ ออกจากการเป็นทนายความ การดำเนินคดีของทนายความ ในส่วนของสภาทนายความไม่จำเป็นต้อง รอผลสรุป ในคดีอาญาแต่อย่างใด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น