นนทบุรี ร้องสื่อ หนุ่มใหญ่ถูกหลอกวิดีโอคอลสยิว เรียกเงินแบล็คเมลกว่าแสนบาท แจ้งความแล้วคดีไม่คืบหน้า
วันที่ 4 ธ.ค.67 เวลา 15.00 น.ผู้สื่อข่าวได้รับการติดต่อจาก นาย สมชาย (นามสมมุติ) อายุ 50 ปี หลังจากเมื่อวันที่ 27 ต.ค.67 ได้รับการติดต่อจาก น.ส.โบว์ลิ่ง (ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง) ผ่านทางแอพพลิเคชั่นTiktok เพื่อติดต่อขอเช่าพระพิฆเนศในราคา 3,500 บาท ซึ่งตนเปิดรับเช่าพระอยู่ ต่อมา น.ส.โบว์ลิ่งได้มีการขอแอดไลน์ เพื่อสอบถามว่าร้านอยู่ที่ไหน และได้มีการโทรไลน์มาคุยทุกวันในลักษณะเชิงชู้สาว จนกระทั่งเมื่อวันที่ 2 พ.ย.67 น.ส โบว์ลิ่งได้วิดีโอคอลมาในลักษะที่กำลังช่วยตัวเอง และบอกให้นายสมชายเปิดอวัยวะเพศ พร้อมกับแล่บลิ้นให้ดู ซึ่งนายสมชายก็ทำตามที่ น.ส.โบว์ลิ่งขอ และถูกบันทึกคลิปวิดีโอและรูปภาพเอาไว้ ก่อนจะทักกลัยมาหานายสมชายในลักษณะข่มขู่ ว่าจะปล่อยคลิปและภาพลงในกลุ่มคนเช่าพระ ถ้าหากไม่โอนเงิน นาย สมชายจึงโอนเงินไปให้3 ครั้ง โดยครั้งแรก น.ส.โบว์ลิ่งเรียกถึง 50,000 บาท แต่ต่อรองจนเหลือ 30,000 บาท ครั้งที่ 2 จำนวน 20,000 บาทและครั้งที่ 3 อีก 30,000 บาท รวมเป็นเงิน 80,000 บาท เพื่อลบคลิปและภาพดังกล่าว ต่อมา น.ส.โบว์ลิ่งได้ ให้ผู้ชายโทรมาอ้างว่าต้องลบผ่านระบบและให้โอนเงินอีกจำนวน 70,000 บาท แต่นายสมชายไม่ได้โอนและปิดโทรศัพท์ทันทีเพราะรู้ว่าพวกนี้จะขอเงินไม่หยุด และได้เข้าแจ้งความตั้งแต่วันที่ 3 พ.ย.67 ล่าสุดวันที่ 3 ธ.ค.67 ไปตามความคืบหน้าเรื่องที่ธนาคารต้องส่งเอกสารอายัดบัญชีให้ตำรวจ ธนาคารก็บอกว่าส่งให้ตำรวจแล้ว พอไปตามที่ตำรวจก็อ้างว่าธนาคารยังไม่ส่งเอกสารมา โยนกันไปก็โยนกันมา
นายสมชาย เล่าว่า ประมาณวันที่ 27 ต.ค.67 ได้มีผู้ใช้ Tiktok ชื่อ โบว์ลิ่ง ส่งรูปพระพิฆเนศ เข้ามาสอบถามราคาใน ก็ตอบกลับไปว่าองค์ละ 3,500 บาท แล้วคนร้ายได้ขอเบอร์ติดต่อและขอแอดไลน์ไว้ และได้โทรไลน์เข้ามาสอบถามว่าร้านอยู่ที่ไหน และเป็นการแนะนำตัวซะส่วนใหญ่การพูดคุยเป็นลักษณะแบบชู้สาว (ฟิลแฟน) ทุกวัน ถามเรื่องส่วนตัวแล้วก็เล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟัง ว่าเปิดร้านขายน้ำหอมอยู่เซ็นทรัล หนูมีลูกน้อง 1 คน หนูเป็นคนพิษณุโลก แล้วชักชวนให้พาเที่ยว ต่อมาวันที่ 2 พ.ย.67 ขณะตนกำลังปิดไฟนอน น.ส.โบว์ลิ่งได้ก็ขอเปิดกล้องคุยแบบ video call แล้วบอกว่า หนูเหงา หนูอยากให้ช่วย แล้วให้ดูว่า น.ส.โบว์ลิ่งกำลังช่วยตัวเองอยู่ พูดออดอ้อนให้ตนช่วยตัวเองให้ดู และหนูขอดูอวัยวะเพศหน่อย แล้วก็ขอดูลิ้นหลอกให้แลบลิ้นให้ดู ซึ่งตอนนั้นตนถูกอัดคลิปดังกล่าวไว้แล้ว
ต่อมาวันที่ 3/11/2567 น.ส.โบว์ลิ่งได้วีดีโอคอลมาคุย แล้วส่งคลิปวีดีโอที่ตัดต่อไว้ และรูปภาพของตนมาให้ดูและบอกว่า "ฟังหนูดีๆนะห้ามวางสาย ดูอย่างเดียว แล้วทำตาม" ซึ่งคลิปและภาพที่ น.ส.โบว์ลิ่งส่งมาให้ดูเสร็จแล้วก็ลบออกทันที ตนแคปภาพไว้ไม่ทัน และบอกให้โอนเงินหากไม่ยอมโอนเงินให้กับ น.ส.โบว์ลิ่ง จะส่งคลิปของตนที่เคยวิดีโอคอลกันไว้และรูปภาพไปให้กับกลุ่มพระเครื่องต่างๆในเฟส เพื่อนในเฟส คนใกล้ชิด คนในครอบครัว เพื่อนร่วมงาน ขายให้นักข่าว และเผยแพร่สู่สาธารณะ แล้วยังได้ข่มขู่อีกว่าจะให้ทางระบบดูดเงินหมดทั้งบัญชี ด้วยความตกใจและกลัวตนจึงได้ยอมเงินให้โดยครั้งแรก น.ส.โบว์ลิ่งขอ 50,000 แต่ตนต่อรองจนเหลือ 30,000 บาท ครั้งที่ 2 ให้โอน 50,000 แลกกับลบคลิปวีดีโอออก ครั้งที่ 3 โอนไปอีก 30,000 บาท หลังจากโอนเงินไป ก็ถามกลับไปว่าไหนบอก แล้วจบไง สรุปยอดโอนทั้งหมดรวม 80,000บาท พอโอนเสร็จบอกว่าของ น.ส.โบว์ลิ่งจบแล้ว แต่ให้ผู้ชายโทรมาบอกว่าทางระบบยังไม่จบและขอเงินอีก 70,000 บาท แล้วให้คุยกับทางระบบเอาเอง เพื่อให้รหัสปลดล็อค ลบข้อมูลออกจากเซิร์ฟเวอร์ แต่ครั้งนี้ตนไม่ได้โอนไป
นาย สมชาย เล่าต่อว่า หลังจากเกิดเรื่อง ตนได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.บางใหญ่ ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ย.67 เพื่อให้ช่วยอายัดบัญชี พอวันที่ 4 พ.ย.67 ตนได้รับเอกสารจากพนักงานสอบสวน ก็นำไปให้กับทางธนาคารเพื่อดำเนินการขออายัดบัญชี และทางธนาคารแจ้งว่าจะนำเอกสารส่งให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที่ที่เอกสารเสร็จ แต่เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.67 ตนไปโทรไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อติดตามความคืบหน้า ก็ได้รับแจ้งว่าทางธนาคารยังไม่ส่งเอกสารมาให้จึงไม่สามารถดำเนินการต่อได้ ตนจึงเดินทางไปติดต่อที่ธนาคารอีกครั้ง แต่ทางเจ้าหน้าที่ธนาคารก็แจ้งว่าได้ส่งเอกสารให้กับพนักงานสอบสวนไปแล้ว ซึ่งทำให้ตนงงว่าตกลงแล้วเอกสารอยู่ที่ใครกันแน่ เพราะเวลาผ่านมานานกว่า1เดือนแล้ว ปกติแล้วเอกสารทางธนาคารจะส่งให้พนักงานสอบสวนภายใน7วันรึเปล่า ตอนนี้ไม่รู้จะต้องไปตามที่ใครหรือหน่วยงานไหนแล้ว เพราะว่าต่างคนก็ต่างโยนกันไปโยนกันมา
**เบลอหน้าผู้เสียหายด้วยครับ

















ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น