วันศุกร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2561

“ จับกุมคนร้ายปลอมเฟสบุ๊คแอปพลิเคชั่นไลน์หลอกให้โอนเงิน ”
ตามนโยบายของรัฐบาล มอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดและส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน ซึ่งเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อให้การปราบปรามอาชญากรรมดังกล่าวเกิดความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ  สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงได้จัดตั้งศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) อำนวยการโดย  พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท. ผบช.สตม., พ.ต.อ.อาชยน  ไกรทอง รรท. ผบก.ตม.3 ,พ.ต.อ.นิธิธร  จินตกานนท์ รรท. ผบก.จร.,พ.ต.อ.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รรท. ผบก.สส.สตม. ,         พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.ภ.๒, พ.ต.อ.จุมพล อินทลักษณะ ผกก.สส.ภ.จว.ขอนแก่น ,พ.ต.อ.นริศ ปรารถนาพร ผกก.สส.ภ.จว.นครราชสีมา , พ.ต.อ.กัมพล รัตนประทีป ผกก.สน.ห้วยขวาง ,พ.ต.ท.ชนันท์ เปรมปลื้มจิตต์ รอง ผกก.สส.สน.             วัดพระยาไกร , พ.ต.ท.เฉลิมพล จุมปูอา สวป.สน.บางกอกน้อย และ เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำศูนย์ ศปอส.ตร.
ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนติดตามกลุ่มคนร้ายที่ได้ทำการปลอมเฟสบุ๊คและแอปพลิเคชั่นไลน์ โดยแอบอ้างเป็นบุคคลอื่นเพื่อทำการหลอกลวงผู้เสียหายให้โอนเงิน จากการสืบสวนทราบว่าแผนประทุษกรรมของคนร้ายรายนี้จะทำการสร้างโปรไฟล์เฟสบุ๊คและไลน์เป็นบุคคลอื่น และติดต่อไปยังญาติ เพื่อน คนใกล้ชิดของบุคคลที่ถูกแอบอ้าง เพื่อทำการหลอกลวงโดยอ้างเหตุขอความช่วยเหลือ อาทิ เกิดอุบัติเหตุ มีอาการบาดเจ็บ หรือเหตุอย่างอื่นที่ต้องการใช้เงินอย่างเร่งด่วน จนผู้เสียหายหลงเชื่อคำหลอกลวงดังกล่าว จึงโอนเงินให้คนร้ายด้วยวิธีการโอนเงินไปยังบัญชีธนาคารที่คนร้ายเป็นผู้กำหนด  เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนกลุ่มคนร้ายดังกล่าว จนสามารถทำการออกหมายจับและจับกุมผู้ต้องหาได้ จำนวน 1 ราย คือ
1. น.ส.แพรรัฐฐา ไกรพรธนาวัฒน์ อายุ 29 ปี จับกุมตามหมายจับของศาลจังหวัดมีนบุรี ที่ จ.921/๒๕๖๑ ลง 2 ต.ค.๒๕๖๑ ของ สน.สายไหม
จากการซักถามถ้อยคำของผู้ต้องหารับสารภาพว่า ตนได้เข้าไปสมัครหางานในเพจจัดหางานทางเฟสบุ๊ค และได้มีคนร้ายอีกคนไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด ให้มาเป็นผู้ทำการจัดหาบัญชีมารับเงินของผู้เสียหาย และกดถอนเงินของผู้เสียหาย โดยคนร้ายอีกคนทำหน้าที่สร้างโปรไฟล์เฟสบุ๊ค,ไลน์ เป็นบุคคลอื่นเพื่อหลอกลวงผู้เสียหายที่เป็นผู้ใกล้ชิดกับบุคคลที่ถูกแอบอ้างให้หลงเชื่อว่าเกิดเหตุเดือดร้อน ที่จำเป็นต้องใช้เงินเป็นการเร่งด่วน เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินเข้าบัญชีของผู้ต้องหา  จากนั้นผู้ต้องหาจึงได้กดถอนเงินออกจากบัญชี และนำเงินไปซื้อทรูมันนี่ตามคำสั่งของคนร้ายผู้ซึ่งทำหน้าที่หลอกลวง โดยได้รับค่าตอบแทนในการทำงานครั้งละ 500 บาท ซึ่งผู้ต้องหารับว่าได้ทำการกดถอนเงินของผู้เสียหายมาแล้วประมาณ 30 ครั้ง และจากการขยายผลพบว่าตั้งแต่วันที่ 11 – 15 กันยายน 2561 มีผู้เสียหายจำนวน 11 รายที่ถูกหลอกให้โอนเงิน โดยมีผู้เสียหาย จำนวน 4 ราย ได้เข้าร้องทุกข์กับ พงส.สน.สายไหม,สน.ภาษีเจริญ,สน.ท่าเรือ และ สภ.เมืองนครปฐม แล้ว  ส่วนอีก 7 ราย ยังไม่ได้เข้าร้องทุกข์กับ พงส. รวมความเสียหายทั้งสิ้น( 5 วัน ) 128,500 บาท เจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปอส.ตร. จึงได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย และจะได้ทำการสืบสวนขยายผลเพื่อทำการจับกุมคนร้ายรายอื่นต่อไป
พ.ต.ต.หญิงพัชรี ศรีเผือก สว.ฝอ.5 บก.อก.สตม.









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น