วันพฤหัสบดีที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2562

มงคลกิตติ์หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์แถลงจุดยืนไม่ขอร่วมพรรคประชารัฐหรือเพื่อไทย ขอเป็นตัวของตัวเองเป็นทางเลือกให้กับประชาชน


วันพฤหัสบดีที่ 14 มีนาคม 2562
เวลา 9.00-11.00 น. ณ ห้อง บีบี 204 ชั้น 2 โรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ
นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์แถลงจุดยืนทางการเมืองของพรรคไทยศรีวิไลย์ ว่า
1. จะไม่จับมือกับพรรคหรือบุคคลกลุ่มใด ที่อ้างตนเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ที่ศาลฎีกามีคำสั่งจำคุกแล้วหลบหนีไปต่างประเทศ พวกเผากรุง และไม่ใช่เพียงแค่จะไม่จับมือ แต่จะตามล่าให้กลับมารับโทษจำคุกให้เป็นเยี่ยงอย่างให้จงได้ ทุกวิถีทาง



2.พรรคไทยศรีวิไลย์ จะไม่ร่วมงานกับพรรคหรือบุคคลกลุ่มใด ที่สืบทอดอำนาจด้วยวิธีไม่สุจริตและมีคดีทุจริต รอการชี้มูลจาก ป.ป.ช. เพราะถ้าหากร่วมงานไปแล้วนั้น คงไม่สามารถปิดหูปิดตาได้ นอกจากบุคคลเหล่านั้นที่มีคดีอยู่ไม่มาเกี่ยวข้องกับการทำงาน
3.พรรคไทยศรีวิไลย์ เป็นพรรคการเมืองที่อยู่ภายใต้การปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ตาม รัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2560 มาตรา 2 ทางพรรคพร้อมเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ถ้าประชาชนอีกกว่า 60% ที่ยังไม่ตัดสินใจจะเลือกพรรคไหน ลองเลือกพรรคเรา ไว้ใจเรา เชื่อมันเรา เรามั่นใจว่าเราทำสำเร็จ และทางพรรคพร้อมที่จะดึงพันธมิตรการเมืองที่สามารถทำตามนโยบาย 10 ข้อของพรรค เพื่อที่จะแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้ ทางพรรคไม่เคยทำให้ประเทศไทยเสียหาย มีแต่ปกป้องผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนมากว่า 10 ปี ซึ่งต่างจากพรรคการเมืองหลายพรรค ที่จัดตั้งมาก่อนหน้านี้ ที่มีการทุจริตคอร์รัปชั่น หนีคดีไปต่างประเทศ อยู่ระหว่างพิจารณาคดี ป.ป.ช. ซึ่งทำให้ประเทศเสียหาย สร้างหนี้ สาธารณะกว่า 6.7 ล้านล้านบาท สร้างหนี้ประชาชนกว่า 12.7 ล้านล้านบาท เราสัญญาว่าเราจะแก้ปัญหาเหล่านี้ให้หมดไป เพื่อความผาสุขของพี่น้องประชาชน แม้เราจะไม่ได้เป็นผู้สร้างภาระหนี้สินนี้ก็ตาม
คำถวายสัตย์ ต่อหน้า พระบรมสาทิสลักษณ์องค์พระบาทสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และ พระแสงดาบจำลองพระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช .ข้าพระพุทธเจ้า(ชื่อตน) ขอถวายสัตย์ต่อหน้า พระบรมสาทิสลักษณ์ องค์พระบาทสมเด็จพระนเรศรมหาราช และ พระแสงดาบจำลองพระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระมหากษัตริย์ผู้ทรงกอบกู้เอกราช ราชอาณาจักรไทยจากอริราชศัตรู เพื่อให้ลูกหลานชาวไทย มีแผ่นดินอาศัยอยู่จวบจนทุกวันนี้ ความว่า





 1.ข้าพเจ้า จะธำรงไว้ซึ่ง การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ตามรัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2560 มาตรา 2 และ จงรัก ภักดี พร้อมปกป้อง ต่อ สถาบันพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีทุกพระองค์ ด้วยทุกสิ่งที่ข้าพเจ้ามี 2.ข้าพเจ้า จะร่วมกันปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างเด็ดขาด พร้อมนำนักโทษคดีทุจริตกลับมาลงโทษให้จงได้ เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างสืบไป และ จะใช้หนี้ความเสียหาย ที่เกิดจาก นักการเมือง- ข้าราชการประจำ-นักธุรกิจ กว่า 200,000 ราย ที่ทุจริต ร่วมกันสร้างหนี้สาธารณะ ตั้งแต่ปี พุทธศักราช 2536-2562 กว่า 6.8 ล้านล้านบาท หนี้ประชาชนกว่า 12.7 ล้านล้านบาท ให้จงสำเร็จโดยเร็ว 3.ข้าพเจ้า จะร่วมกันสร้างความผาสุขให้แก่อาณาประชาราษฏร์ มีความปลอดภัย มีความปรองดอง มีความเจริญในทุกด้าน เพื่อให้ราชอาณาจักรไทยก้าวเข้าสู่แดนศิวิไลซ์โดยแท้จริง
นายมงคลกิตติ์ย้ำว่า พรรคไทยศรีวิไลย์ จะไม่ร่วมกับคนที่เคยโกงชาติเด็ดขาด ไม่ว่าจะเผด็จการนายทุน-เผด็จการอดีตนายทหาร(ย้ำ ไม่สนับสนุน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ต่อ ย้ำชัดๆ ) และ จะปราบปรามอย่างเด็ดขาด ผมสัญญาว่าจะตามยึดทรัพย์คนโกงให้จนยิ่งกว่าขอทาน คดีที่รอการชี้มูลความผิดของนักการเมืองโกงกว่า 300 ราย ขอให้ทาง ป.ป.ช.เร่งชี้มูลก่อนเลือกตั้ง เพื่อที่จะให้ประชาชนไม่ต้องสำคัญผิดจนเลือกคนเหล่านี้มาโกงต่อ พรรคฯขอโอกาสประชาชนไว้ใจเรา สักครั้ง เราจะเป็นทางหลักหรือไม่ ขึ้นอยู่กับพี่น้องประชาชน และไม่ว่าจะเป็นทางหลักหรือทางรอง พรรคเราจะทำประโยชน์แก่พี่น้องประชาชนอย่างถึงที่สุด นายมงคลกิตติ์กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ขอแจ้งให้ทราบโดยทั่วกัน กองทัพบก หรือ กองทัพไทย เจ้าของกองทัพมีแค่หนึ่งเดียวเท่านั้น คือ องค์พระมหากษัตริย์ไทยเท่านั้น เพราะท่านทรงดำรงตำแหน่ง จอมทัพไทย
ด้าน มาร์ค พิทบูล หรือ นายณัชพล สุพัฒนะ กล่าวถึงกะแสโจมตี มองว่าพรรคเฉพาะกิจไม่มีบทบาท พอพูดเรื่องความมั่นคงก็หาว่าอวยทหารอีก ขอยืนยันว่า ตนและนายนายมงคลกิตติ์ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ อย่าพูดว่าเกียดตนแต่ชอบนายมงคลกิตติ์ไม่ได้ เพราะเป็นทีมเดียวกันขอความกรุณาหยุดวาทกรรมดังนั้นการที่ตนเป็นไอหนุ่มผมยาวได้นั้น เพราะตนประสบความสำเร็จ ตนไม่ใช่ตัวประกอบ ทำทุกอย่างเต็มที่ไม่ล้อเล่น วันนี้ประชาชนไทยกำลังถูกมอมเมาด้วยคำว่าประชาธิปไตย ทำให้เกลียดทหาร กลัวเผด็จการ ตนขอบอกเลยว่าประชาธิปไตยไม่ใช่เครื่องหมายการค้า หรือพูดแล้วเป็นคนดี
ขณะที่หลายฝ่ายมาถามตนว่าอยู่ฝั่งไหน ตนบอกเสมอว่าอยู่ข้างประชาชน แล้วก็หาว่าตนแทงกักอีก ขอบอกวันนี้เลยว่าเผด็จการที่น่ากลัวคือเผ็ดการนายทุน ที่แฝงอยู่ในคาบประชาธิปไตย ซึ่งอยู่ปกครองในประเทศนี้มาไม่ต่ำกว่า 50 ปี วันนี้ตนขอยืนยันว่าจะมาต่อสู่กับเผ็ดการนายทุน เลิกเถอะพวกแหกปากเรียกตัวเองว่าอยู่ฝั่งประชาธิปไตย พร้อมย้อนถามว่าพวกนี้เปลี่ยนมาแล้วกี่ชื่อ แต่หัวหน้าพรรคที่เป็นเจ้าของพรรคก็เป็นคนเดิม ตนไม่เอาคนโกง เลือกอ้างประชาธิปไตย เข้าข้างตัวเอง ถ้าพวกคุณทำดีตนจะมานั่งตรงนี้ไหม ประเทศนี้ทุกคนรู้ ถ้ามีมีอำนาจ มีเส้น ก็มีสุข วันนี้ผมกล้าออกมาสู้ ถามว่ากลัวตายไหม ทุกคนกลัว แต่ตนเลยจุดความกลัวตามมาแล้ว ถ้าตนไม่ทำใครจะทำ ตนพร้อมนำทีมสู้กับเผด็จการนายทุนที่ใช้พรรคการเมืองบังหน้า และนโยบายที่เพ้อฝันให้เลิกได้แล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น