วันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2567

สืบนครบาล รวบ บัญชีม้าแก๊งไฮบริดสแกม หาเหยื่อในแอปหาคู่ หลอกชวนลงทุนเทรดเหรียญดิจิทัล สูญเงินกว่า 5 แสน

 สืบนครบาล รวบ บัญชีม้าแก๊งไฮบริดสแกม หาเหยื่อในแอปหาคู่ หลอกชวนลงทุนเทรดเหรียญดิจิทัล สูญเงินกว่า 5 แสน



 ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. ,พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร.ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดทุกรูปแบบซึ่งสร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชน ชุดลาดตระเวนออน์ไลน์สืบนครบาลสืบสวนพบองค์กรอาชญากรรมทางเทคโนโลยี



.

        เมื่อวันที่ 4 ต.ค.67 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง , พ.ต.อ.นิวัตน์ พึ่งอุทัยศรี , พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก สส.บช.น. , พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฏศรี รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.นิธิ ปิยะพันธุ์ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ธีวร์ราธิป ชูดวง สว.กก.วิเคราะห์ฯ, ร.ต.ท.ณรงณ์ศักดิ์ สนิทไทย, ร.ต.ต.สุนทร จันทะแจ่ม เจ้าหน้าที่ กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. ได้จับกุม 

      นางสาวยุพาพร นามล้ำ  อายุ 35 ปี เลขที่ 78 หมู่ที่ 14 ต.วังท่าช้าง อ.กลินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรีตามหมายจับ ศาลอาญาตลิ่งชัน ที่ 462/2567 ลงวันที่ 19 ส.ค.67 

     ข้อหา "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงเป็นบุคคลอื่น และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่คอมพิวเตอร์โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชนชน"

.


และตรวจสอบในระบบพบผู้ต้องหามีหมายจับอีก ๓ หมาย ดังนี้

1. หมายจับศาลจังหวัดเกาะสมุย ที่ 147/2567 ลงวันที่ 17 ก.ย.67 ข้อหา "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงเป็นบุคคลอื่น และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่คอมพิวเตอร์โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชนชน"

2. หมายจับศาลจังหวัดสุราษฏร์ธานี ที่ 459/2566 ลงวันที่ 13 ธ.ค.66 ข้อหา "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงเป็นบุคคลอื่น และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่คอมพิวเตอร์โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชนชน"

3. หมายจับศาลจังหวัดอุดธานี ที่ 330/2566 ลงวันที่ 7 พ.ย.66 ข้อหา "ฉ้อโกง,พ.ร.บ.คอม ความผิดอันเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์"

.

สถานที่จับกุม บริเวณ หน้าห้องพัก ม.9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

.


พฤติการณ์กล่าวคือ เมื่อวันที่ 27 ก.พ.2566 ขณะที่ผู้แจ้งอยู่ที่ บ้านที่เกิดเหตุ ผู้แจ้งได้เข้าพบ แอปหาคู่ชื่อดัง และมีผู้ใช้ชื่อว่า Jarnee

vkl. ทักมาพูดคุยกับผู้แจ้ง ต่อมาเมื่อวันที่ 2 มี.ค.2566 ชายดังกล่าวได้ขอแอดไลน์ เข้าและได้พูดคุยกับในไลน์ ชื่อ jameจากนั้นได้ชวนลงทุนเทรดเหรียญดิจิทัล ในแอป Paxfบl จากนั้นผู้แจ้งได้สนใจที่จะร่วมลงทุน จากนั้นทาง ชื่อไลน์ jameเป็นผู้บอกขั้นตอน การสมัคร การเข้าแอป การโอนเงินทุกอย่างโดยผู้แจ้งได้ทำการโอนเงินเพื่อจะลงทุกตามที่ตกลงกันไว้ โดยเโอนเข้าบัญชีธนาคารชื่อบัญชีผู้ต้องหานี้ แรกๆที่โอนเงินไป จะได้ผลกำไรโอนคืนกลับมา ผู้แจ้งจึงเกิดความมั่นใจ หลงเชื่อว่าสามารถลงทุนและได้รับเงินจริง แต่เมื่อลงทุนเพิ่มเรื่อยๆจนมูลค่าสูง ชายคนดังกล่าวได้แจ้งกับผู้แจ้งว่า ทำผิดขั้นตอน ต้องโอนเพื่อนปลดล็อค และหลอกซ้ำๆจนมูลค่าสูงเรื่อยๆ สุดท้ายก็ไม่สามารถถอนเงินคืนได้ จึงคิดว่าน่าจะถูกหลอกลงทุน จึงมาแจ้งความกับพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป

.

ในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาให้การรับ เมื่อ กลางปี พ.ศ.2566 ตนได้ให้ บัญชี ธนาคารกสิกร และบัญชีธนาคารกรุงไทย จำเลขบัญชีไม่ได้ ให้เพื่อนไปใช้ ไม่ทราบว่าเอาไปทำอะไร เนื่องจากตอนนั้นได้พักอยู่กับเพื่อน โดยไม่ทราบว่าเพื่อนเอาไปทำอะไร และเมื่อปลายปี พ.ศ.2566 ได้ไปตรวจสอบสมุดบัญชีธนาคารกสิกร ก็พบว่ามีเงินเข้าบัญชี จำนวนหลายรายการ ยอดเงินหมุนเวียนประมาณ 21 ล้านบาท จึงได้โทรไปที่ ธนาคารกสิกรเพื่อระงับการใช้บัญชีดังกล่าว จากนั้นได้มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความหลายราย 

.

ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ได้สั่งการให้สืบสวนติดตามคนร้ายที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนไม่ว่าการหลอกลวงรูปแบบใด ชวนลงทุนสร้างความน่าเชื่อถืออย่าได้หลงเชื่อ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อผู้เสียหาย และสำหรับผู้ที่ขาย หรือให้ผู้อื่นไปใช้บัญชีธนาคารนั้น ตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ระบุว่า เจ้าของบัญชีม้า หรือเบอร์ม้า ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที ตามนโยบายของรักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ ผบช.น.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น