วันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

การรถไฟฯ เผยรายชื่อบริษัทยื่นซองเอกสารข้อเสนอ “ร่วมลงทุน” โครงการสรรหาเอกชนเพื่อร่วมลงทุนเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง
*************************
วันนี้ (30 พฤศจิกายน 2561) ณ ห้องประชุม สถานีรถไฟบางซ่อน
เขตบางซื่อ การรถไฟแห่งประเทศไทยเปิดรับซองเอกสารข้อเสนอ“ร่วมลงทุน” โครงการสรรหาเอกชนเพื่อร่วมลงทุนเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง มีบริษัทเข้ายื่นซองเอกสารเสนอราคา จำนวน 1 ราย

ดร.ศิริพงศ์ พฤทธิพันธุ์ รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการซ่อมบำรุงรถจักรและล้อเลื่อนกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการคัดเลือกเพื่อดำเนินการสรรหาเอกชนเพื่อรับสัมปทานเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและ
แยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง เปิดเผยว่า ตามที่การรถไฟฯ ได้เปิดให้บริษัทเอกชนที่มีความสนใจเข้าซื้อเอกสารข้อเสนอร่วมลงทุน
โครงการสรรหาเอกชนเพื่อร่วมลงทุนเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง เมื่อวันที่ 3 กันยายน จนถึงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 ได้มีบริษัทเอกชนและบุคคลเข้าซื้อเอกสาร จำนวน 10 ราย และได้มีการชี้แจงรายละเอียดและตอบคำถามแก่บริษัทที่สนใจเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2561 โดยกำหนดรับซองข้อเสนอราคาในวันนี้ ซึ่งมีกลุ่มบริษัทเข้ายื่นข้อเสนอ จำนวน 1 ราย คือ กิจการร่วมค้า เอ แอล จี(ประเทศไทย) ประกอบด้วย บริษัท อีสเทิร์นซี แหลมฉบังเทอร์มินัล จำกัด   บริษัท เอเวอร์กรีนคอนเทนเนอร์ เทอร์มินัล (ประเทศไทย) จำกัด  บริษัท โอเชี่ยนเน็ตเวิร์ค เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ไทย อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด
โครงการสรรหาเอกชนเพื่อร่วมลงทุนเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง ได้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี ซึ่งให้การรถไฟฯ เป็นผู้ดำเนินการสรรหาเอกชนเพื่อรับสัมปทานเป็นผู้ประกอบการไอซีดี ลาดกระบังใหม่ ตามพระราชบัญญัติให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556
ในการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานด้านการบรรจุและแยกตู้สินค้า (Container) ที่มีการนำเข้า หรือการส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ ลดต้นทุนด้านการใช้พลังงานขนส่งสินค้าตามนโยบายของรัฐ และช่วยลดต้นทุน


ในการขนส่งให้ผู้ส่งออก และนำเข้าของต่างประเทศ เนื่องจากเป็นระบบการขนส่งที่ใช้ต้นทุนต่ำ แต่สามารถขนส่งสินค้าได้ครั้งละเป็นจำนวนมาก มีความปลอดภัย ช่วยลดปัญหาด้านจราจร และช่วยลดมลพิษทางสิ่งแวดล้อม
  หลังจากนี้ คณะกรรมการคัดเลือก จะดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติ และตรวจสอบเอกสารที่ใช้ประกอบการยื่นข้อเสนอของผู้ยื่นข้อเสนอที่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติเบื้องต้น จะต้องชำระค่าธรรมเนียม
การประเมินข้อเสนอให้แก่การรถไฟฯ เป็นจำนวนเงิน 2 แสนบาท และผู้ยื่นเสนอที่ผ่านการประเมินข้อเสนอจะต้องวางหลักประกันสัญญาที่ออกโดยธนาคารให้กับการรถไฟฯ ในวันที่เข้าทำสัญญาร่วมทุนเป็นมูลค่า 250 ล้านบาท เพื่อเป็นหลักประกันการปฏิบัติตามสัญญาร่วมลงทุนของเอกชนคู่สัญญา ทั้งนี้จะประกาศผลการคัดเลือกเอกชน
ร่วมลงทุน ภายใน 45 วัน นับจากวันที่ยื่นซองเอกสารเสนอราคา ณ ที่ทำการ การรถไฟแห่งประเทศไทย
🚂🚃🚃🚃🚃🚃🚃
https://www.facebook.com/129946050353608/posts/2427451157269741/

🚂🚃🚃🚃🚃  ขอเชิญชวนทุกท่าน มาร่วมติดตาม
Youtube : การรถไฟแห่งประเทศไทย OFFICIAL
https://www.youtube.com/channel/UCX0RfGzGjovQmxDYyGquJ_Q






"รฟท.!!จัดตู้โดยสาร Bike Bogie บริการฟรีให้กับประชาชน
ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรม “Bike อุ่นไอรัก”
*****************************
นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สินรักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชานุญาตให้จัดงานอุ่นไอรัก คลายความหนาว “สายน้ำแห่งรัตนโกสินทร์” และทรงจักรยานนำประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมปั่นจักรยาน “Bike อุ่นไอรัก” ที่จะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 9 ธันวาคม 2561 เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนเห็นความสำคัญ ในการรักษาสุขภาพ
ด้วยการออกำลังกาย ซึ่งกำหนดจัดกิจกรรมทั่วประเทศ การรถไฟฯ ได้อำนวยความสะดวกรองรับการเดินทางของประชาชนที่ลงทะเบียนร่วมกิจกรรมปั่นจักรยาน “Bike อุ่นไอรัก”
โดยการพ่วงตู้รถบรรทุกจักรยานให้บริการฟรีไม่เสียค่าใช้จ่ายไป
กับขบวนรถที่เดินประจำในเส้นทางสายเหนือ สายตะวันออก และสายใต้ในวันซ้อมใหญ่ 2 ธันวาคม 2561 และวันจัดกิจกรรม 9 ธันวาคม 2561 ดังนี้

1. สายเหนือ รับ – ส่งทุกสถานีระหว่างอยุธยา – กรุงเทพ – อยุธยา จำนวน 2 ขบวน ประกอบด้วย
   - ขบวนรถธรรมดาที่ 342  (ชุมทางแก่งคอย – กรุงเทพ) ออกจาก อยุธยา – กรุงเทพ เวลา 06.24 – 08.40 น.
   - ขบวนรถธรรมดาที่ 341 (กรุงเทพ – ชุมทางแก่งคอย) ออกจาก กรุงเทพ - อยุธยา  เวลา 17.00 – 18.57 น. 

2. สายตะวันออก รับ – ส่งทุกสถานีระหว่างฉะเชิงเทรา – กรุงเทพ - ฉะเชิงเทรา จำนวน 2 ขบวนรถ 
    ประกอบด้วย
   - ขบวนรถธรรมดาที่ 372 (ปราจีนบุรี - กรุงเทพ –) ออกจาก ฉะเชิงเทรา - กรุงเทพ เวลา 06.19 – 08.15 น.
   - ขบวนรถธรรมดาที่ 371 (กรุงเทพ – ปราจีนบุรี) ออกจาก กรุงเทพ -  ฉะเชิงเทรา เวลา 17.40 – 19.20 น.

3. สายใต้ รับ – ส่งส่งทุกสถานีระหว่างนครปฐม - ธนบุรี – นครปฐม จำนวน 2 ขบวนรถ ประกอบด้วย
   - ขบวนรถธรรมดาที่ 260 (น้ำตก – ธนบุรี) ออกจาก นครปฐม – ธนบุรี เวลา 09.19 – 10.25 น.
   -  ขบวนรถธรรมดาที่ 351 (ธนบุรี – ราชบุรี) ออกจาก ธนบุรี – นครปฐม เวลา 18.25 - 19.29 น. 

สำหรับประชาชนที่จะเดินทางไปร่วมกิจกรรม“Bike อุ่นไอรัก” สามารถนำบัตรประชาชนมาติดต่อขอรับตั๋วโดยสารได้ที่สถานีรถไฟในเส้นทางดังกล่าวโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใดหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือเฟซบุ๊ก แฟนเพจ ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย!!

https://www.facebook.com/129946050353608/posts/2427323333949190/

🚂🚃🚃🚃🚃  ขอเชิญชวนทุกท่าน มาร่วมติดตาม
Youtube : การรถไฟแห่งประเทศไทย OFFICIAL
https://www.youtube.com/channel/UCX0RfGzGjovQmxDYyGquJ_Q





วันนี้30พ.ย61(เวลา11.00น.)ดร.นฤมล สุรเศรษฐ ประธาน L.S.Jewelry group.ได้มอบเงินเพื่อสมทบทุนเพื่อการพัฒนาทางการแพทย์ให้แก่โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า(รพ.ทหารเรือ)โดยมีดร.พีรวัฒน์ สุรเศรษฐ ที่ปรึกษารองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและประธานคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจกองบังคับการตำรวจนครบาล1(ที่ปรึกษารองผบ.ตร.และประธานกต.ตร.บก.น.1)เป็นตัวแทนในการส่งมอบเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมกันนี้ได้มีผู้ร่วมบริจาคเพื่อสนับสนุนโครงการดังกล่าวของทางโรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า(รพ.ทหารเรือ)อาทิเช่นพล.ต.ต.ดร.เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล1(ผบก.น.1)คุณ.ศักดิ์ณรงค์(ป๋าโทนี่)คุณ.สายใจ สาริกานนท์ อนุกต.ตร.บก.น.1,คุณ.อทิตยา สวัสดี,เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการทางโรงพยาบาลและเพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวมต่อไป












"สตม.ร่วมกับ บก.จร.!! ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติการปราบปรามกลุ่มรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่(บิ๊กไบค์)ยกล้อสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนและประชาชนที่อาศัยในพื้นที่!!

ตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ ๒๒/๒๕๕๘ เรื่อง มาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแข่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในทางสาธารณะ ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จัดตั้งคณะทำงานปราบปรามการแข่งขันรถในทางสาธารณะ โดย ผบ.ตร.ได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. เป็น หน.ชุดปฏิบัติการรองรับการดำเนินการตามคำสั่ง คสช. ดังกล่าว

วันนี้ (30 พ.ย.61) เวลาประมาณ 11.00 น. พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. หน.ชุดปฏิบัติการตามคำสั่ง ผบ.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ ผบก.จร., พ.ต.อ.ชัชชัย สำเนียง ผกก.4 บก.จร.,พ.ต.ท.เจษฎา ยางนอก รอง ผกก.2 บก.จร. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามการแข่งรถในทางสาธารณะ ตามคำสั่งตร.ที่ 661/2561 และเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจจราจร สืบเนื่องจากกระแสข่าวการเผยแพร่ทางสื่อโซเชียลมีเดียและสื่อโทรทัศน์ต่างๆ ถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของกลุ่มผู้ขับขี่รถบิ๊กไบค์ออกทริปไปตามต่างจังหวัดขี่ซิ่งยกล้อ สร้างความเดือนร้อนให้กับชาวบ้าน ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่และกลุ่มผู้ใช้รถบิ๊กไบค์ไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมดังกล่าว อีกทั้งยังได้รับการร้องเรียนจากประชาชนอีกหลายช่องทางว่ามักจะมีการรวมกลุ่มของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์คันใหญ่ (บิ๊กไบค์) ไปตามถนนเส้นต่างๆ ทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด โดยมีพฤติกรรมขับขี่รถจักรยานยนต์ในลักษณะประมาทหวาดเสียวอันน่าจะเกิดอันตรายแก่บุคคลอื่น และขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้สืบสวนรวบรวม พยานหลักฐานจนทราบว่า กลุ่ม“สายบันเทิง” และ กลุ่ม “Hell Big Trip” คือ 2 กลุ่มที่ขับขี่รถบิ๊กไบค์สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่ประชาชนตามข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้น ซึ่งมีผู้ติดตามเพจดังกล่าวจำนวนมากกว่า 500,000 คน และเป็นกลุ่มบิ๊กไบค์ซิ่งยกล้อระดับแนวหน้าของประเทศไทย ได้โพสข้อความในลักษณะที่ชักชวน สนับสนุน หรือส่งเสริม ให้ผู้อื่นขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงปลอดภัยของผู้อื่น (ยกล้อ) ซึ่งจากพยานหลักฐาน​การสืบสวน​ทราบว่า แอดมินเพจ “สายบันเทิง” คือ นายวรภัทร กิจเจริญนำชัย และ “นายณรุจ ป้อมประภา” และกลุ่ม  “Hell Big Trip” แอดมินเพจ“Chanathan Hell Jitkaew” คือ นายชนธัญ จิตร์แก้ว ​เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับต่อศาลในข้อหา “เป็นผู้สนับสนุนขับขี่รถในลักษณะประมาทหวาดเสียวและขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่น” จับกุมนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกันสืบสวนขยายผลจนทราบว่า นายจิรายุทธ ทองสม , นายมนตรี อุ่นใจ ,นายจักราวุธ เปรมศรี และนายวายุ เพ็งสกุล ทั้ง 4 ราย เป็นผู้ขับขี่​รถจักรยานยนต์คันใหญ่​(บิ๊กไบค์) ยกล้อหน้า​ ที่ปรากฎหลักฐานตามคลิปและภาพถ่ายที่เผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย ขับขี่รถในลักษณะประมาทหวาดเสียวและขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย ในชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่น​ มีบทลงโทษต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือ ปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยได้นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการต่อไป โดยรายอื่นที่ปรากฎตามคลิปจะสืบสวนขยายผลดำเนินคดีกับทุกราย

จึงอยากจะประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่มีพฤติกรรมแข่งรถโดยเฉพาะผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์คันใหญ่ (บิ๊กไบค์) ได้ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหากลุ่มวัยรุ่นที่รวมตัวขับขี่รถจักรยานยนต์คันใหญ่ (บิ๊กไบค์) ออกทริปยกล้อสร้างความเดือดร้อนรำคาญต่อประชาชนเป็นอย่างมาก จึงรณรงค์ให้ประชาชนที่กำลังมีความคิดที่จะรวมตัวออกทริปไปขับขี่ซิ่งยกล้อ หรือออกมารวมกลุ่มมั่วสุมในพื้นที่ให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าว ซึ่งเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนเป็นอย่างมาก และช่วยกันปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล เพราะถ้าไม่ปฏิบัติตามหรือฝ่าฝืนถือว่าเป็นความผิดและเจ้าหน้าที่ตำรวจจะบูรณาการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อปราบปรามและดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายอย่างถึงที่สุดทุกราย!!

#ทีมงานบก.จร.!!











“โครงการช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียงและผู้ยากไร้” โดย กอ.รมน.กทม.(ท) ร่วมกับสมาคมสตรีสัมพันธ์ และกลุ่มนักธุรกิจเพื่อความมั่นคง กอ.รมน.กทม.!!

วันที่ 30 พ.ย. 61 กอ.รมน.กทม.(ท) โดย พล.ต.มนัส จันดี รอง ผอ.รมน.กทม.(ท) , พ.อ.พีระพงศ์ ไชยศรี , พ.อ.ศรุติ รัตโนทัย เจ้าหน้าที่กอ.รมน.กทม. ร่วมกับ คุณวีรุทัย มณีนุชเนตร นายกสมาคมสตรีสัมพันธ์ , คุณจำเริญ โพธิ์ศรี ประธานนักธุรกิจเพื่อความมั่นคง รุ่น9 , นายพัชรพงษ์ อภิธรรมวิริยะ ประธานนักธุรกิจเพื่อความมั่นคง รุ่น8 นายจิตรภณ ทิพย์โภคาสกุล ผู้สนับสนับสนุนภาคเอกชนและมวลชนกลุ่มต่างๆ

จัดโครงการช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียงและผู้ยากไร้ ณ โรงเรียนวัดกระจับพินิจ เขตธนบุรี กรุงเทพฯ โดยมี พล.ต.มนัส จันดี รอง ผอ.รมน.กทม.(ท) เป็นประธาน ในการมอบสิ่งของอุปกรณ์ในโครงการฯ เช่นรถเข็นวิลแชร์ , แพมเพิส , ที่นอนลม , ข้าวสาร อาหาร ฯลฯ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียงและผู้ยากไร้ โดยมีผู้เข้าร่วมโครงการขอรับการช่วยเหลือ จำนวน 10 เขต รวมทั้งสิ้น 33 ราย หลังจากนั้นทางประธานฯ ได้นำคณะ เดินทางไปเยี่ยมผู้ป่วยติดเตียง จำนวน 2 ราย ในพื้นที่ชุมชนสนามแดง เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจ และมอบที่นอนลม และอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ

ทั้งนี้ทางโครงการฯ จะดำเนินการสำรวจข้อมูลผู้ป่วยติดเตียงที่ต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม เพื่อจัดทำโครงการฯ มอบสิ่งของในโอกาสต่อไป!!