"สามารถ ย้อนอดีต ครบรอบ128 ปี วิกฤตการณ์112 เราคนไทยยังผ่านมาได้ ให้สำนึกเงินถุงแดง พร้อมปลุกความสามัคคีแก้ภัยโควิด !!
เมื่อวันที่ 13 ก.ค.64 ที่ผ่านมา นาย สามารถ เจนชัยจิตรวนิช ประธานสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่แห่งประเทศไทย ได้โพสต์เฟสบุ๊คส่วนตัว ว่าวันที่ 13 ก.ค.เป็นวันครบรอบ 128 ปี ที่ประเทศไทยได้เกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ที่ เรียกว่า ร.ศ.112 ผมขออนุญาตเล่าย้อนไปวันนี้ในเมื่อ 128 ปีที่แล้วคือ เมื่อวันที่ 13 ก.ค.2436 ในวันนั้นประเทศฝรั่งเศสได้ส่งเรือรบ 2 ลำ และเรือสินค้าซึ่งเป็นเรือนำร่องอีก 1 ลำ ให้แล่นเข้ามาโดยมาทางปากแม่น้ำเจ้าพระยา จึงได้เกิดการยิงปะทะกันด้วยด้วยปืนใหญ่ของประเทศไทยที่บริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้า โดยตั้งอยู่ที่ อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ โดยการยิงปะทะในครั้งนั้นทำให้เรือนำร่องฝรั่งเศสได้จมลง 1 ลำ และมีทหารฝรั่งเศสได้เสียชีวิต 3 นาย บาดเจ็บอีก 3 นาย ส่วนทางฝ่ายไทย มีความเสียหายคือเรือหลวงมกุฏราชกุมารถูกยิงเสียหาย และมีทหารไทยเสียชีวิตลง 8 นาย บาดเจ็บอีก 40 นาย แต่สุดท้ายเรือรบฝรั่งเศสทั้งสองลำ ก็สามารถแล่นผ่านเข้ามาจอดลอยลำอยู่หน้าสถานทูตฝรั่งเศส ย่านเจริญกรุง (ปัจจุบันคือบ้านพักเอกอัครราชทูตฝรั่งเศส ใกล้โรงแรมโอเรียลเต็ล) โดยสมทบกับเรือรบฝรั่งเศสอีก 1 ลำที่จอดลอยลำอยู่ก่อนแล้ว
เรือรบฝรั่งเศสที่เข้ามาถึงพระนครในเวลานั้นได้หันปากกระบอกปืนมาทางพระบรมมหาราชวัง ทำให้ชาวพระนครหวาดกลัวพากันพยายามอพยพหนีภัย รัฐบาลฝรั่งเศสจึงมีคำสั่งให้นายปาวี เดินหน้าเจรจาต่อในวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ.2436 ม.ปาวี ตัวแทนของรัฐบาลฝรั่งเศส ได้ยื่นคำขาดต่อรัฐบาลไทย 6 ข้อ คือ
1.รัฐบาลไทยยอมรับว่าดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงเป็นของฝรั่งเศส
2.รัฐบาลไทยจะถอนทหารออกจากฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงภายใน 1 เดือน
3.รัฐบาลไทยจะต้องทำความพอใจให้กับฝรั่งเศสกรณีทุ่งเชียงคำและคำม่วน (คดีพระยอดเมืองขวาง) และกรณีที่ไทยโจมตีเรือรบฝรั่งเศสที่ปากน้ำ
4.รัฐบาลไทยต้องลงโทษเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยที่ทำผิดตามข้อ 3 และจ่ายเงินให้กับครอบครัวของผู้เสียหายในข้อ 3
5.ค่าเสียหายนี้ให้จ่ายเป็นเงิน 2,000,000 ฟรังก์ เป็นค่าปรับไหมในความเสียหายต่างๆ ที่เกิดขึ้นแก่ชนชาติฝรั่งเศส
6.ให้จ่ายเงิน (อีก) 3,000,000 ฟรังก์ โดยให้ชำระเป็นเงินเหรียญโดยทันที “เป็นมัดจำ” การจะชดใช้ค่าเสียหายต่างๆ และเงินค่าทำขวัญในข้อ 4 และ 5 หรือถ้าไม่สามารถ ก็ต้องยอมให้รัฐบาลฝรั่งเศสมีสิทธิเก็บภาษีอากรในเมืองพระตะบองและเสียมราฐ
สำหรับเงินค่าปรับจำนวน 3 ล้านฟรังก์นั้น แม้จะนำ "เงินถุงแดง" หรือเงินพระคลังข้างที่ ซึ่งเป็นเงินที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงเก็บสะสมไว้โดยได้กำไรมาจากการที่ได้ส่งเรือสำเภาไปค้าขายกับต่างชาติเอาไว้ แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่เพียงพอที่จะจ่ายค่าไถ่ โดยผมจะให้ทุกคนเห็นว่าเมื่อสมัยสิ้นแผ่นดินรัชกาลที่ 3 นั้น มีเงินในพระคลังข้างที่เหลือจากจับจ่ายในราชการแผ่นดินจำนวน 40,000 ชั่ง (3,200,000 บาท) ซึ่งพระองค์ทรงขอไว้ 10,000 ชั่ง (800,000 บาท) เพื่อสร้างวัดที่ค้างไว้ให้แล้วเสร็จ ส่วนที่เหลือนั้นถวายพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ใหม่ตามแต่จะทรงใช้ พอขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 ในส่วนเงินแผ่นดินที่ทรงได้รับจากพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ นั้น มีจำนวนมากกว่าที่อ้างถึงอีก 5,000 ชั่งเศษ รวมทั้งหมดเป็น 45,000 ชั่งเศษ (หรือประมาณ 3,600,000 บาท)”
ในเวลานั้นฝรั่งเศสไม่ต้องการให้ไทยจ่ายค่าเสียหายเป็นธนบัตร โดยในเวลานั้นเงินที่มีไม่พอไถ่จึงขอจาก พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชบริพาร ต่างพยายามรวบรวมทรัพย์สินเข้าสมทบจนครบ โดยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าละม่อม กรมพระยาสุดารัตนราชประยูร เสด็จอาของสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี พระราชมารดาในรัชกาลที่ 5 ซึ่งทรงเลี้ยงดูล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 มาตั้งแต่พระเยาว์ เป็นพระบรมวงศานุวงศ์ที่ทรงบริจาคสมทบมากที่สุด โดยเงินค่าปรับที่จ่ายให้ฝรั่งเศสนั้น เป็นเหรียญทองเม็กซิโก ผมขออธิบายให้เห็นภาพว่าในสมัย ร.3 มีเงินจากต่างประเทศ เช่น เม็กซิโก, เปรู,รูปีอินเดีย เป็นต้น เป็นที่ยอมรับในการแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้ากันอยู่ในเมืองไทยแล้ว เงินเม็กซิกันเป็นเงินเหรียญทอง ที่มีรูปนกอินทรีอยู่ด้านหนึ่ง (รูปนกอินทรีกางปีก ปากคาบอสรพิษ เป็นสัญลักษณ์ของประเทศเม็กซิโก) ไทยจึงเรียกเหรียญนก มีอัตราแลกเปลี่ยนในเวลานั้นอยู่ที่ 3 เหรียญนกมีค่าต่อเงินไทยประมาณ 5 บาท และ 48 เหรียญนกต่อเงินไทย 1 ชั่ง โดยเงินที่ให้กับฝรั่งเศสนั้นรวมทั้งหมด 801,282 เหรียญ ซึ่ง1เหรียญเท่ากับ 3.2 ฟรังก์ น้ำหนักของเงินเหรียญทั้งหมดรวมกันกว่า 23 ตัน ต้องขนกันทั้งวันทั้งคืนใส่รถออกจากประตูต้นสน พระบรมมหาราชวัง ไปลงเรือที่ท่าราชวรดิษฐ์ เพื่อให้ทันตามกำหนด 24 ชั่วโมงที่ฝรั่งเศสยื่นคำขาด ล้อรถเที่ยวแล้วเที่ยวเล่าที่บรรทุกน้ำหนักเงินเหรียญ 23 ตันนั้น กดทับจนทำให้หินปูถนนเกิดรอยสึก
ที่ผมเขียนเล่าเหตุการณ์ในอดีตให้ฟังนั้น เพื่อเป็นอุทาหรณ์เตือนใจว่าประเทศไทยเราผ่านเหตุการณ์รุนแรงมาแล้วหลายครั้ง ครั้งนี้เราทุกคนเจอปัญหาโควิด ผมก็ยังมั่นใจว่าพวกเราคนไทยทุกคนผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้อย่างแน่นอน
#รศ112
#COVID
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น