คณะศิษย์หลวงพ่อโอภาสี เรียกร้องขอพระดีมาเป็นเจ้าอาวาส
วันที่ 24 ธันวาคม 2567
จากกรณีคณะศิษย์หลวงพ่อโอภาสีรวมพลังนับ 100 ยื่นร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการการศาสนาฯ สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา รวมทั้งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เกี่ยวกับการพิจารณาแต่งตั้งเจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อโอภาสี และขอให้ดำเนินการถอดถอนพระสังฆาธิการที่ประพฤติตนไม่เหมาะสมกับสมณวิสัย ต่อมาได้มีการจัดแถลงข่าวจากลูกศิษย์เจ้าคณะเขตทุ่งครุท่ามกลางความฉงนว่าเหมาะสมหรือไม่ เพราะวัน เวลาดังกล่าวเป็นงานพระราชทานเพลิงศพพระครูสุทธิญาโณภาส (อุสา สุทธิญาโน) อดีตเจ้าอาวาส
สืบเนื่องจากพระครูสุทธิญาโณภาส (อุสา มะลิพันธุ์) อดีตเจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อโอภาสี ได้ถึงแก่มรณภาพลง เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2567 โดยมีการแต่งตั้งพระครูโอภาสวัชรานุกูล (สุชาติ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสเป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อโอภาสี แต่ที่ผ่านมารักษาการเจ้าอาวาสมีพฤติกรรมบางประการที่ไม่เหมาะสม ไม่สอดคล้องตามพระธรรมวินัยจนเกิดวิกฤติศรัทธาจากชาวบ้าน มีความพยายามทักท้วง เพื่อยับยั้งการแต่งตั้งต่อเจ้าคณะปกครองเขตทุ่งครุก่อนการแต่งตั้งแต่ไม่เป็นผล นอกจากนี้ คณะศิษย์ส่วนหนึ่งได้รวบรวมรายชื่อประชาชนกว่า 1,000 คน ยื่นต่อสำนักงานเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร เพื่อแจ้งพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของผู้รักษาการเจ้าอาวาสรูปดังกล่าว และเสนอชื่อพระสงฆ์ในวัดหลวงพ่อโอภาสีที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามกฎมหาเถรสมาคมว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ ลำดับรองลงมาเพื่อพิจารณาแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสแทน
และต่อมาเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2567 เวลาประมาณ 16.00 น. ได้มีการเผยแพร่ป้ายประชาสัมพันธ์พิธีมอบตราตั้งให้พระครูโอภาสวัชรานุกูล ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อโอภาสี ในวันที่ 17 ธันวาคม 2567 เวลา 9:59 น. ณ บริเวณข้างพระอุโบสถ โดยยังไม่มีการประสานชี้แจงผลการพิจารณาตามหนังสือดังกล่าวจากคณะสงฆ์แก่คณะศิษย์หลวงพ่อโอภาสี และไม่ได้รับการสอบถามหรือรับฟังความเห็นจากคฤหัสถ์ชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียงวัดอย่างโปร่งใส เป็นเหตุให้เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2567 ก่อนพิธีมอบตราตั้งฯ เกิดการรวมตัวคัดค้านของชาวบ้านที่ทราบข่าวในเวลาจำกัดและไม่เห็นด้วยกับการแต่งตั้งดังกล่าว ซึ่งเห็นว่ารักษาการเจ้าอาวาสมีอาจารที่ไม่เหมาะสมกับสมณวิสัย และไม่สมควรดำรงตำแหน่งพระสังฆาธิการรวมทั้งการรักษาการเจ้าอาวาส
ต่อมาสื่อมวลชนได้รายงานข่าวว่า คณะกรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร ได้เลื่อนการแต่งตั้งพระครูโอภาสวัชรานุกูล (สุชาติ) เป็นเจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อโอภาสีออกไปก่อนจนกว่าจะพิสูจน์ความจริงในเรื่องที่ชาวบ้านร้องเรียนมาได้ ทั้งนี้ เพื่อความสง่างาม และความเหมาะสมให้เป็นที่ยอมรับของชาวบ้านต่อไป
แต่แล้วเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2567 พบว่ายังมีการเผยแพร่บัญชีรายชื่อแต่งตั้งพระสังฆาธิการกรุงเทพมหานคร ประจำปี 2567 ระดับเจ้าอาวาสฯ ที่ปรากฏชื่อพระครูโอภาสวัชรานุกูล (สุชาติ) เป็นเจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อโอภาสีผ่านเฟสบุ๊คสำนักงานเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ตัวแทนคณะศิษย์หลวงพ่อโอภาสี จึงได้รวมตัวกันในเช้าวันที่ 20 ธันวาคม 2567 เพื่อขอความอนุเคราะห์ให้คณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร คณะกรรมาธิการการศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ศิลปะและวัฒนธรรม วุฒิสภา และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้ความอนุเคราะห์สืบหาข้อเท็จจริงแก่ประชาชนในประเด็น ดังนี้
1. เหตุผลการพิจารณาแต่งตั้งพระครูโอภาสวัชรานุกูล (สุชาติ) เป็นเจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อโอภาสีครั้งนี้ ซึ่งไม่เป็นไปตามกฎมหาเถรสมาคมฯ ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ กรณีเจ้าอาวาสต้องมีคุณสมบัติเป็นผู้ทรงเกียรติคุณเป็นที่เคารพนับถือของบรรพชิตและคฤหัสถ์ในถิ่นนั้น
2. สำนักงานเจ้าคณะกรุงเทพมหานครจะมีการยกเลิกและแก้ไขบัญชีรายชื่อแต่งตั้งเป็นพระสังฆาธิการกรุงเทพมหานคร ประจำปี 2567 ระดับเจ้าอาวาสฯ ที่เผยแพร่อยู่ขณะนี้ โดยตัดรายชื่อพระครูโอภาสวัชรานุกูล (สุชาติ) ออกจากบัญชีดังกล่าวหรือไม่ และจะเผยแพร่ประกาศที่แก้ไขแล้ว ทางช่องทางใด หากไม่ยกเลิกและแก้ไขบัญชีดังกล่าว จะมีผลให้พระครูโอภาสวัชรานุกูล (สุชาติ) ยังคงดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสหลวงพ่อโอภาสีตามบัญชีวันที่ 13 ธันวาคม 2567 อยู่หรือไม่
3. ขั้นตอนและกำหนดระยะเวลาแล้วเสร็จในการพิจารณาและการดำเนินการถอดถอนพระครูโอภาสวัชรานุกูลจากการเป็นพระสังฆาธิการ หากไม่สามารถพิสูจน์ความจริงในเรื่องที่ชาวบ้านร้องเรียนตามที่ปรากฏในสื่อออนไลน์ เนื่องจากเข้าข่ายมีอาจารที่ไม่เหมาะสมกับสมณวิสัย
4. ความก้าวหน้าการดำเนินการพิจารณาหนังสือ เรื่อง การพิจารณาแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งพระสังฆาธิการ เจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อโอภาสี เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2567 ที่เคยยื่นต่อสำนักงานเจ้าคณะกรุงเทพมหานครไปแล้วขณะนี้ มีขั้นตอนอย่างไร แล้วอยู่ในขั้นตอนใด และจะมีการแจ้งผลให้ทราบด้วยวิธีใด
5. แนวทางการพิจารณาแต่งตั้งเจ้าอาวาส กรณีวัดหลวงพ่อโอภาสีซึ่งเป็นวัดที่มีประเพณีเก่าแก่ประจำท้องถิ่นสืบทอดมาแต่สมัยหลวงพ่อโอภาสียังดำรงขันธ์ เช่น ประเพณีสรงน้ำหลวงพ่อโอภาสี หากมีประชาชนผู้นับถือหลวงพ่อโอภาสี และผู้อาศัยในชุมชนรอบวัดจำนวนมากเสนอให้คณะสงฆ์พิจารณาพระยุทธนา ยตีโก ("พระยุทธนา" นามสกุลเดิม "มะลิพันธุ์") ทายาทที่ผนวชอยู่และเป็นที่ศรัทธาของประชาชนหมู่มากในปัจจุบัน เป็นเจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อโอภาสีได้หรือไม่ จะขัดแย้งกับกฎมหาเถรสมาคมว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการหรือไม่ ข้อใด
แล้วต่อมาเมื่อ วันที่ 22 ธันวาคม 2567 ซึ่งเป็นวันพิธีพระราชทานเพลิงศพอดีตเจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อโอภาสีลูกศิษย์เจ้าคณะเขตทุ่งครุ ได้จัดให้มีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ณ กุฏิพระครูโอภาสวัชรานุกูล (สุชาติ) แสดงให้เห็นว่าผู้แถลงข่าวได้รับความยินยอมจากพระครูโอภาสวัชรานุกูล (สุชาติ) และเจ้าคณะเขตทุ่งครุ โดยมีการตอบคำถามสื่อมวลชน กล่าวคือ ศิษย์ใกล้ชิดเจ้าคณะเขตทุ่งครุยอมรับว่า พระผู้ปกครองก็ทราบว่าในวัดหลวงพ่อโอภาสี มีปัญหาเกิดขึ้น และยอมรับมีการร้องเรียนว่ามีสีกา (อักษรย่อ ต) อยู่ในกุฏิของพระครูโอภาสวัชรานกูล (สุชาติ) จริง ซึ่งข้อร้องเรียนดังกล่าวอยู่ในขบวนการตรวจสอบแล้ว
และยอมรับเพิ่มเติมว่าไม่มีการจัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายของวัดหลวงพ่อโอภาสีจริง นอกจากนี้ผู้ถือกุญแจตู้รับบริจาคให้วัดเป็นบุคคลหนึ่งและบอกว่าจะมีพระสงฆ์อีกองค์มานับเงิน ย่อมแสดงให้เห็นว่าการได้รับเงินอาจไม่มีการนำเงินส่วนของวัดเข้าบัญชีของวัดและอาจมีการนำเงินไปใช้จ่ายในทางที่ไม่เหมาะสมก็ได้ เพราะไม่สามารถตรวจสอบได้ เป็นการเปิดโอกาสให้นำทรัพย์สินของวัดไปใช้ในทางที่มิชอบได้ และโดยบอกว่าต่อไปว่าจะจัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายเกี่ยวกับเงินของวัดให้ถูกต้อง (ภายหลังจากมีผู้ถามถึงเรื่องเงินของวัด) นอกจากนี้ ยังยอมรับว่าพระครโอภาสวัชรานุกูล (สุชาติ) ได้มอบหมายให้สีกา ( อักษรย่อ ต) เป็นผู้ถือกุญแจโบสถ์และยอมรับสีการายนั้น ( อักษรย่อ ต ) มีอิทธิพลในวัดหลวงพ่อโอภาสีจริง ย่อมแสดงว่าเจ้าคณะเขตทุ่งครุย่อมทราบถึงเรื่องความไม่เหมาะสมเกี่ยวกับสีกาและด้านการเงินอยู่แล้ว นอกจากนี้ ผู้แถลงข่าวยังแจ้งให้ทราบว่าพระผู้ใหญ่เตรียมคนเป็นเจ้าอาวาสไว้แล้ว ถ้าหากพระครูโอภาสวัชรานุกูล (สุชาติ) ไม่สามารถเป็นเจ้าอาวาสได้ เพราะวัดหลวงพ่อโอภาสี มีผลประโยชน์มาก จะเห็นได้ว่าเมื่อลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิดเจ้าคณะเขตทราบรายละเอียดค่อนข้างดี ย่อมแสดงให้เห็นว่า เจ้าคณะเขตทุ่งครุก็ย่อมทราบว่าพระครูโอภาสวัชรานุกูล (สุชาติ) มีความไม่เหมาะสมเกี่ยวกับสีกาแล การเงินจริง แต่เจ้าคณะทุ่งครุก็ปล่อยปะละเลยไม่สนใจ ไม่คํานึงถึงความเหมาะสมของการเป็นเจ้าอาวาสของวัดหลวงพ่อโอภาสี ยังเสนอพระครูโอภาสวัชรานุกูล (สุชาติ) เป็นเจ้าอาวาสต่อเจ้าคณะจังหวัดกรุงเทพมหานคร และยังยอมรับว่าได้เตรียมบุคคลอื่นเป็นเจ้าอาวาสแล้วหากพระครูโอภาสวัชรานุกูล (สุชาติ) ไม่ได้เป็นเจ้าอาวาส ย่อมแสดงให้เห็นว่าไม่มีการพิจารณาพระภิกษุที่ประจำอยู่ในวัดก่อน ใช่หรือไม่ เกิดเป็นข้อกังขาของชาวบ้านว่าจะเป็นเพราะต้องการพระสงฆ์อื่นที่สามารถครอบงำได้เพราะมีผลประโยชน์ในวัดมาก โดยไม่พิจารณาถึงความเหมาะสม และความไว้วางใจที่คฤหัสถ์ในพื้นที่ให้ความเคารพและมีความศรัทธาใช่หรือไม่ นอกจากนี้ลูกศิษย์ใกล้ชิดเจ้าคณะเขตทุ่งครุแจ้งเพิ่มเติมโดยอ้างว่า มีบุคคลอีกฝ่ายหนึ่งที่สนับสนุนพระยุทธขึ้นเป็นเจ้าอาวาส เป็นเพียงเพราะแค่พระยุทธนาเป็นหลานหลวงพ่อโอภาสี และ เกี่ยวกับผลประโยชน์ ซึ่งเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อนของผู้แถลงข่าว โดยชาวบ้านบางส่วนมองว่าผู้แถลงข่าวอาจมีอคติเพราะใช้คำว่าอีกฝ่ายหนึ่ง ทั้ง ๆ ที่ถูกต้อง และต้องตรวจสอบว่าที่ชาวบ้านสนับสนุนพระยุทธนานั้นมีเหตุผลใด แล้วพระยุทธนา มีคุณสมบัติครบถ้วนตามกฎมหาเถรสมาคมจริงหรือไม่ หากท่านเห็นว่าพระยุทธนาไม่เหมาะสมอย่างไร ก็ต้องประกาศให้ชาวบ้านในพื้นที่ทราบจึงจะถูกต้องมากกว่า กล่าวคือ เหตุผลที่ชาวบ้านในพื้นที่สนับสนุนพระยุทธนา เนื่องจากเห็นว่าพระยุทธนาเป็นพระภิกษุที่ดีไม่มีข้อด่างพร้อย มีจริยาวัตรที่งดงามมีการช่วยเหลือชาวบ้านเสมอมา เช่น ในช่วงลอคดาวน์โควิดมีการจัดโรงทานแจกอาหารพร้อมทานทุกวัน และ ยังแจกข้าวสารอาหารแห้ง บริจาคทานแก่ผู้ยากไร้เป็นประจำต่อเนื่องทุกเดือนถึงปัจจุบันยาวนานหลายปี อีกทั้งมีคุณสมบัติครบถ้วนตามกฎมหาเถระสมาคม และเป็นผู้มีความศรัทธาต่อหลวงพ่อโอภาสีเป็นที่ประจักษ์ และท่านเป็นพระผู้มีคุณสมบัติอาวุโสสูงสุดในวัดหลวงพ่อโอภาสี รองมาจากพระครูโอภาสวัชรานุกูล (สุขาติ) ที่สำคัญท่านเป็นหลานหลวงพ่อโอภาสี ซึ่งพระยุทธนาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเงินของวัดที่ผ่านมาแต่อย่างใด อีกทั้งสอดคล้องกับคำสัมภาษณ์ที่อดีตเจ้าอาวาสเป็นผู้ให้สัมภาษณ์ว่าหลวงพ่อเคยกล่าวว่าผู้อยู่วัดนี้ได้ ต้องเป็นทายาทท่านหรือสายโลหิต กล่าวคือเจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อโอภาสีต้องเป็นทายาทหรือสายโลหิตของท่าน หากหมดจากนี้วัดนี้ต่อไปจะเป็นวัดหลวง ดังนั้นจากเหตุผลดังกล่าวข้างต้นคฤหัสถ์ในพื้นที่จึงเห็นว่าพระยุทธนามีความเหมาะสมได้รับการแต่งตั้งเป็นพระสังฆาธิการ
ทั้งนี้ กลุ่มคณะศิษย์หลวงพ่อโอภาสี มีเป้าหมายเพื่อธำรงรักษาให้วัดเป็นศาสนสถานที่ทรงคุณค่ามีบทบาทในการสืบสานพระพุทธศาสนาให้เป็นที่เลื่อมใสทรัทธาแก่ประชาชนในพื้นที่สืบไป
และนี้คือเสียงของชาวบ้านที่ยังมีความเคลือบแคลงสงสัยกับคำตอบของทางด้านตัวแทนเจ้าคณะเขต ซึ่งยังคงไม่ใช่คำตอบที่ชัดเจนที่ชาวบ้านต้องการ ชาวบ้านส่วนใหญ่ต้องการความชัดเจนในเรื่องของการแต่งตั้งเจ้าอาวาสคนใหม่ว่าใครกันแน่ที่มีความเหมาะสมที่สุดที่จะมาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อโอภาสี ซึ่งเสียงของชาวบ้านส่วนใหญ่ต้องการให้เลือกจากพระที่มีความเหมาะสมที่สุดจากภายในวัดมากกว่า และต้องการคำตอบที่ชัดเจนเกียวกับเรื่องของบัญชีรายรับรายจายทั้งหมดภายในวัด แล้วเรื่องของเงินที่ชาวบ้านพร้อมทั้งญาติโยมที่มีความศรัทธาต่อหลวงพ่อโอภาสี ได้นำไปใช้อย่างถูกต้องหรือไม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น