วันอังคารที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2562

นาย อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง, นาย พงศ์พิเชษฐ์ สุขจินดาทอง, นาย นพพร นามเชียงใต้ เดินทางยื่นคำร้องต่อ ท่านอัยการสูงสุด สำนักงานอัยการสูงสุด ประเด็นเพื่อขอให้ท่านอัยการสูงสุด ถอนฟ้องคดี " ล้มการประชุมอาเซี่ยนซัมมิท "


เมื่อเวลา ๑๐.๑๕ น.วันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๒ ณ.สำนักอัยการสูงสุด ชั้น ๒ ศูนย์ราชการ อาคาร A ถ.แจ้งวัฒนะ จ.นนทบุรี นาย อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง พร้อมด้วย นาย พงศ์พิเชษฐ์ สุขจินดาทอง และ นพพร นามเชียงใต้ ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม จากกรณีที่ถูกดำเนินคดีความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ ก่อความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ทำให้เสียทรัพย์ บุกรุก ความผิดต่อ พระราชบัญญัติจราจรทางบก โดยศาลขั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาแล้ว คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา รายละเอียดปรากฏตาม สำเนาคำพิพากษาของศาลจังหวัดพัทยา คดีอาญาหมายเลขดำที่ ๓๕๓๗ , ๓๖๕๐ , ๘๗๙๗/๒๕๕๒ คดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๘๔๘๘ , ๘๔๘๙ , ๕๘๔๕/๒๕๕๒ และ สำเนาคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ ภาค ๒ คดีอาญาหมายเลขดำที่ ๑๕๔๕ ถึง ๑๕๔๖/๒๕๕๘ คดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๑๙๖๑ ถึง ๑๙๖๒/๒๕๕๙



ต่อมาปรากฏความว่า พยานปาก พันตำรวจโทศราวุธ บุญชัย ซึ่งเป็นพยานปากสำคัญในคดี ได้ถูกดำเนินคดี ตามกฎหมายอาญามาตรา ๑๓๗ , ๑๗๒ , ๑๗๔ , ๑๗๗ และศาลได้มีคำ พิพากษาว่าพยานปากพันตำรวจโทศราวุธ บุญชัย มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๗ , ๑๗๒ , ๑๗๔ , วรรคสอง , ๑๗๗ วรรคสอง การกระทำของจำเลยมีความผิดหลายกรรม ฐานแจ้งความเท็จเพื่อให้ได้รับโทษทางอาญา ลงโทษตามมาตรา ๑๗๔ วรรคสอง จำคุก ๒ ปี และปรับ ๑๐,๐๐๐ บาท ฐานเบิกความเท็จต่อศาลในคดีอาญา มาตรา ๑๗๗ วรรคสอง ลงโทษจำคุก ๓ ปี และปรับ ๑๔,๐๐๐ บาท


ต่อมาโจทก์และจำเลยได้อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาเฉพาะมาตรา ๑๓๗ ส่วนการกระทำของจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๗๒ และมาตรา ๑๗๔ วรรคสอง เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท  ลงโทษตามมาตรา ๑๗๔ วรรคสอง ฐานแจ้งความเท็จกลั่นแกล้ง เพื่อให้บุคคลอื่นได้รับโทษทางอาญา ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีบทลงโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๙๐
รายละเอียดปรากฏตาม สำเนาคำพิพากษาศาลจังหวัดพัทยา คดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.๓๒๖๖/๒๕๕๙ คดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ.๒๖๗๘/๒๕๖๐ และ สำเนาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ภาค ๒ คดีอาญาหมายเลขดำที่ ๑๒๓/๒๕๖๑ คดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๑๐๐๑/๒๕๖๑ และขณะนี้ยังมีนาย ศักดิ์ดา นพสิทธิ์ ๑ ในจำเลย ซึ่งเป็นผู้เสียหายในกรณีเดียวกันนี้ ก็ได้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษไว้ต่อสถานีตำรวจเมืองพัทยาและสำนักงานอัยการจังหวัดพัทยาก็ได้มีคำสั่งฟ้องพยานปากนี้แล้ว ซึ่งมีกำหนดนัดส่งตัวผู้ต้องหาต่อพนักงานอัยการจังหวัดพัทยาในวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๒ นี้ ประกอบกับนายนพพร นามเชียงใต้ ๑ ในจำเลยซึ่งเป็นผู้เสียหายในกรณีเดียวกันนี้ได้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจเมืองพัทยาไว้แล้วเช่นกัน ซึ่งมีรายละเอียดปรากฏตามหนังสือสำนักงานอัยการจังหวัดพัทยา ที่ อส.๐๐๔๒ (พัทยา)/๕๖๑๔ และรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดี สถานีตำรวจเมืองพัทยา ลงวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๖๑


นายอริสมันต์พงษ์เรืองรอง กล่าวต่อว่าจากมูลเหตุดังกล่าวเบื้องต้น จะเห็นได้ว่าข้าพเจ้ากับพวกนั้นถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง และมีการตั้งข้อกล่าวหาที่หนักเกินกว่าความเป็นจริง เพราะในคดีนี้ข้าพเจ้ากับพวกมิได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด อีกทั้งยังปรากฏข้อเท็จจริงในเวลาต่อมาว่า อัยการโจทก์ได้นำพยานเอกสารและพยานบุคคลเข้าเบิกความเท็จต่อศาล จนเป็นเหตุให้ข้าพเจ้ากับพวกได้รับความเสียหาย การกระทำของอัยการโจทก์เป็นความผิดต่อกระบวนการยุติธรรม การที่อัยการโจทก์นำพยานหลักฐานอันเป็นเท็จเข้านำสืบในชั้นพิจารณาคดีต่อศาล ซึ่งสำนวนฟ้องของอัยการโจทก์เป็นการฟ้องคดีที่มิชอบด้วยกฎหมาย ข้าพเจ้ากับพวกจึงร้องขอความเป็นธรรมมายังท่านอัยการสูงสุด ได้โปรดพิจารณาดำเนินการมีคำสั่งให้อัยการโจทก์ถอนฟ้องคดีนี้ออกจากสารบบความเสียก่อนที่ศาลฎีกาจะมีคำสั่งพิพากษา และมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสืบสวนสอบสวนและดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาให้ถูกต้องและเป็นไปตามข้อเท็จจริงตามสำนวนในคดี เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายเพื่อให้ความยุติธรรมแก่ข้าพเจ้ากับพวกต่อไป นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง กล่าว


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น