วันเสาร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2565

ฟรุ้ทบอร์ดแจงความคืบหน้าโครงการเยียวยาเกษตรกรชาวสวนลำไยปี64/65 จ่อครม.พิจารณาเห็นชอบ

     ฟรุ้ทบอร์ดแจงความคืบหน้าโครงการเยียวยาเกษตรกรชาวสวนลำไยปี64/65

จ่อครม.พิจารณาเห็นชอบ





นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (ฟรุ้ทบอร์ด-Fruit Board)ชี้แจงวันนี้(31ธ.ค)เกี่ยวกับโครงการเยียวยาเกษตรกรชาวสวนลำไย ปี 2564/2565ว่าตามที่ชาวสวนลำไยได้สอบถามถึงความคืบหน้าโครงการเยียวยาเกษตรกรชาวสวนลำไย ปี 2564/2565นั้น ขณะนี้รอเพียงคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบโดยฟรุ้ทบอร์ดเสนอตามขั้นตอนตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนจนบัดนี้ล่วงเลยมาเป็นเวลา4เดือน

คาดว่าคณะรัฐมนตรีจะเร่งพิจารณาอนุมัติเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับชาวสวนลำไยทั่วประเทศซึ่งประสบความเดือดร้อนจากผลกระทบของวิกฤติโควิด-19ในฤดูกาลผลิตปี2564/2565เพื่อให้ชาวสวนลำใยมีทุนไปปรับปรุงสวนเพื่อเพิ่มผลผลิตทันต่อฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะมาถึง





      ทั้งนี้ หลังจากฟรุ้ทบอร์ดเสนอโครงการต่อดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ซึ่งได้ลงนามเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2565 เสนอคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนผ่านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะกำกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และได้ลงนามในหนังสือถึงคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2565 เพื่อพิจารณาอนุมัติเป็นการเร่งด่วนในโครงการเยียวยาเกษตรกรชาวสวนลำไย ปี 2564/2565

โดยมีเงื่อนไขกรอบแนวทางช่วยเหลือที่กำหนดไว้ ดังนี้ ขนาดพื้นที่ปลูกรายละ ไม่เกิน 25 ไร่ ในอัตรา 2,000 ต่อไร่ กรอบวงเงินทั้งหมด 3,821.54 ล้านบาท แยกการใช้เงินเป็น 1.) เงินทุนผ่าน ธกส. ดังนี้ (1) เงินเยียวยาเกษตรกรชาวสวนลำไย อัตราไร่ละ 2,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ไร่ จำนวน 3,821,537,038 บาท (2) ค่าบริหารจัดการโครงการ สำหรับ ธกส.ครัวเรือนละ 7 บาท จำนวน 1,354,388 บาท และ (3) ค่าชดเชยต้นทุนให้ ธกส. ร้อยละ 2.25 ของวงเงินเยียวยาที่ต้องจ่าย 83,842,650 บาท และ 2.) ค่าบริหารจัดการโครงการของ กรมส่งเสริมการเกษตร 10,000,000 บาท 

“สำหรับโครงการเยียวยาชาวสวนลำใยครั้งนี้ดำเนินการเช่นเดียวกับโครงการในอดีตด้วยเงื่อนไขและวิธีการเดียวกันโดยกรมส่งเสริมการเกษตรนำเสนอตัวเลขข้อมูลที่ตรวจสอบแล้วต่อฟรุ้ทบอร์ดและมีมติเห็นชอบเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ลงนามเมื่อต้นเดือนกันยายนเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาตามขั้นตอนที่ถูกต้องแล้วรอเพียงคณะรัฐมนตรีอนุมัติเท่านั้น” 


#สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย

วันศุกร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2565

“จักจั่น”นักธุรกิจสาวไฮโซคนดังจัดงานวันเกิดให้คุณแม่ครบรอบ81ปี

 “จักจั่น”นักธุรกิจสาวไฮโซคนดังจัดงานวันเกิดให้คุณแม่ครบรอบ81ปี



วันที่ 30 ธ.ค.65 นางสาววิราดา เกตกะโกมลหรือ “จักจั่น”นักธุรกิจสาวไฮโซคนดังเจ้าของที่ดินหลายพันไร่ สวนป่ารีสอร์ท อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมาได้จัดงานวันเกิดให้กับคุณแม่ดารา เกตกะโกมล อายุครบรอบ 81 ปี ณ สวนป่ารีสอร์ทด่านขุนทด โดยมีแขกผู้มีเกียรติร่วมเข้าร่วมอวยพรกันอย่างมากมาย

นางสาววิราดา กล่าวเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.65 ที่ผ่านมาได้จัดงานวันเกิดให้กับคุณแม่ครบรอบ 81ปี ซึ่งปัจจุบันคุณแม่ดารา เกตกะโกมล เป็นประธานสภาองค์กรชุมชนจังหวัดนครราชสีมา ทำงานเพื่อสังคม และคนในชุมชน มีหน้าที่เสนอแนะต่อผู้ว่าราชการจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวกับปัญหาและแนวทางแก้ไข หรือความต้องการของประชาชนในเรื่องการจัดทำบริการสาธารณะและการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ สังคม คุณภาพชีวิต และสิ่งแวดล้อม เดินหน้าสร้างความเข้มแข็งชุมชนท้องถิ่นปัจจุบันมีการจัดตั้งสภาองค์กรชุมชนตำบลทั่วประเทศแล้ว  7,795 แห่งทั่วประเทศ  

นอกจากนี้สภาองค์กรชุมชนตำบล ยังเป็นเครื่องมือในการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นในด้านต่างๆ แตกต่างกันไปตามบริบทของพื้นที่  อาชีพ  วิถีชีวิต  สภาพปัญหา  ประเพณีและวัฒนธรรมของแต่ละท้องถิ่นสำรวจข้อมูลครัวเรือนที่มีความยากจน  สภาพบ้านเรือนทรุดโทรม  เพื่อนำมาวางแผนพัฒนาและแก้ไขปัญหาต่างๆ  เช่น  แก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัย  การส่งเสริมอาชีพและรายได้   สร้างแหล่งน้ำ  พัฒนาคุณภาพชีวิต  ฯลฯ




นางสาววิราดา ยังได้กล่าวต่ออีกว่า อย่างไรก็ตามต้องขอขอบพระคุณทุกท่านที่ให้เกียรติมาร่วมอวยพรคุณแม่ดาราเป็นอย่างมาก อธิเช่น นายจำลอง ครุฑขันทด อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษา นายอรุณ เมฆฉาย นายอำเภอ ด่านขุนทด นางสาวจิราภรณ์ เพชรทัต ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล พ.ต.อ.อิษฏ์ บุญญฤทธิ์ ผกก.สภ.โนนไทย พ.ต.อพงชิต พุ่มชุมพล ผกก.สภ.หนองบัวโคก พ.ต.ท. อาคม ชุดขุนทด รองผกก ป ด่านขุนทด นายธวัฒน์ ศิริปัญญานันท์ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมาเขต2 นายประยุทธ์ พิทยาภรณ์ นายก อบต.บ้านแปรง จสอ. ยุทธภูมิ ขันทอง ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านแปรง และอีกหลายๆท่านที่ไม่ได้เอ่ยชื่อค่ะ









ชาวประมงมีเฮ ข่าวดีต้อนรับปีใหม่

 ชาวประมงมีเฮ ข่าวดีต้อนรับปีใหม่



“เฉลิมชัย”เตรียมเสนอครม.เห็นชอบโครงการนำเรือออกนอกระบบ 1,007 ลำ วงเงิน 1,806 ล้านบาทกำหนดเสร็จภายในปี2566เพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืน 

     


                            

นายอลงกรณ์  พลบุตร  ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานคณะกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการประมงไทย เปิดเผยวันนี้ว่า “โครงการนำเรือออกนอกระบบ” เป็นอีกหนึ่งแนวทางในการบริหารจัดการทรัพยากรประมงทะเลให้เกิดความยั่งยืน และเป็นการช่วยเหลือเยียวยาพี่น้องชาวประมงที่ได้รับผลกระทบจากการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (IUU Fishing) ภายใต้พระราชกำหนดการประมง 2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และโครงการนำเรือประมงออกนอกระบบตามแผนบริหารจัดการประมงทะเลที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบไว้ตั้งแต่ 3 พ.ย. 2558 โดยโครงการนำเรือออกนอกระบบ เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 ซึ่งที่ผ่านมาการดำเนินโครงการในระยะที่ 1 และ 2 มีเรือที่นำออกนอกระบบและรัฐบาลจ่ายเงินเยียวยาไปเรียบร้อยแล้ว จำนวน 364 ลำ ซึ่งชาวประมงมีความพึงพอใจที่รัฐบาลให้ความช่วยเหลือการประกอบอาชีพด้วยการซื้อเรือคืนเพื่อนำเรือออกนอกระบบ แต่ยังมีกลุ่มเรือประมงอีกจำนวนมากที่ประสงค์จะนำเรือออกนอกระบบ และเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามแผนบริหารจัดการทรัพยากรประมงทะเลไทย ปี 2563 – 2565 ในการบริหารจัดการกองเรือให้มีความสมดุลกับทรัพยากรประมงทะเลและเกิดความยั่งยืนในการใช้ประโยชน์จากสัตว์น้ำ และเพิ่มความคล่องตัวในการบังคับใช้กฎหมายและระเบียบต่างๆ ลดปัญหาความขัดแย้ง
ในการทำการประมง บรรเทาความเดือดร้อนและแก้ไขปัญหาหนี้สินของชาวประมงได้ ตลอดจนเป็นการส่งเสริมให้ชาวประมงได้มีโอกาสประกอบอาชีพอื่นๆ

ดังนั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมประมงจึงได้ดำเนินการตามมติของคณะกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการประมงไทยให้ปรับเปลี่ยนวิธีดำเนินการบริหารโครงการนำเรือออกนอกระบบให้เร็วขึ้นด้วยการใช้วงเงินของธกส.ซื้อคืนเรือให้แล้วเสร็จภายในปี2566โดยรัฐบาลชำระคืนธกส.ตามจำนวนและระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีเห็นสมควร กรมประมงจึงดำเนินหารือกับธกส.จนได้ข้อยุติ
ด้วยการใช้แหล่งเงินทุนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) เพื่อให้สามารถนำเรือประมงออกนอกระบบได้ทั้งหมดในคราวเดียวกัน ด้วยวิธีการซื้อเรือคืน สำหรับกลุ่มเรือที่ได้รับใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ที่ประสงค์จะเลิกอาชีพทำประมงเพิ่มเติม ทั้งนี้ มีเรือประมง จำนวน 1,007 ลำ ที่ผ่านการตรวจสอบประวัติและมีคุณสมบัติครบถ้วน จากคณะทำงานตรวจสอบประวัติความถูกต้อง คุณสมบัติเรือประมงและเจ้าของเรือ และได้รับการประเมินราคาชดเชยจากคณะทำงานประเมินราคาเรือประมง โดยมีวงเงิน จำนวน 1,806,334,900 บาท ซึ่งขณะนี้ผ่านการเสนอที่ต่อประชุมคณะทำงานกลั่นกรองการเยียวยาและดำเนินการตามมาตรการลดจำนวนเรือประมงเพื่อการจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืน เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2565ที่ผ่านมา เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะได้เสนอต่อ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาเพื่อนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบต่อไป





“ตามแผนบริหารจัดการประมงทะเลที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบไว้ตั้งแต่ 3 พ.ย. 2558ในโครงการนำเรือออกนอกระบบ เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 ซึ่งที่ผ่านมาการดำเนินโครงการในระยะที่ 1 และ 2 มีเรือที่นำออกนอกระบบและรัฐบาลจ่ายเงินเยียวยาไปเรียบร้อยแล้ว จำนวน 364 ลำ หากยังดำเนินการตามวิธีการเดิมจะต้องใช้เวลานับ10ปีจึงให้มีการปรับเปลี่ยนการบริหารจัดการโครงการนำเรือออกนอกระบบด้วยวิธีใหม่จะใช้เวลาเพียงไม่เกิน3-6เดือนจะบรรลุเป้าหมายหลังจากคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ

ต้องขอขอบคุณกรมประมง ธกส.และคณะทำงานกลั่นกรองการเยียวยาและดำเนินการตามมาตรการลดจำนวนเรือประมงเพื่อการจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืนที่ดำเนินการจนผ่านขั้นตอนสำคัญๆและกรมประมงพร้อมนำเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบต่อไป ถือเป็นของขวัญปีใหม่สำหรับชาวประมงที่รอคอยมาตั้งแต่ปี2558” นายอลงกรณ์กล่าวในที่สุด./


#สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย

“ศักดิ์สยาม เป็นประธานเปิดกิจกรรมรณรงค์ ลดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 “ปีใหม่ปลอดภัย ร่วมใจลดอุบัติเหตุทางถนน” ที่สถานีรถไฟหัวลำโพง!!

 “ศักดิ์สยาม เป็นประธานเปิดกิจกรรมรณรงค์ ลดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 “ปีใหม่ปลอดภัย ร่วมใจลดอุบัติเหตุทางถนน” ที่สถานีรถไฟหัวลำโพง!!





นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานเปิดกิจกรรมรณรงค์ลดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 “ปีใหม่ปลอดภัย ร่วมใจลดอุบัติเหตุทางถนน” จัดโดยมูลนิธิเมาไม่ขับ ร่วมกับ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ภาคีเครือข่ายรณรงค์ลดอุบัติเหตุเมาไม่ขับ ภาครัฐ และภาคเอกชน โดยมี นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม,นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม,นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก รักษาการรองปลัดกระทรวงคมนาคม ประธานกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย,นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง และผู้แทนภาคีเครือข่ายรณรงค์ลดอุบัติเหตุทั้งภาครัฐและเอกชน ประชาชน สื่อมวลชน เข้าร่วมกิจกรรมด้วย โดยมี นายสุจิตต์ เชาว์ศิริกุล รองผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทยฅ นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ และรองผู้บังคับการตำรวจรถไฟ ให้การต้อนรับ ที่สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง)





นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม กล่าวว่า นโยบายของรัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อความปลอดภัยและความสะดวกในการเดินทางของประชาชน โดยกำหนดเป้าหมายเพื่อลดจำนวนการเกิดอุบัติเหตุทางถนน อันเป็นสาเหตุหลักของการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ของทุกปีที่มีประชาชนเดินทางจำนวนมาก ซึ่งจากสถิติในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 ที่ผ่านมาพบว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ เกิดจากการขับขี่ด้วยความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และขับขี่ขณะมึนเมา เมาแล้วขับ ง่วงแล้วขับ ขับรถตัดหน้ากระชั้นชิด ไม่สวมหมวกนิรภัย และการฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร ซึ่งกว่าร้อยละ 85 ของยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุเป็นรถจักรยานยนต์ ในช่วงปีใหม่ 2566 นี้ ผมในฐานะ รมว.คมนาคม ได้กำหนดนโยบายในการอำนวยความสะดวกการบริการขนส่งสาธารณะและโครงข่ายคมนาคมอย่างบูรณาการ ภายใต้นโยบายสำคัญ “ส่งพี่น้องเดินทางช่วงปีใหม่ 2566 ถึงที่หมายอย่างสะดวกและปลอดภัย ทั้งไปและกลับ”

และเน้นย้ำและให้ความสำคัญกับการรณรงค์รักษากฎจราจร ขับขี่มีน้ำใจ คาดเข็มขัดนิรภัย สวมหมวกนิรภัยตลอดการเดินทาง และที่สำคัญคือ เมาไม่ขับ ง่วงต้องพัก และขอเชิญชวนให้ประชาชนยังคงมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด สวมหน้ากากอนามัย รักษาระยะห่าง กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ และที่สำคัญ คือขอให้ไปฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นฟรี ที่โรงพยาบาลในสังกัดของกระทรวงสาธารณสุขได้ทั่วประเทศ







ส่วนกิจกรรมรณรงค์ให้ความรู้กับประชาชนในเรื่องการป้องกันตนเองจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 และอันตรายจากการเมาแล้วขับ พิธีปล่อยแถวตำรวจรถไฟเพื่อให้บริการดูแลความสะดวกปลอดภัยประชาชน และภาคีเครือข่ายได้ร่วมกันแจกหน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ สติกเกอร์ แผ่นพับคู่มือการปฏิบัติตนเองในการเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 อย่างไรให้ปลอดภัย และมีการจัดเสวนา “ฉลองปีใหม่อย่างไร ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อจากอุบัติเหตุ” โดยมีเหยื่อเมาแล้วขับร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์




/////////////////////////////

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มอบไออุ่น พร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคแก่นักเรียนในถิ่นทุรกันดารพื้นที่อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี รวม 2 แห่ง

 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มอบไออุ่น พร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคแก่นักเรียนในถิ่นทุรกันดารพื้นที่อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี รวม 2 แห่ง

.



วานนี้ (วันที่ 29 ธันวาคม 65)  มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ พร้อมด้วย นายอรัณย์ โตทวด ผู้จัดการใหญ่  นางสาวพิมพ์ณภัท สุนทรฐิติวงษ์ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ รักษาการหัวหน้าแผนกสาธารณภัย  นำทีมฝ่ายสังคมสงเคราะห์ ลงพื้นที่ โรงเรียนสินแร่สยาม และโรงเรียนบ้านห้วยผาก ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ตั้งอยู่ในถิ่นทุรกันดาร ในพื้นที่อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี  มอบผ้าห่มกันหนาว พร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค ประกอบด้วย ผ้าห่ม นมถั่วเหลือง ขนม กระบอกน้ำ รองเท้าฟองน้ำ เจลแอลกอฮอล์ แก่เยาวชน มอบให้  รวม 2 แห่ง รวมเยาวชน จำนวน 710 คน  

รวมมูลค่าเป็นเงิน 180,500 บาท (หนึ่งแสนแปดหมื่นห้าร้อยบาทถ้วน) โดยมีคณะครูและนักเรียนแต่ละแห่งร่วมในพิธี และบรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่น 

.



โดยเมื่อระหว่างวันที่ 14 พฤศจิกายน – 25 ธันวาคม 2565 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ลงพื้นที่แจกจ่ายผ้าห่มพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ประสบ “ภัยหนาว” ในถิ่นทุรกันดาร ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต้ ประกอบด้วย จังหวัดอุทัยธานี กำแพงเพชร สุโขทัย ตาก แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง พิจิตร พิษณุโลก อุตรดิตถ์ แพร่  น่าน  พะเยา เชียงราย   นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ มุกดาหาร นครพนม บึงกาฬ สกลนคร ลพบุรี เพชรบูรณ์ เลย หนองบัวลำภู หนองคาย อุดรธานี กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ยโสธร  ขอนแก่น ชัยภูมิ กาญจนบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร รวม 4 ภาค 40 จังหวัด รวมผ้าห่มพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค จำนวน 47,000 ชุด คิดเป็นมูลค่ากว่า 29 ล้านบาท โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานรัฐเป็นประธานในพิธี  พร้อมด้วยมูลนิธิฯ / สมาคมจีนประจำจังหวัดต่างๆ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี

.

.



โครงการสงเคราะห์ผู้ประสบภัยหนาว เป็นโครงการที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งดำเนินการต่อเนื่องมาไม่ต่ำกว่า 60 ปี รวมถึงโครงการอื่นๆ ที่มูลนิธิฯ ได้ดำเนินการเพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างครบวงจรชีวิต ภายใต้ปณิธาน “ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”  ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

.





#แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418 

#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

วันพฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2565

พร้อม!“ศักดิ์สยาม”ตอบกระทู้สดย้ำ! คมนาคมมีแผนการอำนวยความสะดวกปลอดภัยรองรับประชาชน เดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566

 พร้อม!“ศักดิ์สยาม”ตอบกระทู้สดย้ำ! คมนาคมมีแผนการอำนวยความสะดวกปลอดภัยรองรับประชาชน เดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566





นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ตอบกระทู้สด นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เรื่อง กระทรวงคมนาคมมีแผนการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยรองรับการเดินทางของประชาชน ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 อย่างไร


เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2565 ณ อาคารรัฐสภา

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ตอบกระทู้สด นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เรื่อง กระทรวงคมนาคมมีแผนการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยรองรับการเดินทางของประชาชน ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 ว่า กระทรวงคมนาคมได้เตรียมความพร้อมในการรองรับการเดินทางของประชาชน เพื่อให้ประชาชนได้เดินทางกลับภูมิลำเนา หรือเดินทางไปท่องเที่ยงได้อย่างสะดวก ปลอดภัย และห่างไกลโควิด โดยมีแผนการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยรองรับการเดินทางของประชาชน ช่วงเทศการปีใหม่ 2566 ดังนี้


เทศกาลปีใหม่มีวันหยุดราชการ ติดต่อหลายวัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 30 – 31 ธันวาคม 2565 และต่อเนื่องไปถึงวันที่ 1 – 2 มกราคม 2566 เป็นเวลาทั้งสิ้น 4 วัน รัฐบาลโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ได้กำหนดแนวทางในการดำเนินการและตัวชี้วัดสำหรับหน่วยงานต่าง ๆ ในการเตรียมความพร้อมช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ที่จะมาถึงนี้ ในส่วนของกระทรวงคมนาคมได้รับผิดชอบตัวชี้วัด ได้แก่ จำนวนครั้งการเกิดอุบัติเหตุ จำนวนผู้เสียชีวิต และจำนวนผู้บาดเจ็บที่เกิดบนถนน รวมถึงการบริการรถขนส่งสาธารณะต้องลดลงไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 จากการคาดการณ์ปริมาณการเดินทางของกระทรวงคมนาคม จะมีประชาชนจำนวนมากเดินทางเพื่อกลับภูมิลำเนา ท่องเที่ยว หรือทำบุญด้วยรถยนต์ส่วนบุคคล และใช้บริการขนส่งสาธารณะ กระทรวงคมนาคมจึงได้จัดทำแผนการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยรองรับการเดินทางของประชาชน ช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2566 เริ่มระหว่างวันที่  29 ธันวาคม 2565 – วันที่ 4 มกราคม 2566 พร้อมกำชับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมบูรณาการร่วมกันขับเคลื่อนแผนให้เกิดผลสัมฤทธิ์ “เพื่อให้ประชาชนเดินทางสะดวก ปลอดภัย ห่างไกล COVID-19” ในมิติต่าง ๆ ดังนี้


1. มิติอำนวยความสะดวกในการเดินทาง จากการคาดการณ์ของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ในช่วง 7 วัน ของเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2566 จะมีปริมาณการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะรวม 14.31 ล้านคน – เที่ยว เพิ่มขึ้นจากช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งมีอยู่ 8.33 ล้านคน – เที่ยว โดยจำนวนคนเดินทางที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการคลี่คลายของปัญหาโรคระบาดไวรัสโควิด-19 และการที่รัฐบาลมีนโยบายเปิดประเทศ รับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่มีความต้องการเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยการเดินทางในกรุงเทพมหานครส่วนใหญ่เป็นรถไฟฟ้าและรถโดยสารสาธารณะ สำหรับการเดินทางระหว่างจังหวัดส่วนใหญ่เป็นการเดินทางด้วยเครื่องบิน รถโดยสารสาธารณะ และรถไฟ ตามลำดับ กระทรวงคมนาคมได้สั่งการให้จัดเตรียมระบบขนส่งสาธารณะทางบก ราง น้ำ และอากาศ รวมถึงการเชื่อมต่อการเดินทาง เพื่อให้บริการแก่พี่น้องประชาชนอย่างเพียงพอและเป็นไปตามมาตรฐานสากลเพื่อให้ประชาชนเดินทางอย่างสะดวกและปลอดภัยมากที่สุด


นอกจากนี้ สนข.ได้คาดการณ์ว่าในช่วง 7 วันของเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2566 จะมีปริมาณจราจรขาเข้าและขาออกกรุงเทพมหานครบนทางหลวงสายหลัก 5 เส้นทาง ในสายเหนือ อีสาน ตะวันออก ตะวันตกและใต้ รวม 4.79 ล้านคัน ดังนั้นเพื่อบริหารการจราจรให้เกิดความคล่องตัว กระทรวงคมนาคมรณรงค์ให้ประชาชนวางแผนการเดินทางล่วงหน้า เพื่อกระจายการเดินทางและเหลื่อมเวลาการเดินทางในเส้นทางเข้า – ออกกรุงเทพมหานคร โดยขอความร่วมมือให้ผู้ที่มีภูมิลำเนาบ้านใกล้ (ระยะทาง 200 – 300 กิโลเมตร จากกรุงเทพมหานคร) เดินทางออกจากกรุงเทพทีหลัง และเดินทางกลับเข้ากรุงเทพก่อน โดยเดินทางออกจากกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2565 และกลับเข้ากรุงเทพมหานคร ก่อนวันที่ 2 มกราคม 2566 ซึ่ง สนข.คาดการณ์ว่าหากประชาชนให้ความร่วมมือดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวจะช่วยลดปริมาณการจราจรที่เกินกว่าความจุของถนนทั้งขาออกและขาเข้าได้ร้อยละ 75 และ 25 ตามลำดับ ทั้งนี้ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมได้เสนอมาตรการจูงใจให้ประชาชนวางแผนการเดินทาง เช่น บขส. ลดค่าโดยสาร 10 % ทุกเส้นทาง สำหรับผู้โดยสารที่จองตั๋วล่วงหน้าผ่านช่องทางออนไลน์


นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมได้เตรียมมาตรการบริหารจัดการจราจรบนเส้นทางถนนสายหลักและสายรองที่มีการจราจรหนาแน่นติดขัด เช่น การคืนพื้นผิวจราจร/ช่องจราจรบริเวณโครงการก่อสร้าง (Work Zone) การห้ามรถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป เดินรถใน 7 เส้นทาง ในช่วงเทศกาลปีใหม่ และการประชาสัมพันธ์ให้ใช้เส้นทางเลี่ยง


2. มิติความปลอดภัยในการเดินทาง โดยตรวจสอบและปรับปรุงแก้ไขจุดเสี่ยงที่เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน เช่น บริเวณจุดกลับรถ ทางแยก ทางข้าม จุดตัดถนนกับรถไฟและทางลักผ่าน ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมมอบหมายหน่วยงานในสังกัดจัดทำแผนบริหารความปลอดภัยเพื่อลดความเสี่ยงโดยคัดเลือกจุดเสี่ยงที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง มาดำเนินการพัฒนาให้เกิดความปลอดภัยให้แล้วเสร็จก่อนการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ เช่น การปรับปรุงทางกายภาพของถนนและทางรถไฟ และสภาพแวดล้อม การติดตั้งป้ายเตือนและอุปกรณ์ความปลอดภัย การลดพฤติกรรมเสี่ยงในการขับขี่ โดยการรณรงค์ประชาสัมพันธ์สร้างความตระหนักรู้ โดยเน้นพฤติกรรมเสี่ยง “ไม่ขับเร็ว – คาดเข็มขัดนิรภัย – สวมหมวกนิรภัย – ดื่มไม่ขับ – รักษาวินัยจราจร” และกำกับดูแลให้ประชาชนปฏิบัติตามกฎหมายด้านความปลอดภัย โดยการตรวจความพร้อมของพนักงานขับขี่ ยานพาหนะ และสถานีทั้งทางบก ทางราง ทางน้ำและทางอากาศ การนำเทคโนโลยี เช่น กล้อง CCTV และระบบ GPS มาช่วยในการกำกับดูแลให้เกิดความปลอดภัย และการตั้งด่านตรวจความพร้อมของรถและพนักงานขับรถโดยสารบริเวณสถานีขนส่ง จุดจอด (Rest Area) และจุดตรวจความพร้อม (Checking Point) ทั่วประเทศ โดยการบูรณาการความร่วมมือระหว่างกระทรวงคมนาคมและกระทรวงมหาดไทยเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนให้เกิดความปลอดภัยในการเดินทางในระดับท้องถิ่น เช่น การรณรงค์ให้ชุมชนดูแลกันเอง การเฝ้าระวังจุดตัดถนนกับรถไฟ การดูแลจุดเสี่ยง และการตั้งจุดตรวจบริเวณชุมชน


3. มิติด้านการควบคุม COVID-19 กระทรวงคมนาคมเน้นย้ำให้ระบบขนส่งสาธารณะต้องดำเนินมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 ตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด


4. การเตรียมการให้บริการประชาชน

หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมได้ร่วมกันให้บริการประชาชน ในช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2566 ประกอบด้วย


– ยกเว้นการจัดเก็บค่าธรรมเนียมในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 เป็นเวลา 7 วัน (ตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2565 – วันที่ 4 มกราคม 2566) สำหรับมอเตอร์เวย์ 2 เส้นทาง ได้แก่ มอเตอร์เวย์หมายเลข 7 (กรุงเทพมหานคร – เมืองพัทยา) และมอเตอร์เวย์หมายเลข 9 (สายวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ถนนกาญจนาภิเษก ตอนบางปะอิน – บางพลี และตอนพระประแดง – บางแค) และทางพิเศษ 2 เส้นทาง ได้แก่ ทางพิเศษบูรพาวิถีและกาญจนาภิเษก รวมทั้ง ทางพิเศษอีก 3 เส้นทาง ได้แก่ ทางพิเศษศรีรัช ทางพิเศษอุดรรัถยา และทางพิเศษเฉลิมมหานคร ยกเว้นค่าธรรมเนียมเป็นเวลา 2 วัน (ตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2565 – วันที่ 1 มกราคม 2566)


– เปิดให้ใช้เป็นการชั่วคราวเส้นทางมอเตอร์เวย์หมายเลข 6 ช่วงปากช่อง – สีคิ้ว – ขามทะเลสอ ระยะทาง 64 กิโลเมตร เฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2566 เป็นการเดินรถทางเดียวขาออกเป็นเวลา 3 วัน (ตั้งแต่วันที่ 29 – 31 ธันวาคม 2565) และเดินรถทางเดียวขาเข้าเป็นเวลา 4 วัน (ตั้งแต่วันที่ 1 – วันที่ 4 มกราคม 2566)  


– ให้บริการที่จอดรถฟรี ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริเวณลานจอดรถยนต์ระยะยาว โซน C เป็นเวลา 7 วัน (วันที่ 29 ธันวาคม 2565 – วันที่ 4 มกราคม 2566)


นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มีข้อสั่งการเน้นย้ำ ให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ดำเนินการดังนี้


1. ให้หน่วยงานขับเคลื่อนแผนนำไปสู่การปฏิบัติ โดยจัดทำ Checklist และติดตามการดำเนินงาน


2. ให้กรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบท บริหารจัดการจุดเสี่ยง เช่น ทางโค้ง ทางลาดชัน จุดตัด และจุดบริการน้ำมัน โดยจัดเจ้าหน้าที่ดูแลบริหารจราจร และทำการติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์ล่วงหน้า นอกจากนี้ให้ทำการตรวจสอบพื้นที่การก่อสร้างไม่ให้เกิดอุบัติเหตุเหมือนที่ผ่านมา ให้ทำการเปิดเลนพิเศษในระยะทางที่ยาวขึ้น รวมทั้งการให้บริการแอปพลิเคชั่นในการรายงานสภาพจราจรให้ประชาชนรับทราบแบบ Real-Time


3. ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย ประสานการดำเนินการกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทำการดูแลความปลอดภัยบริเวณจุดตัดรถไฟ รวมถึงตรวจสอบความพร้อมของอุปกรณ์อาณัติสัญญาณ


4. ให้กรมการขนส่งทางบก เข้มงวดเรื่องจุดตรวจความพร้อม (Checking Point) เน้นตรวจความพร้อมของผู้ขับขี่และยานพาหนะ รวมถึงผู้ประกอบการเดินรถให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ และกำชับรถรับจ้างสาธารณะให้บริการประขาชน โดยไม่ให้เกิดการร้องเรียน


5. ผู้ให้บริการระบบขนส่งสาธารณะทางบก ราง น้ำ และอากาศ เตรียมยานพาหนะให้พร้อมและเพียงพอ โดยกำหนดเป้าหมายให้มีอุบัติเหตุในระบบขนส่งสาธารณะเป็นศูนย์ รวมถึงให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือประชาชนในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ หรือรถเสียในระหว่างการเดินทาง

กระทรวงพลังงาน กฟผ. และพันธมิตร จัด Box set ยกขบวนของขวัญ ส่วนลดที่พักเขื่อน ส่งมอบความสุขให้คนไทยรับปีใหม่ 2566

 


กระทรวงพลังงาน กฟผ. และพันธมิตร จัด Box set ยกขบวนของขวัญ ส่วนลดที่พักเขื่อน ส่งมอบความสุขให้คนไทยรับปีใหม่ 2566  



ปีใหม่นี้ กฟผ. จัดใหญ่ จับมือ รฟท. 8 จังหวัด ส่งคนไทยกลับบ้านด้วย Box Set แสนกล่อง  น้ำดื่ม ล้านขวด สร้างความสุข ในการเดินทางท่องเที่ยวและกลับบ้าน พร้อมมอบสิทธิ์ชอปสินค้าชุมชน 1 แถม 1 ฟรีค่าจัดส่ง และส่วนลดครึ่งราคาที่พักเขื่อน กฟผ. ทั่วประเทศ 



วันนี้ (29 ธันวาคม 2565) นายประเสริฐศักดิ์ เชิงชวโน รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในฐานะโฆษก กฟผ.  เปิดเผยว่า ช่วงปีใหม่ กฟผ. พร้อมดูแลความมั่นคงในระบบไฟฟ้า และร่วมส่งมอบความสุขให้กับคนไทยต้อนรับปีใหม่ 2566 ด้วยของขวัญพร้อมสิทธิประโยชน์มากมาย ให้คนไทยเดินทางกลับบ้านและท่องเที่ยวได้อย่างสบายใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายช่วงวิกฤตราคาพลังงานอีกด้วย ยิ่งในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้  มีประชาชนเดินทางกลับบ้าน รวมถึงเดินทางท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก  กฟผ. จึงจับมือกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จัดทำ Box set ผลิตภัณฑ์ชุมชน และน้ำดื่มน้ำใจ  แสนกล่อง มอบให้กับผู้เดินทางกลับบ้านหรือท่องเที่ยวด้วยรถไฟจากสถานีหลัก ได้แก่ สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ สถานีรถไฟสามเสน สถานีรถไฟบางซื่อ สถานีรถไฟบางเขน สถานีรถไฟหลักสี่ สถานีรถไฟดอนเมือง สถานีรถไฟรังสิต สถานีรถไฟมักกะสัน สถานีรถไฟวงเวียนใหญ่ และสถานีรถไฟธนบุรี ระหว่างวันที่ 29 – 30 ธันวาคม 2565 โดยได้รับเกียรติจากนายสมบูรณ์ หน่อแก้ว รองปลัดกระทรวงพลังงาน และนายอนันต์ โพธิ์นิ่มแดง รองผู้ว่าการ รฟท. ร่วมมอบ Box set ให้กับผู้เดินทางในวันที่ 29 ธันวาคม 2565 ณ สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) นอกจากนี้ กฟผ. ยังได้ส่งมอบน้ำดื่ม “น้ำใจ กฟผ.”  1,000,000 ขวด ให้กับ 8 จังหวัดเส้นทางหลักเพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนที่เดินทางทั่วประเทศ อาทิ จ.นครราชสีมา จ.สระบุรี เส้นทางไปภาคอีสาน จ.อยุธยา จ.นครสวรรค์ เส้นทางไปภาคเหนือ เป็นต้น






ยังไม่หมดเท่านี้ กฟผ. ปล่อยโปรโมชั่นจัดหนักชอปผลิตภัณฑ์ชุมชนผ่านแพลตฟอร์ม “เอนจี้ มีดี”http://engymeedee.egat.co.th  ซื้อ 1 แถม 1 จำนวน 10,000 สิทธิ์ และโปรโมชั่นค่าส่งฟรี เมื่อซื้อสินค้าครบ 500 บาทต่อ 1 ร้านค้า จำนวน 10,000 สิทธิ์ โดยเข้าไปใช้สิทธิ์ชอปได้ตั้งแต่วันนี้ – 25 มกราคม 2566 พร้อมขอส่งมอบธรรมชาติที่สวยงาม ด้วยส่วนลดครึ่งราคาที่พักเขื่อน  30,000 สิทธิ์ และคูปองเครื่องดื่มร้านกาแฟคุณสายชลมูลค่า 60 บาท ให้กับผู้เข้าพัก เพื่อให้คนไทยได้ท่องเที่ยวพักผ่อนชาร์จพลังกาย พลังใจ ในเขื่อน กฟผ. ทั่วประเทศ ได้แก่ เขื่อนภูมิพล จ.ตาก เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ เขื่อนศรีนครินทร์ เขื่อนวชิราลงกรณ จ.กาญจนบุรี เขื่อนสิรินธร จ.อุบลราชธานี เขื่อนจุฬาภรณ์ จ.ชัยภูมิ เขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น และเขื่อนรัชชประภา จ.สุราษฎร์ธานี  เข้าพักได้ตั้งแต่วันนี้ – 25 มกราคม 2566  ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือจองที่พักได้ทุกเขื่อน กฟผ. 


#สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย

จ.บุรีรัมย์ ร่วมเปิดศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน(ศปถ.) ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 เน้นลดปัจจัยเสี่ยงอุบัติเหตุ ลดบาดเจ็บ เสียชีวิต

 จ.บุรีรัมย์ ร่วมเปิดศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน(ศปถ.) ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 เน้นลดปัจจัยเสี่ยงอุบัติเหตุ ลดบาดเจ็บ เสียชีวิต

     



 วันนี้  (29 ธ.ค.65 )  เวลา 10.30 น. ที่ ห้องศูนย์ปฏิบัติการจังหวัดบุรีรัมย์ ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดบุรีรัมย์ นายปิยะ  ปิจนำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นประธานร่วมพิธีเปิดศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน(ศปถ.) ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 ผ่านระบบ Video Comference  โดย ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ในฐานะผอ.ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน เป็นประธานเปิดศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน(ศปถ.) ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 และเป็นประธานการประชุมศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน ภายใต้แนวคิดชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัยไร้อุบัติเหตุ โดยกำหนดช่วงควบคุมเข้มข้นระหว่างวันที่ 29 ธ.ค.65 – 4 ม.ค.66 มุ่งลดปัจจัยเสี่ยงอุบัติเหตุทางถนนด้วยการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ควบคู่ไปกับการอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชน 



         ที่ประชุมมอบหมายให้ทุกภาคส่วนบูรณาการลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุรวมถึงให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและจังหวัดเข้มงวดบังคับใช้กฎหมายตาม 10 มาตรการหลักและให้ทุกจังหวัดใช้กลไกด่านชุมชนเพื่อป้องปรามกลุ่มเสี่ยงและบุคคลที่มีพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุ บังคับใช้กฎหมายการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเข้มงวดตลอดจนดูแลความปลอดภัยในพื้นที่



          โดยเน้นย้ำในระดับพื้นที่ ทั้งฝ่ายปกครองตำรวจ ทหาร และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขให้ดูแลความปลอดภัย และช่วยกันดำเนินการขับเคลื่อนมาตรการต่างๆ ให้เกิดความปลอดภัยกับประชาชน ซึ่งมาตรการต่างๆที่จะดำเนินการจะเป็นไปตามกฎหมาย หากเมาแล้วขับจะมีการยึดรถไว้ก่อน และสิ่งสำคัญที่สุดคือการสร้างความตระหนักรู้ให้กับผู้ใช้รถใช้ถนน



          ทั้งนี้ นโยบายการลดอุบัติเหตุได้ดำเนินการมาทั้งปีตามนโยบายของรัฐบาล แต่ช่วงนี้เป็นช่วงที่เข้มข้น เพราะประชาชนเดินทางมากในช่วงเทศกาลปีใหม่ จำเป็นจะต้องกำหนดมาตรการในช่วงเทศกาลเป็นกรณีพิเศษ อย่างไรก็ตาม เป้าหมายของศปถ. คือการลดจำนวนครั้งของการเกิดอุบัติเหตุ จำนวนผู้เสียชีวิตและจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บให้ได้ไม่น้อยกว่า 5% เมื่อเทียบกับสถิติในช่วงเทศกาลเฉลี่ย 3 ปีย้อนหลัง รวมถึงจะมีการติดตามผลการดำเนินงานในระดับพื้นที่อำเภอเสี่ยงพร้อมกำหนดมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนที่มุ่งลดปัจจัยให้ครอบคลุมทุกมิติ

       สำหรับศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัดบุรีรัมย์ จะมีการประชุมคณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัด ระหว่างวันที่ 30 ธันวาคม 2565 ถึง วันที่ 4 มกราคม 2566  ในเวลา 09.00 น. ณ ห้องศูนย์ปฏิบัติการจังหวัด ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อร่วมประชุมกับส่วนกลาง และ รับทราบผลการดำเนินงานด้านการอำนวยการความปลอดภัยทางถนน ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 รวมถึง เพื่อกำกับติดตาม เน้นย้ำข้อปฏิบัติ ตามข้อสั่งการ ของ ศปถ. และวิเคราะห์สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุในพื้นที่ และติดตามมาตรการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะ มาตรการเฝ้าระวังการ เมาแล้วขับ และ มาตรการในการรณรงค์สวมหมวกนิรภัยทุกครั้งในการขับขี่รถจักรยานยนต์ เพื่อความปลอดภัย



ธีรยุทธ์ ชำนาญกอง  จ.บุรีรัมย์ รายงาน

“วัดดวงแข” ร่วมสนง.เขตปทุมวัน หัวหน้าส่วนราชการ ชุมชนรอบวัด จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพรแด่ ‘พระองค์ภา’

 “วัดดวงแข” ร่วมสนง.เขตปทุมวัน หัวหน้าส่วนราชการ ชุมชนรอบวัด จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพรแด่ ‘พระองค์ภา’



เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 65 ณ อุโบสถวัดดวงแข จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ เพื่อถวายพระพรชัยมงคล แด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา





เพื่อเป็นการรวมใจ ของพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า ในการแสดงความจงรักภักดีและร่วมบำเพ็ญกุศลเพื่อถวายพระพรแด่พระองค์ ผู้ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย โดยต่างก็ได้ร่วมกันหลอมรวมดวงใจ เจริญจิตตภาวนา และตั้งจิตอธิษฐาน ขอให้พระองค์ทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว





ในการนี้มี พระครูประพัฒน์เขมคุณ เจ้าอาวาสวัดดวงแข เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมพระครูโสภณ ธรรมโชติ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส และเลขานุการ วัดดวงแข รองประธานฝ่ายสงฆ์ และนางสาวสุขวิชญาณ์ นสมทรง ผู้อำนวยการเขตปทุมวัน ได้มอบหมายให้ นางประเพ็ญ ดิษฐสุวรรณ รองผู้อำนวยการเขตปทุมวัน เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ได้เปิดกรวยกระทงดอกไม้เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ฯ คุณสมศักดิ์ ศรีสุภรวาณิชย์ รองประธานฝ่ายฆราวาสร่วมเจริญพระพุทธมนต์เจริญจิตภาวนา ต่อจากนั้นประธานในพิธีถวายเครื่องจตุปัจจัยไทยธรรม แด่พระสงฆ์จำนวน 39 รูป เพื่อถวายเป็นพระกุศลแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา  




โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ สำนักงานเขตปทุมวัน สภาวัฒนธรรมเขตปทุมวัน ตำรวจปทุมวัน สาธารณสุข 5 จุฬาฯ และ โรงเรียวัดดวงแข เข้าร่วมประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และร่วมกันเจริญจิตภาวนาถวายพระพรให้ทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว


////////

กำลังอัปโหลด: อัปโหลดแล้ว 558763 จาก 558763 ไบต์