วันนี้ 11/11/62 เวลา 13.00น. ณ โรงแรมดับเบิ้ลยูแถวสาธร
ได้มีการ แถลงข่าวชี้แจงเรื่องการตรวจสอบบัญชีของบริษัท พร้อมแจ้งดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่
ที่เกี่ยวข้อง ใน สภ.บางใหญ่ โดยมี นางสาวพัชรินทร์ เหมอังกูร
กรรมการผู้จัดการและผู้ถือหุันใหญ่ โดยบริษัท กูร์เมท์วัน
ฟู้ดส์เซอร์วิส(ประเทศไทย) จำกัด เป็นบริษัทนำเข้า และเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายอาหารระดับพรีเมี่ยม
ให้กับโรงแรมชั้นนำ ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ต ตั้งแต่ปี 2007
เนื่องจากเมื่อกลางปีที่ผ่านมาคู่ค้า , ลูกค้า,รวมทั้งซัพพลายเออร์อาจ ได้ยินเรื่องราวและความวุ่นวายที่เกิดขึ้นภายในบริษัท ดังนั้นวันนี้จึงได้ขอชี้แจงเพื่อให้ทุกคนทราบ ในเรื่องของคดียักยอกทรัพย์ตามที่ อดีตกรรมการ ได้เข้าแจ้งความ กับ สภ.บางใหญ่ นั้นตั้งแต่เกิดเหตุทางบริษัทได้มีการเรียกประชุมวิสามัญโดยมีนางโบตั๋น เหมอังกูร เป็นกรรมการผู้มีอำนาจเป็นประธานในที่ประชุม และมีมติให้มีการตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชีและนักบัญชี หลังจากการตรวจสอบแล้วไม่พบการทุจริตและบริษัทไม่ได้รับความเสียหายตามที่อดีตกรรมการกล่าวอ้าง จึงมีมติให้ถอนแจ้งความโดย นางโบตั๋น เหมอังกูร ได้มอบอำนาจให้พนักงานผู้รับมอบอำนาจดำเนินการถอนแจ้งความตามมติที่ประชุมและทางบริษัทได้ดำเนินการถอนแจ้งความแล้วเสร็จในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมา
ซึ่งก่อนหน้าที่จะเกิดความวุ่นวาย
อดีตกรรมการต้องการจะขายหุ้นของตนเอง โดยอดีตกรรมการได้จ้างบริษัทผู้สอบบัญชีที่มีชื่อเสียงและมีสาขาในหลายประเทศ
เข้ามาทำการประเมิน โดยทางนางสาวพัชรินทร์ และพนักงานในบริษัท
ได้ให้ข้อมูลและส่งเอกสาร สมุดรายวันรับ – จ่าย สมุดรายวันทั่วไป
และสมุดแยกประเภทและเอกสารต่างๆตามทีมีการร้องขอ ซึ่งเมื่อประเมินเสร็จ
บริษัทที่ทำการประเมินได้ประเมิน มูลค่าบริษัทมากกว่า 900ล้านบาท (สัดส่วน 100%) ซึ่งตั้งขอสังเกตุได้ว่าหากพบการทุจริต
บริษัทตรวจบัญชีข้ามชาติจะตีมูลค่าบริษัทสูงได้อย่างไร?? จากนั้น อดีตกรรมการได้ทำการเสนอขายหุ้นบริษัทให้
กับบุคคลอื่นรวมทั้งนางสาวพัชรินทร์ จากนั้นอดีตกรรมการและนางสาวพัชรินทร์จึงมีการตกลงซื้อ
- ขายหุ้นดังกล่าว 42.5 % ในราคา 430 ล้านบาท นางสาวพัชรินทร์ได้โอนเงินมัดจำจำนวน 10
ล้านในวันที่ 26 มีนาคม 2562
โดยไม่ได้ทำสัญญาแต่อย่างใด เมื่อนางสาวพัชรินทร์ ส่งสัญญาให้เซ็น
ก็ได้รับการปฎิเสธ ต่อมาเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2562 ได้รับจดหมายจากสำนักงานกฎหมายแห่งหนึ่งซึ่งเป็นตัวแทนของอดีตกรรมการ
ส่งจดหมายแจ้งว่า อดีตกรรมการไม่ประสงค์ขายหุ้นในราคา 430
ล้านตามที่ตกลงกันไว้แต่ประสงค์ที่จะขายในราคา 700 ล้านบาท
(ตามเอกสารแนบ 1) และไม่มีการคืนเงินมัดจำแต่อย่างใด
ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการแจ้งความดำเนินคดีกับอดีตกรรมการ
นอกจากคดีดังกล่าวยังมีคดีที่ นางสาวพัชรินทร์ และ ผู้ถูกกล่าวหาอีก 3
ท่านได้ดำเนินการฟ้องศาลทุจริตและประพฤติมิชอบเพื่อดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวน สภ.
บางใหญ่
เนื่องจากเหตุการณ์ความวุ่นวายที่ผ่านมาเห็นได้ชัดว่ามีการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่โดยมิชอบ
ตามเอกสารดังนี้
รายละเอียดวันที่ออกหมาย วันนัดหมาย
วันที่ส่งหมาย และ วันที่รับหมาย
หมายเรียกผู้ต้องหาครั้งที่ 1 (เอกสารแนบ 2)25 กรกฎาคม 2562 31 กรกฎาคม 2562 26 กรกฎาคม 2562 27 กรกฎาคม 2562ออกหมายจับ 14
สิงหาคม 2562
หมายเรียกผู้ต้องหาครั้งที่ 2 (เอกสารแนบ 3) 25 กรกฎาคม 2562
13 สิงหาคม 2562 17 สิงหาคม 2562 19 สิงหาคม 2562
จากเอกสารดังกล่าวเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีการออกหมายจับตั้งแต่หมายเรียกผู้ต้องหาครั้งที่ 2 ยังไม่ได้ส่งออกจาก สภ.บางใหญ่ และหมายเรียกผู้ต้องหาครั้งที่ 1 และ 2 ลงวันที่เดียวกัน ซึ่งในระหว่างช่วงเวลาดังกล่าวได้มี พันตำรวจโท.... ได้ประสารเจรจายื่นข้อเสนอแลกกับการถอนคดีความทั้งหมดครั้งที่ 1 ตามรายละเอียดดังต่อไปนี้
1. ต้องเซ็นเช็คร่วมสองคนตั้งแต่นี้เป็นต้นไป
2. ต้องโอนหุ้นคืนให้ครบร้อยละ
50%ทันที
3. ต้องตัด จ่ายเงินปันผล
42.5% ตั้งแต่เดือนมกราคม 2562
จนถึงกรกฎาคม 2562
ก่อนจึงจะลงลายมือชื่อและจากนี้ไปต้องจ่ายเงินปันผลปีละสองครั้งในวันที่ 1 กุมภาพันธ์และ 1 สิงหาคมของแต่ละปี
4. ต้องส่งสำเนาเอกสารทางบัญชีให้ตรวจสอบทั้งหมดโดยไม่ปิดบังทุกไตรมาส
5. การประชุมกรรมการและผู้ถือหุ้น
ทุกครั้งต้องเรียกประชุมตามกฏหมาย
6. โอนหุ้นบริษัท
เรซิเดนซ์วัน จำกัด ที่เป็นเจ้าของที่ซอย 7
ทั้งหมดให้อดีตกรรมการและชำระหนี้ให้หมด
7. ปลดประกันทั้งหมดที่อดีตกรรมค้ำประกันบริษัทกูร์
เมท์วัน จำกัดออกทั้งหมด
8.ชำระหนี้สินทั้งหมดที่ธนาคารกรุงเทพทุกสาขาแทนอดีตกรรมการ
สุดท้ายให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่าจะเดินหน้าหาความยุติธรรมต่อไปก็ฝากถึงผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องด้วยว่าในประเทศไทยนี้ยังมีความยุติธรรมอยู่หรือไม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น