“แถลงข่าวจับกุมบุคคลต่างด้าว สวมบัตรประชาชนไทย”
ตามนโยบายของรัฐบาล มอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดและส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน ซึ่งเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อให้การปราบปรามอาชญากรรมดังกล่าวเกิดความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงได้จัดตั้งศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) อำนวยการโดย พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. , พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3 ,พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ ผบก.จร., พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผบก.สส.สตม.
ด้วยทางศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการร้องเรียนให้ทำการตรวจสอบในกรณีที่มีบุคคลต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทย โดยทำการสวมบัตรประจำตัวประชานไทย ซึ่งต่อมาหลังจากที่ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมฯได้ทราบเรื่องในกรณีดังกล่าวแล้วนั้น พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. เห็นว่าการกระทำในลักษณะดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อประชาชนคนไทย อีกทั้งเพื่อเป็นการตรวจสอบและปราบปรามบุคคลต่างด้าวที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ในประเทศไทย จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ชุดปฏิบัติการที่ 14 นำโดย พ.ต.อ.กัมพล รัตนประทีป ผกก.สน.ห้วยขวาง เข้าทำการตรวจสอบในกรณีดังกล่าว
ต่อมาจากการตรวจสอบพบ นายสุรชัย แซ่ย่าง อายุ 48 ปี ประกอบกิจการธุรกิจนำเที่ยว บริษัท ไทยนิวเจนเนอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด โดยจากการสืบสวนสอบสวนพบว่า นายสุรัย แซ่ย่าง อายุ 48 ปี ดังกล่าวนั้นมีการสวมบัตรประจำตัวประชาชนปลอมเป็นบุคคลอื่นเพื่อให้ตนเองนั้นมีสัญชาติไทย ซึ่งการกระทำดังกล่าวนั้นเป็นการกระทำผิดกฎหมาย จึงได้ทำการขออนุมัติหมายจับศาลอาญา นายสุรชัย แซ่ย่าง อายุ 48 ปี ในข้อหา “แจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชน หรือเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชน หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการกระทำผิดดังกล่าว” ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ต่อมาเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศฯ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ห้วยขวาง ทำการจับกุมนายสุรชัย แซ่ย่าง อายุ 48 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาดังกล่าวส่งพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง พร้อมทั้งได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมในข้อหา “ยื่นคำขอมีบัตรโดยมิได้มีสัญชาติไทย ด้วยการแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่” ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงห้าปีหรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พ.ต.ต.หญิงพัชรี ศรีเผือก สว.ฝอ.5 บก.อก.สตม.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น