วันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2567

"จอย บียอนด์" ดารานักแสดงนางเอกหนังดัง! นำบทเพลงเก่าคุณครู "สุรพล สมบัติเจริญ" ราชาเพลงลูกทุ่งดังในอดีตมาขับร้องใหม่

 "จอย บียอนด์" ดารานักแสดงนางเอกหนังดัง! นำบทเพลงเก่าคุณครู "สุรพล สมบัติเจริญ" ราชาเพลงลูกทุ่งดังในอดีตมาขับร้องใหม่!




จอย บียอนด์ "หทัยทิพย์ สีสังข์" ดารานักแสดงที่มีผลงานการแสดงหลายเรื่อง อาทิ : นางเอกภาพยนตร์

เรื่อง: ธรณีกรรแสง (ได้รับตุ๊กตาทองดารานำฝ่ายหญิงยอดเยี่ยม) ภาพยนตร์เรื่อง: สนิมสร้อย, เพลงสุดท้าย, 

แดร็กคูล่า พ่อลูกอ่อน, :  ผลงานการแสดงละคร เรื่อง: พระสุธน-มโนราห์,   สวัสดีคุณครู, : ผลงานถ่ายแบบ ที่โด่งดัง และอีกหลายๆ เวที ที่ "จอย บียอนด์" สร้างผลงานดังที่ผ่านมา และปัจจุบันจับไมค์ร้องเพลงลูกทุ่งดังในอดีตบทเพลงเก่าของ 


 

 "คุณครูสุรพล สมบัติเจริญ" ร่วมขับร้องบทเพลงคู่กับ "สุรชาติ สมบัติเจริญ:" พี่อุ้ม...ทายาทราชาลูกทุ่ง นำผลงานเพลง ของคุณครูสุรพล

สมบัติเจริญ บทเพลงดีๆ เนื้อร้องทำนองมาปรับให้ทันยุคทันสมัยน่าฟังน่าติดตาม ดาราสาวสวยรวยเสน่ห์ "จอย บียอนด์" 






: สนใจการแสดง ติดตามได้ทาง "รำวงสุรชาติ ทายาทสุรพล" ติดต่อได้ทางพี่อุ้ม..."สุรชาติ สมบัติเจริญ" 

:โทร.090-4646-656

วันเสาร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2567

บุรีรัมย์ หนุ่มงงตาแตก มีชื่ออยู่ในประกันสังคม ระบุทำไร่ ทำนา มาตั้งแต่เกิด

 บุรีรัมย์ หนุ่มงงตาแตก มีชื่ออยู่ในประกันสังคม ระบุทำไร่ ทำนา มาตั้งแต่เกิด



อำเภอประโคนชัย//หนุ่มวัย 25 ปีปวดท้องเข้าโรงพยาบาล ยื่นบัตรประชาชนขอใช้สิทธิ์รักษา 30 บาท หมอระบุ”มีประกันสังคมแล้ว”งงทั้งครอบครัว เพราะตั้งแต่เกิดทำนาทำสวนที่บ้าน ไม่เคยสมัครหรือออกจากบ้านไปไหน หวั่นมีคนสวมสิทธิ์จะกลายเป็นคนเถื่อน ขณะประกันสังคมแจง จะเร่งตรวจสอบทราบผลในเร็วๆนี้




วันที่ 11 ก.ย.67 นายภาณุวัฒน์ หัดประโคน อายุ 25 บ้านเลขที่136 บ้านตะแบก หมู่ 1 ต.โคกย่าง อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ พร้อมครอบครัว เดินทางไปพบ พ.ต.ท ศิริชัย เจริญศิริ สารวัตร(สอบสวน) สภ.ประโคนชัย อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ เพื่อลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน




หลังจากมีชื่อไปปรากฏเป็นผู้ประกันตนอยู่ในระบบของประกันสังคม โดยเจ้าตัวยืนยันว่า ไม่เคยไปสมัครงานที่ไหนมาก่อน ไม่เคยทำงานในระบบโรงงานมาก่อน หลังเรียนจม ม.3 มีอาชีพทำนาทำสวนเป็นหลักกับครอบครัวมาตั้งแต่ยังเล็ก




นายภานุวัฒน์ เล่าว่าตนมีอาชีพทำนา ไม่เคยออกไปทำงานต่างจังหวัดหรือแม้ในตัวจังหวัดบุรีรัมย์มาก่อน ตกใจเมื่อทราบว่าตนมีชื่ออยู่ในประกันสังคม เกรงว่าในวันข้างหน้าอาจจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองโดยที่ตนไม่ได้ทำก็เป็นได้ จึงเข้าไปลงบันทึกประจำวัน และเดินทางไปพบประกันสังคม


ขณะที่นายชีพ หัดประโคน อายุ 49 ปี บ้านตะแบก ต.โคกย่าง อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ พ่อนายภานุวัฒน์ เล่าว่า เมื่อวันที่ 5 ก.ย.ลูกชายปวดท้อง จึงพาไปหาหมอที่โรงพยาบาลประโคนชัย 


โดยได้ยื่นบัตรประชาชนให้เจ้าหน้าที่ เพื่อขอรับบริการรักษาฟรี 30 บาท แต่เจ้าหน้าที่แจ้งกลับมาว่า”มีบัตรประกันสังคมแล้ว”ตกใจมาก เพราะลูกชายมีอาชีพทำนา ทำสวนอยู่กับพ่อมาตั้งแต่ยังเล็ก ยืนยันลูกชายไม่เคยออกไปสมัครงานและไม่เคยทำงานกับบริษัทหรือห้างร้านที่ไหนมาก่อน 



ตอนนี้ต้องการถอนชื่อของลูกชายออกจากประกันสังคม เกรงว่าจะมีผลกระทบในภายภาคหน้า ส่วนเงินที่คาดว่าจะได้จากเงินสมทบของระบบประกันสังคม ตนจะไม่ขอรับ เพราะไม่ใช่เงินของลูกชาย ตอนนี้อยากทำทุกอย่างให้ถูกต้อง ถ้าในอนาคตลูกชายกลายเป็นคนนอกระบบทะเบียนราษฎร์ ใครจะรับผิดชอบ


ต่อมาครอบครัวนายภานุวัฒน์ ได้เดินทางไปที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัดบุรีรัมย์ สาขานางรอง เพื่อต้องการหาข้อมูลที่มาว่าทำไมชื่อจึงไปปรากฎในระบบประกันสังคมได้ 


จากนั้นนางสาวณัฐกานต์  ทินนัง รักษาการหัวหน้าสำนักงานประกันสังคมบุรีรัมย์ สาขานางรอง และนางสาวมนต์นภา กันโท นักวิชาการแรงงานชำนาญ ได้ตรวจสอบข้อมูล พร้อมกับชี้แจงให้นายภานุวัฒน์ ว่า


จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ชื่อของนายภานุวัฒน์ เข้าสู่ระบบประกันสังคมเมื่อปี 2562 หรือประมาณ 5 ปีที่ผ่านมา มีการแจ้งลาออกเมื่อวันที่ 10 ต.ค.66 และเอาชื่อแจ้งเข้าอีกครั้งเมื่อวันที่ 1 พ.ย.66 มาจนถึงปัจจุบัน


ทั้งนี้ประกันสังคมและฝ่ายนิติกร จะเข้าไปตรวจสอบโรงงานดังกล่าวซึ่งตั้งอยู่ในเขต อ.ประโคนชัย ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร เบื้องต้นยังไม่พบว่ามีการสวมสิทธิ์ โดยจะทำการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง และรู้ผลภายใน 1-2 วันนี้//////////////


ธีรยุทธ์ ชำนาญกอง

ผู้สื่อข่าว จ.บุรีรัมย์ รายงาน


คิวภาพ//การเดินทางไปแจ้งความ/เสียงนายภานุวัฒน์//เสียงพ่อ//บรรยากาศที่ประกันสังคม//เสียงเจ้าหน้าที่

บุรีรัมย์ พีท ทองเจือ อาลัยครูฉลองระเบิดภูเขาเผากระท่อม

 บุรีรัมย์ พีท ทองเจือ อาลัยครูฉลองระเบิดภูเขาเผากระท่อม



พีท ทองเจือ อาลัย ครูฉลอง ภักดีวิจิตร ระบุร่วมงานกับลุงหลอง 4 ปี ได้อะไรมากมายโดยเฉพาะฉายา ระเบิดภูเขาเผากระท่อม ตอนนี้อยู่ จ.บุรีรัมย์ จะกลับไปเคารพศพให้เร็วที่สุด


วันที่ 13 ก.ย. 67 จากกรณีวงการบันเทิงสุดเศร้า สูญเสีย ฉลอง ภักดีวิจิตร เจ้าของสโลแกน ระเบิดภูเขา เผากระท่อมหรือที่คนในวงการนิยมเรียก อาหลอง ผู้กำกับชั้นครู ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ผู้กำกับฯ-ผู้สร้างภาพยนตร์และละครโทรทัศน์) พ.ศ.2556 ถึงแก่กรรมอย่างสงบ ในวัย 93 ปี



ล่าสุด พีท ทองเจือ ได้ออกมาระบุขณะที่มาทำธุระที่ จ.บุรีรัมย์ ว่าตอนที่ตนเองเล่นละครกับ "ลุงหลอง" ให้ฟังว่า เคยเล่นละครกับลุงหลองหลายเรื่องก็มี อังกอร์ ,  ระย้า , ดาวคนละดวง , ทอง 5 จริงๆลุงหลองเหมือนเป็นทั้งครูและพ่ออีกคนหนึ่ง อยู่ด้วยกันมา 4 ปี เป็นคนที่ปั้นเราเป็นพระเอก ตอนที่ทราบข่าวคือกำลังแข่งรถ ที่ จ.บุรีรัมย์  เหมือนทุกอย่างมันหยุดไปเลย ตอนที่ท่านป่วย ได้ไปเยี่ยม ไปหาแกที่โรงพยาบาล ครั้งสุดท้ายที่เจอแกก็ไม่ค่อยมีแรงแล้ว ก็ดีใจ จับมือเรา เหมือนดีใจ เราแมนๆไม่ต้องพูดอะไร 


เพราะลุงหลองทำให้เป็นพระเอกแนวบู๊อย่างจริงจัง ส่วนเสน่ห์งานของลุงหลอง คือการระเบิดภูเขา เผากระท่อม โดยเฉพาะเรื่อง อังกอร์ ยอมรับว่ามีความเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของวงการบันเทิง โดยเฉพาะตนเองนับถือลุงหลอง ตอนนี้อยากจะขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของลุงหลอง ซึ่งตอนนี้ตนเองอยู่จ.บุรีรัมย์ ถ้าเสร็จภารกิจแล้วตนเองจะไปเคารพศพลุงหลอง ให้เร็วที่สุด 

สุดท้าย อยากให้ทุกคนทำงาน อย่าทำงานแค่ค่าตอบแทนอย่างเดียว อยากให้ใช้แพชั่นของตัวเองให้เป็นประโยชน์กับการทำงาน อย่างลุงหลอง 80-90 ปี ยังเป็นผู้กำกับละครอยู่เลย ///////


ธีรยุทธ์ ชำนาญกอง

ผู้สื่อข่าว จ.บุรีรัมย์ รายงาน

บุรีรัมย์ รวบ 2 ลุงเพื่อนซี้ขโมยเตียงเหล็กสารภาพจะเอาไปนอนชมวิวก๊งเหล้า

 บุรีรัมย์ รวบ 2 ลุงเพื่อนซี้ขโมยเตียงเหล็กสารภาพจะเอาไปนอนชมวิวก๊งเหล้า



อำเภอประโคนชัย/ตำรวจตามรวบทันควัน 2 ลุงเพื่อนซี้วัย 64 ปี หลังแอบไปขโมยเตียงเหล็กของชาวบ้าน ทั้งสองสารภาพเห็นเป็นเตียงเหล็กน่าจะทนทาน ยอมรับจะเอาไปนั่งชมวิวอยู่ทุ่งนาและนั่งก๊งเหล้ากับเพื่อน ยืนยันขอแล้วไม่คิดว่าจะเป็นคดีความ



วันที่ 14 ก.ย.67 พ.ต.อ. วิษณุ อาภรณ์พงษ์ ผกก.สภ.ประโคนชัย อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ พร้อมชุดสืบสวน สภ.ประโคนชัย อ.ประโคนชัย ตามจับกุม นายสำราญ ดรรสถุยาวัตน์(ดัด-สะ-ถุ-ยา-วัด) (เสื้อทหาร) อายุ 64 ปี บ้านเลขที่ 94 หมู่ 9 ต.ปังกู  อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ และนาย หำ สุบินยัง อายุ 64 ปี บ้านเลขที่ 102/2 หมู่ 9 ต.ปังกู อ.ประโคนชัย  จ.บุรีรัมย์



หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีคนร้ายขโมยเตียงเหล็กที่กระท่อมกลางทุ่งนา ไปต่อหน้าคาดว่าจะไปยังไม่ไกล เพราะคนร้ายซึ่งมาด้วยกัน 2 คน เอาเตียงใส่รถเข็นเดินไป 



เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงแล้วขับรถตามประกบตามเส้นทางที่ได้รับแจ้ง จนกระทั่งไปพบผู้ต้องสงสัยทั้งสอง อยู่ห่างจากจุดที่รับแจ้งไปประมาณ 5 กม. พบของกลางเป็นเตียงเหล็กขนาดกว้างประมาณ 120 ซม.ยาวประมาณ 240 ซม.พร้อมรถเข็นสำหรับใส่เตียงมา 1 คัน ตำรวจจึงตรวจยึดไว้เป็นของกลางนำตัวมาสอบสวนที่ สภ.ประโคนชัย


สอบถามนายสำราญ คนวางแผนสารภาพว่าได้เข้าไปยกเอาเตียงมาจริง เพราะอยากเห็นสภาพมั่นคงแข็งแรงดี จึงไปชวนเพื่อนที่เคยนั่งก๊งเหล้าด้วยกันไปเป็นเพื่อน ส่วนตัวคิดว่าเป็นการขอมากกว่าเป็นการขโมย


เพราะระหว่างที่ตนกำลังจะเข็นรถเข็นออกมาพร้อมเตียง มีเจ้าของเตียงทักว่าเป็นของเขา ตนจึงตะโกนตอบไปว่า”ขอนะ”แล้วเข็นรถต่อไป ไม่คิดว่าเขาจะใจแคบขนาดนั้นที่ไปแจ้งความ


นายสำราญ สารภาพด้วยว่า สาเหตุที่เข้าไปขโมยเพราะทุ่งนาไม่มีเตียง เห็นตัวนี้แล้วสวย เอาไว้นั่งชมวิวอยู่ทุ่งนา และจะเป็นสถานที่ที่ตนกับเพื่อนจะไปนั่งก๊งเหล้าด้วยกันอย่างมีความสุขในยามเย็นหรือยามว่าง


ขณะที่นายหำ เพื่อนที่ไปด้วยกัน เล่าว่าเพื่อนขอให้ช่วยยกของ จึงมาด้วยไม่คิดว่าการทำแบบนี้เป็นการขโมย เพราะเห็นเพื่อนพูดคุยกับเจ้าของเตียงเหมือนเคยรู้จักกันมาก่อน กระทั่งมาถูกจับเพิ่งมารู้ว่า”นี่คือการขโมย”


จากการตรวจสอบประวัติ พบนายสำราญ เคยต้องคดีลักทรัพย์ภายในวัดมาก่อน ทั้งนี้หลังสอบสวนชุดสืบสวนส่งตัวให้ พ.ต.ท.ศิริชัย เจริญศิริ สารวัตร(สอบสวน) สภ.ประโคนชัย แจ้งข้อหาทั้ง2 คน ในข้อหา “ ร่วมกันลักทรัพย์ เพื่อให้พ้นในการกระทำความผิด ”//////////


ธีรยุทธ์ ชำนาญกอง

ผู้สื่อข่าว จ.บุรีรัมย์ รายงาน


คิวภาพ//ตำรวจตามจับกุม//นำตัวมาสอบสวน//ของกลาง//เสียงผู้ต้องหาทั้งสอง


พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม.แถลงผลจับกุมต่างด้าวทำผิดกฏหมาย 3 คดี

 พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม.แถลงผลจับกุมต่างด้าวทำผิดกฏหมาย 3 คดี



เมื่อเวลา 13:30 น.วันที่ 13 กันยายน พ.ศ.2567 ณ ห้องสวนพลู (ห้องแถลงข่าว) ชั้น 2 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี  พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม.มอบหมายให้ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม.พร้อมด้วย พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.ปริญญา กลิ่นเกษร รอง ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.ปกฉัตร ชัยสุกวัฒน์ ผกก.ตม.จว.สมุทรสาคร พร้อมเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องร่วมแถลงผลจับกุมต่างด้าวทำผิดกฏหมายใน 3 คดี ดังนี้




[ คดีที่ 1 ] ทลายโกดังจีน ปลอมเครื่องสําอางแบรนด์ดัง และเครื่องสําอางเถื่อน มูลค่ากว่า 4 ล้านบาท

     ตม.จว.สมุทรสาคร ร่วมกับ กก.สส.บก.ตม.3, สภ.เมืองสมุทรสาคร, เจ้าหน้าที่สาธารณสุขสํานักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร, สํานักงานจัดหางานจังหวัดสมุทรสาคร และฝ่ายปกครองอําเภอเมืองสมุทรสาคร จับกุม นางยู (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี สัญชาติจีน โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวทํางานนอกเหนือจากที่มีสิทธิจะทําได้, รับคนต่างด้าว ที่ไม่มีใบอนุญาตทํางานเข้าทํางาน, มีไว้เพื่อขายซึ่งผลิตภัณฑ์เครื่องสําอางที่แสดงฉลากไม่ถูกต้อง และช่วยซ่อนเร้น รับไว้ โดยประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเนื่องด้วยความผิดตามมาตรา 242 ตามมาตรา 246 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 และจับกุมนายหวัง (สงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี, นายซู (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี, นายเหลียง (สงวน นามสกุล) อายุ 32 ปี และนายกวน (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี สัญชาติจีน โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวทํางานโดย ไม่มีใบอนุญาตทํางาน นําตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร ดําเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม โกดัง ตั้งอยู่ในพื้นท่ี หมู่ 8 ต.ท่าทราย อ.เมืองสมุทรสาคร จว.สมุทรสาคร โดยก่อนการจับกุมเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่าที่โกดังแห่งหนึ่ง ต.ท่าทราย อ.เมือง จว.สมุทรสาคร มีคนต่างด้าวสัญชาติจีน ลักลอบทํางานขายสินค้าประเภทเครื่องสําอางที่ผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้รายงาน ให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และเข้าทําการตรวจสอบพบคนต่างด้าวสัญชาติจีน จํานวน 5 คน กําลังนั่งทํางาน แพ็คของ ยกของ เรียงสินค้า อยู่ภายในโกดัง โดยมี นางยู (สงวนนามสกุล) สัญชาติจีน แสดงตัวเป็นผู้ดูแลโกดัง และพบว่าโกดัง ดังกล่าวเป็นสถานที่จัดเก็บและกระจายสินค้า ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีเลขที่จดแจ้ง และไม่แสดงฉลากภาษาไทย จึงได้ ตรวจยึดและอายัดของกลางรวม 8 รายการ จํานวน 6,000 ชิ้น มูลค่า 3,739,300 บาท โดยเป็นเครื่องสําอางต้องสงสัย ว่าเป็นเครื่องสําอางปลอมและเป็นเครื่องสําอางไม่มีเลขที่ใบรับจดแจ้ง และเครื่องสําอางไม่แสดงฉลากภาษาไทย จํานวน 8 รายการ ดังนี้




1. เครื่องสําอาง Cetaphil Cleanser 400 ชิ้น

2. เครื่องสําอาง Cetaphil Moisture 550 ชิ้น

3. เครื่องสําอาง CeraVe Lotion 3,000 ชิ้น

4. เครื่องสําอาง CeraVe Cleanser 1,000 ชิ้น

5.เครื่องสําอาง CeraVe Serum 300 ชิ้น

6. เครื่องสําอาง Biore UV 400 ชิ้น

7. เครื่องสําอาง Rtopr cream 200 ชิ้น

8. เครื่องสําอาง Dermatrix Ultra Gel 150 ชิ้น

     จากการสืบสวนเพิ่มเติมพบว่าโกดังเก็บสินค้าดังกล่าว มีการบริหารจัดการในลักษณะ “เก็บ แพ็ค ส่ง” หรือ Fulfillment โดยพนักงานแจ้งว่าสถานที่ดังกล่าวเป็นโกดังกระจายสินค้า โดยกลุ่มนายทุนชาวจีนดังกล่าว จะเปิดร้านค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อใช้โฆษณาสินค้าเป็นจํานวนมาก เพื่อกระจายการโฆษณา จากนั้นจะส่งออเดอร์ - ที่อยู่การ จัดส่งผ่านระบบโปรแกรมบริหารคลังสินค้า (https://www.bigseller.com/th/index.htm) แล้วให้พนักงานทําการแพ็คบรรจุ และส่งให้กับลูกค้าชาวไทย โดยมียอดการส่งสินค้ากว่า 1,000 ชิ้น/วัน เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้จับกุม คนต่างด้าวทั้ง 5 ราย ดําเนินคดีในข้อหาดังกล่าว



[ คดีที่ 2 ] รวบ 2 หนุ่มรับเหมาสุดแสบ เปิดบริษัทรับเหมาก่อสร้างบังหน้า ลักลอบเป็นนายหน้าจัดหาแรงงาน แถมพร้อมเอกสารทํางานปลอมให้เบ็ดเสร็จ

     กก.สส.บก.ตม.1 เข้าจับกุม

1. นายเก่ง (นามสมมติ) อายุ 45 ปี สัญชาติไทย โดยกล่าวหาว่า ปลอมเอกสารราชการ และโดยรู้อยู่แล้วว่า คนต่างด้าวคนใดเข้ามาโดยฝ่าฝืน พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้รอดพ้นจากการจับกุม

2. นายออฟ (นามสมมติ) อายุ 44 ปี สัญชาติไทย โดยกล่าวหาว่า โดยรู้อยู่แล้วว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาโดยฝ่าฝืน พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้รอดพ้นจากการ จับกุม

3. นายนาย (นามสมมติ) อายุ 22 ปี สัญชาติเมียนมา กับพวกรวม 5 คน โดยกล่าวหาว่าใช้เอกสารราชการปลอม และเป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต

4. นายเนียง (นามสมมติ) อายุ 36 ปี สัญชาติเมียนมากับพวกรวม 3 คน โดยกล่าวหาว่าเป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต

5. นายอ่อง (นามสมมติ) อายุ 29 ปี สัญชาติเมียนมา โดยกล่าวหาว่าเป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด

นําตัวส่งพนักงานสอบสวนกลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดําเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุมบริษัท ตั้งอยู่ในซอยกาญจนาภิเษก 8 แขวงบางแค เขตบางแค กรุงเทพฯ




     กก.สืบสวน บก.ตม.1 ได้สืบทราบว่ามีการลักลอบนําคนต่างด้าวผิดกฎหมายมาพักไว้ที่บริษัทแห่งหนึ่งย่านบางแค กรุงเทพฯ เพื่อรอให้มีนายจ้างที่ต้องการใช้แรงงานติดต่อว่าจ้างงาน และเมื่อได้งานจะมีการทําเอกสารทะเบียนใบอนุญาตทํางานของคนต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2566 ปลอมให้ แล้วจึงให้รถมารับเพื่อไปทํางานกับนายจ้างที่ได้ติดต่อไว้ โดยได้รับค่านายหน้าตอบแทน จึงได้เดินทางไปสืบสวนหาข่าวบริเวณบริษัทดังกล่าว พบรถกระบะตู้ทึบมีคนลักษณะคล้ายคนต่างด้าวโดยสารอยู่ในกระบะตู้ทึบ และรถคันดังกล่าวกําลังขับออกจาก บริษัท จึงได้แสดงตัวเพื่อขอตรวจสอบเอกสารคนต่างด้าวที่โดยสารอยู่ในกระบะตู้ทึบ เบื้องต้นได้นําเอกสารทะเบียนใบอนุญาตทํางานของคนต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2566 มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่เพื่อทําการ ตรวจสอบ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ทําการตรวจสอบโดยการสแกนคิวอาร์โค้ดที่อยู่ตรงบริเวณมุมขวาล่างของเอกสารที่ ผู้ถูกจับมาแสดงพบความผิดปกติ กล่าวคือ ปกติเมื่อทําการสแกนคิวอาร์โค้ดดังกล่าวจะปรากฏข้อมูลของผู้ขออนุญาตทํางาน แต่ของผู้ถูกจับกลับเป็น me-qr.com ซึ่งไม่ใช่เว็ปไซต์ของทางราชการ จึงได้ทําการตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่ จัดหางานเบื้องต้นพบว่าข้อมูลอัตลักษณ์บุคคลไม่ตรงกัน เชื่อได้ว่าเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารที่ทําปลอมขึ้น และจากการสอบถามคนขับรถได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่า ได้รับคนต่างด้าวมาจากบริษัทดังกล่าว และยังมีคนต่างด้าวอีกจํานวนหนึ่งพักอยู่ด้านบนบริษัท จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ เมื่อเดินทางไปถึงพบนาย เก่ง (นามสมมติ) และนาย ออฟ (นามสมมติ) อยู่ในที่เกิดเหตุ จึงได้แสดงตนเป็นเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมือง และแจ้งวัตถุประสงค์เพื่อทําการตรวจสอบภายในบริษัทดังกล่าว ผลการตรวจสอบพบคนต่างด้าว 4 ราย หลบซ่อนตัวอยู่ภายในอาคารบริษัทดังกล่าว ซึ่งคนต่างด้าว 3 ราย ไม่สามารถแสดงเอกสารใด ๆ ได้ ส่วนอีก 1 ราย แสดงหนังสือเดินทางประเทศเมียนมา เมื่อตรวจสอบพบว่า การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 31 ก.ค.2566 โดยไม่ปรากฏว่าได้ขออนุญาตอยู่ต่อในราชอาณาจักรอีกแต่อย่างใด จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิให้ทราบ ในขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ทําการตรวจสอบบริเวณ ภายในที่ทําการสํานักงาน พบเอกสารทะเบียนใบอนุญาตทํางานของคนต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2566 อยู่บริเวณโต๊ะทํางานของนายเก่ง จํานวน 58 ชุด และเมื่อทําการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าข้อมูลอัตลักษณ์ไม่ตรง กับข้อมูลในเอกสารจึงได้ทําการตรวจยึดเอกสารดังกล่าว และเมื่อตรวจสอบคอมพิวเตอร์ในสํานักงาน พบว่ามีไฟล์ เอกสารเกี่ยวการทํางานของต่างด้าวอยู่ในเครื่อง มีการใช้โปรแกรมแก้ไขข้อมูลอัตลักษณ์ให้กับคนต่างด้าวที่ประสงค์ จะมีเอกสารดังกล่าวไว้ใช้เพื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่ และมีการส่งข้อมูลไฟล์เอกสารที่ได้ทําการแก้ไขแล้วให้กับลูกค้าทาง แอพพลิเคชั่นไลน์ จึงได้ทําการตรวจยึดหลักฐานและเอกสารประกอบการจับกุมทั้งหมดไว้ดําเนินคดี



[ คดีที่ 3 ] รวบ 3 เครือข่ายแก๊ง East Coast อยู่เกินกําหนดอนุญาต พบประวัติก่อคดีแทงเพื่อนร่วมชาติปางตาย

     กก.4 บก.สส.สตม. จับกุมนายโมฮัมเหม็ด (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี สัญชาติมัลดีฟ, นายอาชแซม (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สัญชาติมัลดีฟ และนายอับดุลลา อายุ 19 ปี สัญชาติมัลดีฟ โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นําตัวส่งพนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดําเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุมคอนโดมิเนียมย่านรามคําแหง 460 ถ.รามคําแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ

พฤติการณ์การจับกุม จากการสืบสวนของ กก.4 บก.สส.สตม. พบว่ามีคนต่างด้าวสัญชาติมัลดีฟ จํานวน 3 ราย ได้เข้าพักอาศัยอยู่ที่ คอนโดมิเนียมย่านรามคําแหง 460 ถ.รามคําแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ มีพฤติการณ์ ต้องสงสัยจึงได้วางกําลังซุ่มสังเกตการณ์กระทั่งเวลาต่อมาพบชาวต่างชาติมีลักษณะท่าทางมีพิรุธเดินอยู่บริเวณคอนโดดังกล่าว จึงแสดงตนขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง จากการสอบถามทราบชื่อว่านายโมฮัมเหม็ด แต่ไม่สามารถนำหนังสือเดินทางมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ได้ โดยแจ้งแก่เจ้าหน้าที่ว่าหนังสือเดินทางของตนนั้นอยู่ภายในห้องพัก และได้นําเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมขึ้นไปยังห้องพักพบนายอาชแซม และนายอับดุลลา ลักษณะท่าทางมีพิรุธ อยู่ภายในห้องพักดังกล่าว จึงตรวจสอบหนังสือเดินทางพบว่า คนต่างด้าวทั้ง 3 ราย การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุดลงแล้ว จึงได้จับกุมนําตัวส่งพนักงาน สอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดําเนินคดีตามกฎหมาย




     จากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่าทั้งสามรายมีประวัติกระทําความผิดในประเทศมัลดีฟส์ ในข้อหาร่วมกันทําร้ายร่างกายผู้อื่นด้วยสิ่งแหลมคม และข่มขู่ผู้อื่นด้วยสิ่งแหลมคม โดยร่วมกันใช้อาวุธแทงผู้เสียหายบริเวณศรีษะ ใบหน้า และ ร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสและอยู่ในกลุ่มเครือข่าย East Coast Gang อาชญากรรมท้องถิ่นของ มัลดิฟส์ ซึ่งเป็นกลุ่ม ที่ใช้ความรุนแรง และเกี่ยวข้องกับการจําหน่ายยาเสพติด และเป็นบุคคลที่องค์การตํารวจสากลได้ออกประกาศสีแดง (INTERPOL RED NOTICE)

# สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทําความผิด ในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทําความผิด กรุณาแจ้งมายังสํานักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

บิ๊กต่อ พร้อมภริยา เดินทางเยี่ยมบำรุงขวัญข้าราชการตำรวจ และประชาชน สภ.เมืองเชียงราย

 บิ๊กต่อ พร้อมภริยา เดินทางเยี่ยมบำรุงขวัญข้าราชการตำรวจ และประชาชน สภ.เมืองเชียงราย




เมื่อเวลา 09:30 น.วันที่ 13 กันยายน พ.ศ.2567 ณ ร้านปันรักษ์เชียงราย  พล.ต.อ.ต่อศักดิ์  สุขวิมล ผบ.ตร. พร้อมด้วย คุณนิภาพรรณ สุขวิมล อุปนายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ และคณะ ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญข้าราชการตำรวจที่ สภ.เมืองเชียงราย และข้าราชการตำรวจ กก.สส.ภ.จว.เชียงราย ที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ โดย พ.ต.อ.โสภณ ม่วงเฟื่อง ผกก.สภ.เมืองเชียงราย ได้รายงานสรุปสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ อ.เมืองเชียงราย จว.เชียงราย โดยมี พ.ต.ท.พันชาติ สมตัว รอง ผกก.จร.สภ.เมืองเชียงราย, พ.ต.ท.พรต เศรษฐกร รอง ผกก.สส.สภ.เมืองเชียงราย, พ.ต.ท.ฉันทฤทธิ์ เหล่าไพโรจน์จารี รอง ผกก.ป.สภ.เมืองเชียงราย, พ.ต.ท.สถาพร มังคลาด สวป.สภ.เมืองเชียงราย ให้การต้อนรับ 





      พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.เผยว่า มีความรู้สึกห่วงใยพี่น้องประชาชนในพื้นที่ และข้าราชการตำรวจที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัยน้ำท่วมในครั้งนี้ และได้กำชับให้จัดกำลังสายตรวจ, ตำรวจจราจร, ชุด ชสม., ตำรวจจิตอาสา ออกตรวจตราช่วยเหลือ รักษาความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกการจราจร และช่วยเหลือแจกจ่ายข้าวกล่องสิ่งของบรรเทาทุกข์ให้แก่ประชาชน ชุมชนในเขตพื้นที่รับผิดชอบอย่างเต็มที่ เต็มกำลัง








     จากนั้น พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.ได้มอบถุงยังชีพให้แก่ข้าราชการตำรวจ สภ.เมืองเชียงราย และข้าราชการตำรวจ กก.สส.ภ.จว.เชียงราย ที่ประสบอุทกภัย จำนวน 60 นาย และได้เดินทางไปมอบถุงยังชีพ สิ่งของจำเป็นให้แก่ประชาชนในชุมชนเกาะลอย อ.เมืองเชียงราย จว.เชียงราย ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยในครั้งนี้








ขอขอบคุณ

พ.ต.ท.ฉันทฤทธิ์ เหล่าไพโรจน์จารี

รอง ผกก.ป.สภ.เมืองเชียงราย

สนับสนุนข้อมูลข่าวสาร

คุณภูเมธา โอฬารภานุกุล

ผู้สื่อข่าวพิเศษส่วนกลางนิตยสารตำรวจเพื่อมวลชน รายงาน

วันศุกร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2567

อบจ.เพชรบูรณ์ร่วมพืธีเชิญสิ่งของพระราชทานช่วยเหลือผู้ประสพอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์.

 อบจ.เพชรบูรณ์ร่วมพืธีเชิญสิ่งของพระราชทานช่วยเหลือผู้ประสพอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์. 




        วันที่ 13 กันยายน 2567 เวลา 14.00 น. ณ หอประชุมที่ว่าการอำเภอหล่มสัก นายอัครเดช ทองใจสด นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ มอบหมายให้นายทวีชัย พรสุพรรณวงศ์ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ เขตอำเภอหล่มสัก ร่วมพิธีเชิญสิ่งของพระราชทานช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์  โดยมีนายชนก มากพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เหล่ากาชาดอำเภอหล่มสัก หัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วมฯ.










        # สุรพล ก้องเพชรศักดิ์ ที่ปรึกษา สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย-สภท.