วันอังคารที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

“เรามีเวลาเท่ากัน” บริหารเวลาและชีวิตด้วยแนวคิดแบบ “ซีเค เจิง”

 “เรามีเวลาเท่ากัน” 

บริหารเวลาและชีวิตด้วยแนวคิดแบบ “ซีเค เจิง”



              เป็นอีกหนึ่งขวัญใจมหาชนโดยเฉพาะในหมู่คนรุ่นใหม่สำหรับ ‘ซีเค เจิง” ซีอีโอ Fastwork แพลตฟอร์มศูนย์รวมคนหางานและจ้างงานฟรีแลนซ์ในประเทศไทย ซึ่งไม่เพียงจะเป็นแพลตฟอร์มที่เจ้าตัวตั้งใจให้เข้ามารองรับพฤติกรรมการทำงานที่ตอบโจทย์ยิ่งขึ้นในปัจจุบัน แต่ยังเชื่อว่านี่จะเป็นอนาคตในการกระจายความเจริญและโอกาสออกจากศูนย์กลางเพื่อให้ทุกคนได้มีชีวิตที่ดีขึ้น




              บางคนอาจจะคุ้นเคยกับซีเค ในฐานะอินฟลูเอนเซอร์ที่สร้างคอนเทนต์เกี่ยวกับธุรกิจ และแนวทางการใช้ชีวิต เสนอในรูปแบบโดนใจ สั้น กระชับ จับคนฟังได้ใน 3 วินาทีแรก และจบอย่างเข้าใจง่ายได้ภายในเวลาไม่ถึง 2 นาที ทั้งนี้ เพราะสิ่งที่มีค่าที่สุดของทุกคนคือ “เวลา” ซึ่ง “เรามีเวลาเท่ากัน” แต่คนที่เข้าใจความลับของการใช้เวลาเท่านั้นถึงจะสร้างความแตกต่างได้ 



              เมื่อไม่นานมานี้ บนเวที “เรายกวัดมาไว้ที่เซเว่นฯ” ซึ่งจัดโดยพุทธปัญญาชมรม บมจ.ซีพี ออลล์ ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ ตามนโยบายส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม และปณิธานองค์กร “Giving and Sharing” ได้เชิญผู้ก่อตั้ง Fastwork มาร่วมแบ่งปันมุมมองความคิด สลายกำแพงระหว่างคนรุ่นเก่ากับคนรุ่นปัจจุบันที่มีความแตกต่างจากช่วงเวลาการใช้ชีวิตได้เข้าใจตัวเอง และเข้าใจกันและกันมากขึ้น 


              “เราต้องตั้งคำถามให้เยอะ มีคำตอบให้น้อยลง เพราะเราไม่สามารถเอาคำตอบของโลกเก่ามาเป็นคำตอบของโลกใหม่ได้ เราจึงต้องตั้งคำถามให้มาก เพราะเงื่อนไขคือเวลาในตอนนั้นกับตอนนี้ปัจจัยหลายๆ อย่างไม่ได้เหมือนกันแล้ว”



              จากชีวิตที่ต้องดูแลตัวเองตั้งแต่เด็ก ช่วงเวลาที่เติบโตในสหรัฐฯ เป็นช่วงเวลาที่หล่อหลอมให้ซีเคมีมุมมองความคิดอย่างที่เห็นในทุกวันนี้ เพราะความที่ทุกเส้นทางไม่ง่าย ไม่โรยด้วยกลีบกุหลาบ เขาจึงให้คุณค่ากับโอกาสมากๆ และเลือกจะใช้เวลากับสิ่งที่คิดแล้วว่าจะพาตัวเองไปถึงจุดหมายที่ตั้งใจ


              “ผมไปอเมริกาเพราะพ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่เด็กมาก เริ่มแรกไม่ได้สวยหรู ไปอยู่ไอดาโอเป็นเมืองเกษตรกรปิดไฟตั้งแต่ 1 ทุ่ม ต่อมาก็มีน้องสาวตามมา ข้อดีคือทำให้เราต้องดูแลตัวเองมากๆ ไม่มีเวลามารู้สึกสงสารตัวเอง มันไม่มีประโยชน์ เข้าใจแต่เด็กว่าอยากได้อะไรต้องหาเอง จึงต้องวางแผนชีวิตให้ดี แค่ 1 เดือนจึงได้ย้ายไปแมรีแลนด์ ตอนนั้นไม่มีบ้านให้กลับ ต้องหางานที่นี่ให้ได้ จึงเรียนบัญชี เพราะหางานได้แน่ถ้าได้เป็นผู้ตรวจสอบบัญชีที่ได้รับใบอนุญาต คิดล่วงหน้ามาตลอด รอเดี๋ยวค่อยคิดไม่ได้”


            หนึ่งประสบการณ์จากสหรัฐฯ ที่ซีเคอยากจะเปลี่ยนในประเทศไทยก็คือ ที่นั่นสอนว่าความสำเร็จวัดกันที่ความสามารถจริงๆ มันคือความสำเร็จที่ได้จากการเอาชนะความชื่นชมที่คนอื่นมีให้เรา ไม่ใช่ความสำเร็จที่เรายืมมาจากต้นทุนของครอบครัว


              “คนไทยตัดสินที่วัตถุมากๆ สังคมอเมริกาสอนว่าทุกอย่างวัดที่ความสามารถจริงๆ โชคดีที่ผมโตมาแบบไม่ต้องมารู้ว่าบ้านรวยหรือไม่ นามสกุลอะไร ถ้าอยากได้ respect ต้อง earned แต่ความสำเร็จของคนไทยยังเป็น borrow คือพ่อเรามีอันนี้ๆ เรายืมมาเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือต่อคนอื่น”


              เพราะเขาเชื่อว่าความสำเร็จวัดที่ความสามารถ เขาจึงเชื่อว่าทุกคนก็ทำได้ โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ที่ต้องให้ค่ากับคำว่า "โอกาส" มากกว่า "ความเสี่ยง" แม้จะฟังดูง่ายแต่ในทางปฏิบัติก็ไม่ง่ายนัก เพราะความกลัว หรือเสียงค้านเพียงนิดเดียวก็ทำให้เราไม่กล้าขยับทำอะไรแล้ว แต่ซีเคกลับมองว่าไม่ทำต่างหากที่น่ากลัว


              บางคนพูดว่าเราไม่โชคดีเหมือนคนอื่น สังคมไทยมักมองว่าคนนี้เติบโตไวเพราะเป็นอัจฉริยะ หรือมาถูกทาง แต่ซีเคมองว่า โชคเป็นเรื่องสำหรับคนที่พร้อมเท่านั้น ตราบใดที่เรายังมุ่งมั่นทำมันทุกวัน


              “ความสำเร็จก็เหมือนต้นไม้ กว่าจะสูงต้องใช้เวลาหลายปี อาจจะถึง 30 ปี ช่วง 20 ปีแรกเป็นช่วงสร้างรากฐานให้แข็งแรง แต่พอมาถึงช่วงเติบโตเราจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงรายสัปดาห์เลยก็ได้ วันนี้เราอาจจะโชคดี แต่ต้องมาจากรากฐานที่แข็งแรงมากๆ”


              แน่นอนไม่มีใครไม่เจออุปสรรค ซีเคเองก็เช่นกัน แต่มุมมองที่มีต่อปัญหาที่แตกต่างกันจะสร้างผลลัพธ์ หรือออกจากปัญหาได้ในเวลาที่ต่างกัน


              “ให้โฟกัสกับสิ่งที่ควบคุมได้ มัวแต่ร้องไห้กับฝนตก ร้องไห้กับโควิด โอดครวญกับเศรษฐกิจแย่ไม่ช่วยอะไร คำถามคือ เราทำอะไรได้บ้าง ให้ดีขึ้น เป้าไม่ใช่ทำสำเร็จ แต่เป้ารอบสองคือต้องดีกว่ารอบแรก ความผิดพลาดไม่ใช่เรื่องแย่ แต่ถ้าพลาดรอบสองนี่คือผิดแล้ว โฟกัสกับโซลูชั่นจะทำให้เราเครียดน้อยลง ทำให้เรารู้สึกว่าเราควบคุมชีวิตตัวเราเองได้มากขึ้น”


              สำหรับผู้สนใจสามารถร่วมรับฟังธรรมะและข้อคิดดีๆ จากเวที “เรายกวัดมาไว้ที่เซเว่นฯ” ได้ทุกวันศุกร์ เวลา 12.00 – 13.30 น. ทาง Facebook Live: https://www.facebook.com/cpall7/   

YouTube: https://www.youtube.com/@ADM7100 และ 

TikTok: https://www.tiktok.com/@thrrma_tiktok?_t=ZS-8urH1XX6lO4&_r=1


#เซเว่นเป็นที่พึ่งชุมชน

#เรายกวัดมาไว้ที่เซเว่น

#สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย


"อนันต์ - ธีรยุทธ" เข้าพบ ที่ปรึกษาพิเศษ สตช. เรียนเชิญร่วมงาน ครบรอบ 60 ปี สภท.

 "อนันต์ - ธีรยุทธ" เข้าพบ ที่ปรึกษาพิเศษ สตช. เรียนเชิญร่วมงาน ครบรอบ 60 ปี สภท.



วันอังคารที่ 1 กรกฎาคม 2568 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ



นายอนันต์ นิลมานนท์ นายกสมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย (สภท.60ปี) พร้อมด้วยนายธีรยุทธ ผู้พัฒน์ ที่ปรึกษาสมาคม สภท. และคอลัมน์ "คาดเชือก" นำหนังสือ เรียนเชิญท่าน พลตำรวจเอก ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมงานการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2568 ครบรอบ 60 ปี สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย เข้ารับรางวัล "ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎรดีเด่น" ที่จะจัดขึ้น ณ

Cross Vibe Bangkok Srinakarin (โรงแรมคิงปาร์ค อเวนิว) ถนนศรีนครินทร์ ซอย 40 เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร และในโอกาสนี้ ท่านพลตำรวจเอกธนายุตม์ ได้มอบเสื้อแจ็คเก็ต ให้กับคณะที่เข้าพบ ที่ห้องทำงาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ./





#สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย 

#คอลัมน์คาดเชือก

โครงการเยาวชนไทยในสหรัฐฯ นำ 200 คน เยือนแผ่นดินแม่

 โครงการเยาวชนไทยในสหรัฐฯ นำ 200 คน เยือนแผ่นดินแม่



โครงการเยาวชนไทยในสหรัฐอเมริกา เยือนแผ่นดินแม่ ครั้งที่ 14 นำเยาวชนและผู้ปกครองจากสหรัฐอเมริกาจำนวน 200 คน กลับมาเยือนประเทศไทยแผ่นดินแม่ของบรรพบุรุษ ได้เรียนรู้วิถีชีวิต วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ สัมผัสความเป็นไทยด้วยตนเอง และส่งเสริมการท่องเที่ยว ปีนี้ ททท. จัดเที่ยวสัมผัสเสน่ห์ไทยทางภาคเหนือ



เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2568 เวลา 15.30 น. นายสมใจนึก เองตระกูล ประธานโครงการเยาวชนไทยในสหรัฐอเมริกา เยือนแผ่นดินแม่ ได้จัดแถลงข่าวโครงการฯ ครั้งที่ 14 นำเยาวชนและผู้ปกครอง จำนวน 200 คน มาเยือนประเทศไทยแผ่นดินแม่ ณ ห้องกิ่งเพชร โรงแรมเอเชีย ราชเทวี กทม. โดยนายสมใจนึก แถลงว่า “โครงการนี้เกิดขึ้นสืบเนื่องจาก พระธรรมราชานุวัตร หรือหลวงเตี่ย อดีตเจ้าอาวาสวัดไทยนครลอสแอนเจลิส สนับสนุนปลูกฝังให้เยาวชนไทยในสหรัฐอเมริกา ได้เรียนรู้ภาษา วัฒนธรรมและประเพณีไทย เพื่อให้เกิดสำนึกและความภาคภูมิใจในการมีสายเลือดไทย จนกระทั่งปี 2533 ได้จัด โครงการวัฒนธรรมไทยคืนถิ่น นำเยาวชนที่เรียนภาษาและนาฏศิลป์ไทย จากโรงเรียนวัดไทยในนครลอสแอนเจลิสมาแสดงให้คนไทยได้ชม และทัศนศึกษา รวมทั้งบำเพ็ญประโยชน์บนแผ่นดินแม่ จัดมาได้ 3 ครั้ง มีผู้ปกครองและเยาวชนที่ไม่ได้เรียนนาฏศิลป์ไทย เรียกร้องว่าควรจัดโครงการให้ผู้ที่ไม่ได้เรียนาฏศิลป์ไทย กลับมาเยือนแผ่นดินแม่บ้าง จึงได้เกิดโครงการเยาวชนไทยในสหรัฐอเมริกา เยือนแผ่นดินแม่ขึ้นเมื่อปี 2547 จนปัจจุบัน”



โครงการเยาวชนไทยในสหรัฐอเมริกา เยือนแผ่นดินแม่ จัดทุก 2 ปี แต่ว่างเว้นช่วงเกิดตามสถานการณ์ในประเทศ และสถานการณ์ภัยพิบัติ มาถึงปัจจุบันเป็นปีที่ 40 แล้ว  ระยะแรกๆ โครงการเยาวชนไทยในสหรัฐอเมริกา เยือนแผ่นดินแม่ นำเยาวชนจากรัฐแคลิฟอร์เนียมาร่วมโครงการ  และระยะหลัง เปิดโอกาสให้เยาวชนและผู้ปกครองจากรัฐต่างๆ เข้าร่วมด้วย




          สำหรับวัตถุประสงค์หลักของโครงการฯ ได้แก่ 1.เพื่อถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 2. เพื่อให้ผู้ปกครองและเยาวชนไทยจากสหรัฐอเมริกาได้ทัศนศึกษาสถานที่สำคัญต่างๆ และสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ  ตลอดจนความเจริญก้าวหน้าในประเทศไทย  และนำกลับไปเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา 3. เพื่อให้เยาวชนไทยในสหรัฐอเมริกาได้เรียนรู้และสัมผัสกับขนบธรรมเนียมประเพณีไทยอย่างแท้จริง และร่วมกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์บนแผ่นดินแม่ของบรรพบุรุษ 4. เพื่อปลุกจิตสำนึกความเป็นคนไทย ให้บังเกิดแก่เยาวชนไทยที่เกิด และเติบโตในสหรัฐอเมริกา 5. เพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล  ที่เชิญชวนชาวไทยในต่างประเทศ กลับมาท่องเที่ยวในประเทศไทย  นำเงินตราเข้าประเทศ ช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทย



          การจัดโครงการฯ ปีนี้ กระทรวงการต่างประเทศ โดย สถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ทั้งเงินสนับสนุน และการกำหนดกิจกรรม นอกจากนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ทางผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ให้การสนับสนุนเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา และปีนี้ทาง ททท. ได้จัดแนะนำสถานที่ท่องเที่่ยวด้วย รวมทั้งองค์กรที่สนับสนุนหลักปีนี้คือ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้เข้าช่วยดูแลอำนวยความสะดวกด้านต่างๆ และการจัดงาน “ไทยไนท์” เลี้ยงส่งโครงการ พร้อมกันนี้ยังมีผู้สนับสนุนด้านต่างๆ อีกหลายองค์กร



          ด้านนายต่อ ศรลัมพ์ กงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส แถลงว่า โครงการเยาวชนไทยในสหรัฐอเมริกา เยือนแผ่นดินแม่นี้ กระทรวงการต่างประเทศ เห็นถึงความมุ่งมั่นของ คณะกรรมการโครงการฯ และผู้ปกครอง ที่ส่งเสริมให้เยาวชนลูกหลานไทยรุ่นใหม่ ได้มีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับอัตลักษณ์ไทย ส่งเสริมให้เกิดความผูกพันกับประเทศไทย แผ่นดินเกิดของบรรพบุรุษ ผ่านการกลับมาเรียนรู้รากเหง้าของตนเอง จากประสบการณ์ทั้งด้านภาษา วิถีชีวิต วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ รวมถึงได้ทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ บนแผ่นดินแม่ กระทรวงการต่างประเทศ โดยสถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส จึงได้ให้การสนับสนุน โครงการนี้มาอย่างต่อเนื่อง และให้คำแนะนำการจัดกิจกรรมโครงการฯ ในแต่ละครั้ง สำหรับเยาวชนและผู้ปกครองที่มาร่วมโครงการ ใครมีสื่อโซเชี่ยลอยู่ในมือ ก็ขอให้ช่วยกันเผยแพร่ให้เพื่อนๆ ในต่างประเทศได้รับทราบถึงการมาร่วมโครงการและกิจกรรมต่างๆ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้รับรู้เกี่ยวกับประเทศไทยด้วย


          ส่วนนายสุรศักดิ์ วงศ์ข้าหลวง ประธานฝ่ายสหรัฐอเมริกา แถลงว่า การจัดโครงการปีนี้ สำเร็จขึ้นได้จากการสนับสนุนขององค์กรและบุคคล 3 ฝ่าย ได้แก่ 1. คณะกรรมการทั้งฝ่ายสหรัฐอเมริกาและฝ่ายไทย 2. ผู้ปกครองที่เสียสละการเดินทางของตัวเองและเยาวชน 3. ผู้สนับสนุนทั้งในสหรัฐฯ และประเทศไทย ซึ่งใช้ในการดำเนินโครงการ ในส่วนของเยาวชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สำหรับปีนี้มีเยาวชนจาก 9 รัฐในสหรัฐอเมริกา เข้าร่วมได้แก่ รัฐแคลิฟอร์เนีย รัฐฟลอริดา รัฐเท็กซัส รัฐจอร์เจีย รัฐเวอร์จีเนีย รัฐแคนซัส รัฐมิสซูรี่ รัฐวอชิงตัน และกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.


          กิจกรรมของโครงการปีนี้ ได้จัดกิจกรรมถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เยี่ยมคารวะนายกรัฐมมนตรี รมว.ต่างประเทศ  จัดต้อนรับที่กระทรวงการต่างประเทศ ผู้ว่าราชการกรุงเทพ มหานคร จัดต้อนรับ และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ที่กรุงเทพมหานคร เยี่ยมชมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และพระบรมมหาราชวัง นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ มอบเงิน สิ่งของ และเลี้ยงอาหารเด็กพิการ และเด็กพิการซ้ำซ้อน ที่สถานสงเคราะห์ ในกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัด เยี่ยมโครงการพระราชดำริ เรียนรู้วิถีไทย และร่วมกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยวันสุดท้าย จัดงาน “ไทยไนท์” เพื่อน้องใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อช่วยเหลือเยาวชนที่สูญเสียผู้ปกครองใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

          

นายสุรศักดิ์ ได้กล่าวขอบคุณผู้สนับสนุนโครงการ ครั้งที่ 14 ในปีนี้ ได้แก่ กระทรวงการต่างประเทศ, สถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส ,การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน), บริษัท แกรนด์สปอร์ต กรุ๊ป,  มูลนิธิ Angels Wings Foundation Internation ของคุณปุ๋ย-ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก, National Life Group, บริษัท บุญรอด บริวเวอรี่ จำกัด (น้ำดื่มสิงห์), โรงแรมเอเชีย ราชเทวี, Universal Engineering, EVA AIR, ธนาคารออมสิน, บริษัท วิริยะประกันภัยจำกัด (มหาชน), บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน), บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด, คุณกนกศักดิ์ ปิ่นแสง ที่ปรึกษาโครงการฯ , AIS, บริษัท bcpg, บริษัท สยามไพร ดอกบัว 9 ดอก จำกัด, บริษัท คิง เพาเวอร์ จำกัด, เฉาก๊วยชากังราว ตราเพชร, บริษัท อีมิแนนท์ แอร์ จำกัด, CP Ram, CPF บมจ.โอซีซีม, เครือ รพ.พญาไท, โรงแรมชากังราว ริเวอร์ วิว, โรงแรมสีหราช,  โรงแรม Park Inn, โรงแรมเชียงใหม่ ภูคำ, STAR TOUR, โรงเรียนพุทธศาสนาวัดไทยนครลอสแอนเจลิส, ศูนย์การเรียนรู้วัดป่าธรรมชาติ, โรงเรียนวันอาทิตย์วัดพุทธาวาส, THAI NEW YEAR (Songkran Festival.)

“ราชทัณฑ์” จัดอบรมอาสาสมัครราชทัณฑ์ รุ่นที่ 1

 “ราชทัณฑ์” จัดอบรมอาสาสมัครราชทัณฑ์ รุ่นที่ 1



วันนี้ (30 มิ.ย.68) เวลา 09.00 น. ที่ห้องสัมมนา ชั้น 3 กรมราชทัณฑ์ นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ มอบหมายให้ พ.ต.ท.เชน กาญจนาปัจจ์ เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมอาสาสมัครราชทัณฑ์ รุ่นที่ 1 โดยมี นายไพฑูรย์ มงคลหัตถี ผู้ตรวจราชการกรม ดร.วริศรา ศิริสุทธิเดชา ผู้อำนวยการกองพัฒนาพฤตินิสัย นายพงษ์อภินันทน์ จันกลิ่น เลขานุการกรม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เรือนจำ/ทัณฑสถาน เขต 10 และอาสาสมัครราชทัณฑ์ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และอาสาสมัครราชทัณฑ์ทั่วประเทศ ในรูปแบบออนไลน์



กรมราชทัณฑ์ มีภารกิจที่สำคัญในการแก้ไขและพัฒนาพฤตินิสัยผู้ก้าวพลาด โดยมีกระบวนการในการพัฒนาและปรับเปลี่ยนทัศนคติและพฤติกรรมให้กลับมาเป็นพลเมืองดีที่มีคุณภาพของสังคม เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการคืนคนดีสู่สังคม ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในเรื่องของการพัฒนาพฤตินิสัย รวมถึงการสร้างภูมิคุ้มกัน ในการใช้ชีวิตของผู้กระทำผิด โดยเน้นการเตรียมความพร้อมก่อนพ้นโทษ และกระบวนการส่งต่อผู้พ้นโทษที่มีการติดตามผลอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ ส่งเสริมการสร้างงาน สร้างอาชีพ ตลอดจนส่งเสริมการมีส่วนร่วนร่วมของประชาชนในการสนับสนุนภารกิจของกรมราชทัณฑ์ และสอดคล้องกับนโยบายการบริหารงานราชทัณฑ์ นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ภายใต้แนวคิด “รวมพลังขับเคลื่อน 8 มิติ ยกกำลังสอง สร้างคนดีคืนสังคม” มิติที่ 6 พัฒนาระบบเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยและช่วยเหลือพลังพ้นโทษ ส่งคืนคนคุณภาพสู่สังคม มิติที่ 7 ยกระดับการสร้างการยอมรับและสร้างความเชื่อมั่นของสังคมต่อผู้ต้องขังและผู้พ้นโทษ



ดังนั้น เพื่อเป็นการยกย่องบุคคลภายนอกที่เข้ามาสนับสนุนภารกิจของกรมราชทัณฑ์ที่เสียสละเวลา แรงกาย แรงใจ และทุนทรัพย์ส่วนตัว เพื่อช่วยเหลือหรือสนับสนุนงานหรือกิจกรรมของกรมราชทัณฑ์โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนทั้งทางตรงหรือทางอ้อม และเป็นผู้ที่มีความรู้และความเข้าใจต่อการพัฒนาพฤตินิสัย ซึ่งมีเป้าหมายสูงสุดร่วมกันคือ เพื่อช่วยเหลือผู้ต้องขังและผู้พ้นโทษ ให้เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพต่อสังคมและประเทศชาติ 



กรมราชทัณฑ์ เพียงหน่วยงานเดียว ไม่สามารถขับเคลื่อนภารกิจในการคืนสู่สังคมให้ประสบความสำเร็จได้ หากปราศจากความร่วมมือและการช่วยเหลือจากบุคคลและองค์กรต่าง ๆ ที่จะเข้ามาเป็นกรมราชทัณฑ์ จึงได้จัดตั้ง “อาสาสมัครราชทัณฑ์” ขึ้น และมีการนำภาคประชาสังคมทั้งบุคคลและหน่วยงานเข้ามามีส่วนร่วม โดยใช้กระบวนการอาสาสมัครราชทัณฑ์ ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในเรือนจำและทัณฑสถาน จำนวน 143 แห่งทั่วประเทศ โดยได้จัดประเภทของอาสาสมัครราชทัณฑ์แบ่งออกเป็น 6 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านวิชาการ 2) ด้านอาชีพ 3) ด้านศาสนาและจิตใจ 4) ด้านสื่อสารและประชาสัมพันธ์ 5) ด้านการเกษตร และ 6) ด้านสังคมสงเคราะห์และติดตามผู้พ้นโทษ ซึ่งอาสาสมัครราชทัณฑ์ คือ บุคคลทั่วไปผู้มีจิตอาสา หรือเป็นกลุ่ม องค์กร เครือข่ายที่สมัครใจ ซึ่งในปัจจุบันมีผู้สนใจสมัครเข้าร่วมเป็นอาสาสมัครราชทัณฑ์แล้วจำนวน ทั้งสิ้น 1,235 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 23 มิถุนายน 2568) นอกจากนี้ ยังได้มีแผนการขยายการดำเนินงานในด้านอื่น ๆ เพิ่มเติม เพื่อให้ครอบคลุมภารกิจของกรมราชทัณฑ์ให้มากยิ่งขึ้น รวมถึงเป็นการสนับสนุนและสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับผู้ต้องขัง ให้หลากหลายในทุกมิติต่อไป



การจัดอบรมอาสาสมัครราชทัณฑ์ ในครั้งนี้ เป็นการจัดอบรมอาสาสมัครราชทัณฑ์ รุ่นที่ 1 ซึ่งถือเป็นครั้งแรก ของกรมราชทัณฑ์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรับทราบนโยบายของกรมราชทัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานด้านอาสาสมัครราชทัณฑ์ และส่งเสริมความรู้ เพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานในการสนับสนุนภารกิจของกรมราชทัณฑ์ โดยมีการบรรยายในหัวข้อที่สำคัญ ได้แก่ “แนวทางและบทบาทของอาสาสมัครราชทัณฑ์ อำนาจหน้าที่ในการปฏิบัติงานตามภารกิจของกรมราชทัณฑ์ จริยธรรมและจรรยาบรรณของอาสาสมัคร การสร้างเครือข่ายและการมีส่วนร่วมในการพัฒนาพฤตินิสัยของผู้ต้องขัง” บรรยายโดย ดร.วริศรา ศิริสิทธิเดชา ผู้อำนวยการกองพัฒนาพฤตินิสัย



อีกทั้งหัวข้อ “หลักการให้คำปรึกษาเชิงจิตวิทยาเบื้องต้น” บรรยายโดย ศาสตราจารย์ อรัญญา ตุ้ยคัมภีร์ นายกสมาคมจิตวิทยาแห่งประเทศไทย และหัวข้อ “ประสบการณ์จากการปฏิบัติงานของอาสาสมัครราชทัณฑ์” บรรยายโดย ดร.เสาวพา เวศกาวี อดีตรองผู้อำนวยการวิทยาลัยสารพัดช่างนครหลวง รวมถึงอดีตผู้ก้าวพลาดมาเล่าประสบการณ์และการเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอาสาสมัครราชทัณฑ์ ซึ่งการบรรยายดังกล่าว สามารถให้ผู้เข้าร่วมอบรมนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิผลและยั่งยืน ในการอบรมครั้งนี้



กรมราชทัณฑ์ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดโครงการอบรมอาสาสมัครราชทัณฑ์ รุ่นที่ 1 ผู้เข้าอบรมจะได้รับความรู้ ความเข้าใจในภารกิจของกรมราชทัณฑ์ สามารถสนับสนุนการดำเนินงานต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม รวมถึงส่งเสริมให้เกิดการมีส่วนร่วมของประชาชนในการคืนคนดีสู่สังคม อย่างยั่งยืนต่อไป



ปลัดยุติธรรม เปิดกิจกรรมการส่งเสริมทักษะวิชาชีพและความสามารถพิเศษ เพื่อเป็นสวัสดิการแก่ผู้ต้องขัง พร้อมตรวจเยี่ยมเรือนจำกลางคลองเปรม

 ปลัดยุติธรรม เปิดกิจกรรมการส่งเสริมทักษะวิชาชีพและความสามารถพิเศษ เพื่อเป็นสวัสดิการแก่ผู้ต้องขัง พร้อมตรวจเยี่ยมเรือนจำกลางคลองเปรม



วันนี้ (30 มิ.ย.68) เวลา 13.30 น. ที่เรือนจำกลางคลองเปรม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการจัดกิจกรรมการส่งเสริมทักษะวิชาชีพและความสามารถพิเศษ เพื่อเป็นสวัสดิการแก่ผู้ต้องขัง ประจำปี 2568 โดยมี นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ พ.ต.ท.เชน กาญจนาปัจจ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายชาญ วชิรเดช รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ปฏิบัติหน้าที่ผู้บัญชาการเรือนจำกลางคลองเปรม พร้อมด้วย ผู้บัญชาการเรือนจำ ผู้อำนวยการทัณฑสถาน เขต 10 ผู้บริหารกรมราชทัณฑ์ ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ เข้าร่วม  




นอกจากนี้ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้เข้าตรวจเยี่ยมภายในเรือนจำกลางคลองเปรม โดยตรวจเยี่ยมการสวนสนามของผู้ต้องขัง การฝึกกายบริหาร 10 ท่าพญายม และกิจกรรมการสวดมนต์ภายในแดน จากนั้น ได้เข้าตรวจเยี่ยมฝ่ายควบคุมแดน 5 ได้แก่ ศูนย์การเรียนรู้ประจำแดน 5 ศูนย์การเรียนรู้เปรมประชา และตรวจเยี่ยมพื้นที่ห้องแยกการควบคุมและระบบการควบคุมผู้ต้องขังแดนความมั่นคงสูง




ทั้งนี้ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้เยี่ยมชมบูธกิจกรรมการแสดงทักษะวิชาชีพและความสามารถของผู้ต้องขัง บูธการฝึกวิชาชีพเบเกอรี่ บูธการฝึกวิชาชีพช่างไม้เครื่องเรือน บูธนิทรรศการห้องสมุดพร้อมปัญญา บูธกิจกรรมโครงการพระราชทาน โคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวัง กรมราชทัณฑ์ บูธการจัดการศึกษาผู้ต้องขัง บูธโครงการ TO BE NUMBER ONE กรมราชทัณฑ์ และชมรมศิลปะวาดภาพ 





โอกาสนี้ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้รับชมการแสดงของผู้ต้องขังจากชมรมดนตรี เรือนจำกลางคลองเปรม พร้อมทั้งได้กล่าวให้กำลังใจแก่ผู้ต้องขัง โดยมีใจความสำคัญตอนหนึ่งว่า “หากคนทั่วไปมองจากภายนอกจะมองว่าเรือนจำเป็นสถานที่กักขังของผู้ที่ได้รับโทษตามกฎหมาย แต่แท้จริงแล้วเรือนจำมิใช่เพียงสถานที่กักขัง แต่ยังเป็นสถานที่ในการฟื้นฟูพฤตินิสัยและพัฒนาวิชาชีพให้แก่ผู้ต้องขัง โดยมีการฝึกทักษะวิชาชีพและความสามารถพิเศษด้านต่าง ๆ เพื่อสร้างโอกาสและเตรียมความพร้อมให้แก่ผู้ต้องขังในการกลับเข้าสู่สังคมภายหลังพ้นโทษ และต้องขอขอบคุณผู้บริหารกรมราชทัณฑ์และเจ้าหน้าที่ทุกท่าน ที่ทุ่มเทและเสียสละในการดูแลผู้ต้องขัง รวมทั้งเห็นถึงความสำคัญในการทำกิจกรรมที่สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ เสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางจิตใจและพัฒนาพฤตินิสัยให้ผู้ก้าวพลาดอย่างมีคุณภาพ”

จองไว้ก่อน! จัดปลายปี​ "อนันต์ นายก​ สภท.“ จองคิว​ "ลําไย ไหทองคำ" โดย​ "นายห้างประจักษ์ชัย" ร่วมลงนาม

 จองไว้ก่อน! จัดปลายปี​  "อนันต์ นายก​ สภท.“ จองคิว​ "ลําไย ไหทองคำ" โดย​ "นายห้างประจักษ์ชัย" ร่วมลงนาม



วันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน 2568 ที่สำนักงาน "ไหทองคำ

เรคคอร์ด" เลขที่ 88/8-9 ตำบลบึงคำสร้อย อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี

    


นายอนันต์ นิลมานนท์ นายกสมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย (สภท.60ปี)​ พร้อมด้วย​ นายวัชระชัย​ย์​ นาควัชระชัยท์ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมฯ เดินทางไปทำสัญญากับนายห้างประจักษ์ชัย​ เนาวรัตน์ บอสใหญ่ "ไหทองคำ เรคคอร์ด" เพื่อจัดคอนเสิร์ต ศิลปินดัง "ลำไย ไหทองคำ" เนื่องในโอกาส ครบรอบ 60 ปี​ "สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย” ในวันเสาร์ที่ 13 ธันวาคม 2568 ณ สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ



และในโอกาสนี้ นายห้างประจักษ์ชัย เนาวรัตน์ มอบปลาร้า สำเร็จรูป และเสื้อยืดสัญลักษณ์ค่ายเพลงไหทองคำ ให้กับคณะที่ไปเยี่ยมเยือน ณ​ ที่ทำการ "ไหทองคำ เรคคอร์ด" คลอง 7 ลำลูกกา ที่ผ่านมา



_______


#13ธันวาวันขอบคุณสังคม


#สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย