วันอังคารที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2568

นางภัสรา นทีทอง ผู้อำนวยการเขตบางขุนเทียน และภาคีเครือข่าย ร่วมจัดเลี้ยงอำลาเกษียณราชการ พร้อมมอบถุงยังชีพให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย รวม 1,000 ชุด

 นางภัสรา นทีทอง ผู้อำนวยการเขตบางขุนเทียน และภาคีเครือข่าย ร่วมจัดเลี้ยงอำลาเกษียณราชการ พร้อมมอบถุงยังชีพให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย รวม 1,000 ชุด





เมื่อเวลา 10:00 น.วันที่ 30 กันยายน พ.ศ.2568 ณ สำนักงานเขตบางขุนเทียน เลขที่ 164 ถนนพระรามที่ 2 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร นางภัสรา นทีทอง ผู้อำนวยการเขตบางขุนเทียน พร้อมด้วยภาคีเครือข่าย โดยมี นายสารัช ม่วงศิริ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตบางขุนเทียน, คุณพิพัฒน์ กนกนิตย์อนันต์ ประธานกรรมการบริษัท ไทยพิพัฒน์อิมปอร์ต จำกัด พร้อมด้วย คุณวิจิตร กนกนิตย์อนันต์ (ภริยา), คุณนิพนธ์ อรรถวิโรจน์ นายกสโมสรกีฬาบางขุนเทียน, คุณอภิญญา ศุภวาณิชย์ลีลา กต.ตร.สน.เทียนทะเล ร่วมจัดเลี้ยงอาหาร โดยคัดสรรอาหารจากร้านที่มีชื่อเสียงและรสชาดอร่อย เช่น หมูสะเต๊ะ, หมูย่างหนังกรอบ 2 ตัวใหญ่, ข้าวขาหมู, ก๋วยเตี๋ยว + บะหมี่ หมู - ปลา, หอยทอด, ลูกชิ้นหมูปิ้ง, ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่, ข้าวมันไก่, ข้าวกระเพรา, ข้าวเหนียวหมูทอด ฯลฯ กว่า 30 ร้าน รวมทั้งน้ำเก๊กฮวย, น้ำแดง ฯลฯ มาเพื่อเลี้ยงเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายของสำนักงานเขตบางขุนเทียน พร้อมกันนี้ยังมีถุงยังชีพใบใหญ่ซึ่งภายในบรรจุ ข้าวสาร, น้ำตาล, น้ำปลา, ปลากระป๋อง 6 กระป๋อง, บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 8 ซอง, ผลิตภัณฑ์น้ำยาซักผ้า 1 ถุงใหญ่, ผงซักฟอก 1 ห่อใหญ่, ยาสีฟันหลอดใหญ่ 1 หลอด, สาหร่ายอบกรอบ 1 ซองใหญ่, น้ำจิ้มลูกชิ้น 1 ถุงใหญ่ และยังมีกล้วยหอม อีกด้วย รวมจำนวนประมาณ 1,000 ชุด












































     นางภัสรา นทีทองฯ เผยว่า ในวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการทำงาน และจะต้องเกษียณราชการ ตนมีความรู้สึกผูกพันธ์กับเจ้าหน้าที่ของสำนักงานเขตฯ ดุจดั่งคนในครอบครัว เป็นเสมือนเพื่อนพี่น้อง ซึ่งตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ทุกคนได้มุ่งมั่น ร่วมกันตั้งใจทำงานและ ทำให้พื้นที่เขตบางขุนเทียนเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และดูแลสาธารณูปโภค ในทุกมิติเพื่อความผาสุขของประชาชน โดยไม่มีเวลาที่จะทำบางสิ่งที่ตั้งใจ และในวันนี้ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการทำงาน และเป็นวันสุดท้ายของการรับราชการ จึงถือโอกาสทำสิ่งที่ตั้งใจคือได้เลี้ยงอาหารอย่างดี รวมถึงมอบถุงยังชีพใบใหญ่ ให้กับทางเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายและทุกคน ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณภาคีเครือข่ายที่ทุกๆท่าน ได้ร่วมนำอาหารและสิ่งของมาร่วมสนับสนุน เพื่อสร้างความสุขให้กับทางเจ้าหน้าที่เขตฯ ในวันนี้


ขอขอบคุณ

คุณพิพัฒน์ กนกนิตย์อนันต์

ประธานกรรมการบริษัท ไทยพิพัฒน์อิมปอร์ต จำกัด/ ที่ปรึกษานิตยสารตำรวจเพื่อมวลชน

สนับสนุนข้อมูลข่าวสาร

“บางกอบัว” จุดประกายเชื่อมชุมชน–คนเมือง เดินหน้าพัฒนายั่งยืนด้วยฐานธรรมชาติ

  “บางกอบัว” จุดประกายเชื่อมชุมชน–คนเมือง เดินหน้าพัฒนายั่งยืนด้วยฐานธรรมชาติ



เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2568 เครือข่าย 19 มหาวิทยาลัยด้านภัยพิบัติ ร่วมกับชุมชนป่าเกดน้อมเกล้า บางกอบัว อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ จัดกิจกรรม “BKK Caw บ่ายบันดาลใจ: อยู่ร่วมธรรมชาติ ใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า” เปิดเวทีเรียนรู้และแลกเปลี่ยนระหว่างชุมชนบางกอบัวกับคลองสะพานเสา เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร เพื่อสานต่อการพัฒนาพื้นที่สีเขียวและสร้างเมืองที่ยั่งยืน



ดร.พิจิตต รัตตกุล ประธานเครือข่ายฯ และ ดร.บัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ จาก GSEI เน้นสองเป้าหมายหลัก คือ การใช้ธรรมชาติเป็นฐาน (Nature-based) เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและสุขภาวะของคนเมือง และการเปิดวงสนทนาเพื่อหาข้อเสนอที่นำไปใช้ได้จริงในท้องถิ่น


บรรยากาศงานเต็มไปด้วยกิจกรรมสร้างแรงบันดาลใจ ทั้งการฉายวิดีโอแนวคิด BKK Caw การสาธิตภูมิปัญญาท้องถิ่น เช่น ผ้ามัดย้อมและลูกประคบสมุนไพร ดนตรีอะคูสติกจากเยาวชน และกิจกรรม “จิบชาใต้ต้นไม้” ที่ผสมผสานการผ่อนคลายกับการเรียนรู้สมุนไพรพื้นบ้าน



การสนทนากลางวงสะท้อนภาพจริงของแต่ละชุมชน — ทุ่งครุเผชิญปัญหาพื้นที่สีเขียวหดหาย เกษตรกรถูกกระทบจากการใช้ทรัพยากรไม่ระมัดระวัง ขณะที่บางกระเจ้าซึ่งได้ชื่อว่า “ปอดของกรุงเทพฯ” กำลังรับภาระจากขยะ น้ำเสีย และมลพิษที่เมืองส่งกลับมา ทั้งยังฝากคำถามว่า “คนกรุงเทพฯ จะร่วมรับผิดชอบบางกระเจ้าอย่างไร”


ผู้เข้าร่วมเห็นพ้องว่า การพัฒนาเมืองไม่อาจพึ่งพาเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมอย่างเดียว แต่ต้องเริ่มจากการเปลี่ยนจิตสำนึกและพฤติกรรมของผู้คน พร้อมเสนอแนวคิดวางแผนสิ่งแวดล้อมแบบ “3 น้ำ” (น้ำจืด น้ำกร่อย น้ำเค็ม) และการเชื่อมต่อสวนลุมพินี–สวนเบญจกิตติ–บางกระเจ้า สู่เครือข่ายพื้นที่สีเขียวสองจังหวัดที่แท้จริง


กิจกรรมครั้งนี้จึงไม่เพียงเป็นเวทีแลกเปลี่ยน แต่ยังตอกย้ำว่าพลังเล็ก ๆ จากชุมชน หากเชื่อมต่ออย่างถูกทิศ จะกลายเป็นแรงขับเคลื่อนใหญ่ เปลี่ยนเมืองให้เดินหน้าอย่างสมดุลและยั่งยืนได้จริง 

/

เมื่อวันที่ 30 ก.ย.2568 นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ เปิดเผยว่าทางมูลนิธิเมาไม่ขับได้ยื่นเรื่อง​ขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนลงโทษวินัยขั้นสูงสุดทหารที่กระทำความผิดฐานเมาแล้วขับ โดยได้ทำหนังสือถึงแม่ทัพภาคที่ 2

 เมื่อวันที่ 30 ก.ย.2568 นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ เปิดเผยว่าทางมูลนิธิเมาไม่ขับได้ยื่นเรื่อง​ขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนลงโทษวินัยขั้นสูงสุดทหารที่กระทำความผิดฐานเมาแล้วขับ โดยได้ทำหนังสือถึงแม่ทัพภาคที่ 2



​     ตามที่ปรากฏข่าวเผยแพร่ต่อสาธารชน กรณีทหารบกสังกัดกองการสัตว์ทหารบก กองทัพภาคที่ 2 ซึ่งปรากฏชื่อในข่าวที่เผยแพร่ชื่อพันโทคงกฤติ พลเดชวิลัย อายุ 51 ปี สังกัดกองการสัตว์ทหารบก กองทัพภาคที่ 2 โดยพันโทคงกฤติ พลเดชวิลัย ได้ปฏิเสธการตรวจวัดแอลกอฮอล์ที่ถูกต้อง ซึ่งเป็นความผิดตามพรบ.จราจรทางบก เท่ากับการเมาแล้วขับ โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปีปรับ 5,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เหตุเกิดที่สถานีตำรวจภูธรปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งในที่เกิดเหตุพบคู่กรณีที่ได้รับบาดเจ็บและรถจักรยานยนต์เสียหายจากการขับรถชนของพันโทคงกฤติ พลเดชวิลัย

 


​     มูลนิธิเมาไม่ขับในฐานะองค์กรที่ทำงานขับเคลื่อนการรณรงค์และการบังคับใช้กฎหมายเมาไม่ขับ มาตั้งแต่

ปีพ.ศ.2539 โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามูลนิธิเมาไม่ขับเรียกร้องให้ข้าราชการทุกคนในฐานะข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต้องปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีกับประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนจากพฤติกรรมเมาแล้วขับ เป็นนโยบายของรัฐบาลและของกองทัพบก นอกจากนั้นแล้วการที่ข้าราชการเมาแล้วขับ ไม่ว่าจะเป็นในเวลาราชการหรือนอกเวลาราชการ จะถือเป็นการกระทำความผิดเฉพาะตัวไม่ได้ เพราะการที่ข้าราชการฝ่าฝืนนโยบายของรัฐบาลและต้นสังกัดเป็นพฤติกรรมที่สร้างความเสื่อมเสียให้กับภาพพจน์ของข้าราชการโดยรวม และหน่วยงานต้นสังกัดกองทัพบก

 

​      มูลนิธิเมาไม่ขับจึงมีหนังสือมาเพื่อขอให้ท่านตั้งคณะกรรมการสอบสวนพันโทคงกฤติ พลเดชวิลัย และขอให้มีการลงโทษทางวินัยขั้นสูงสุดเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างกับทหารคนใดในกองทัพบกต่อไป

 

      ​มูลนิธิเมาไม่ขับขอยืนยันว่ามูลนิธิเมาไม่ขับไม่มีเหตุโกรธเคืองอันใดกับพันโทคงกฤติ พลเดชวิลัย แต่ในหน้าที่ที่เป็นองค์กรที่ทำงานสนับสนุนการรณรงค์และการบังคับใช้กฎหมายเมาไม่ขับมาอย่างยาวนานในประเทศไทย ถือเป็นหน้าที่โดยตรงในการปกป้องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจากพฤติกรรมของผู้ที่เมาแล้วขับ

 


 

"หลินเหว่ย​" เจ้าของภัตตาคาร​ "เฉาเซียง" ​รัชดา​ ให้การต้อนรับ"นายก​อนันต์" และ "นพ.ชัยวัฒน์" ที่ปรึกษา​ สภท.​ ในโอกาสที่มา​ปรึกษางานและร่วม​รับประทานอาหาร​มื้อเที่ยง

 "หลินเหว่ย​" เจ้าของภัตตาคาร​ "เฉาเซียง" ​รัชดา​ ให้การต้อนรับ"นายก​อนันต์" และ "นพ.ชัยวัฒน์" ที่ปรึกษา​ สภท.​ ในโอกาสที่มา​ปรึกษางานและร่วม​รับประทานอาหาร​มื้อเที่ยง



วันที่ 30 กันยายน 2568 เวลา 11.30 น. ที่ภัตตาคารเฉาเซียง

ถนนรัชดาภิเษก​ เขตห้วยขวาง​ กรุงเทพฯ

   

นายเฉา​เหว่ย​ ​เจ้าของภัตตาคารเฉาเซียง​ และประธานสมาคมอุตสาหกรรมไทย-จีน​ ให้การต้อนรับ​ นายอนันต์​ นิลมานนท์​ นายกสมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย​ (สภท.60ปี)​ และ​ นพ.ชัยวัฒน์​ เตชะไพฑูรย์​ ที่ปรึกษา​ สภท.​ ในโอกาสที่มาปรึกษาเรื่องงาน​ และร่วมรับประทานอาหาร​ที่ภัตตาคาร​ "เฉาเซียง" พร้อมเสิร์ฟอาหารเลิศรส​ อาทิ : พระกระโดดกำแพง, เป็ดปักกิ่ง, กุ้งแม่น้ำเผา ​ ฯลฯ​ ​และมอบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์​ ​ให้กับทั้ง 2 ท่านในโอกาสนี้ด้วย./



_____


#​สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย​ 

#วันขอบคุณสังคม #13ธันวาคม