ศาสนาไม่ใช่แค่ความเชื่อ คือพลังสร้างสังคมสมานฉันท์ หนุนเยาวชน-รากหญ้า ขับเคลื่อนทำความเข้าใจ ลดความขัดแย้ง สร้างโลกยั่งยืน
เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2568 ที่มูลนิธิ สกพ. ซอยบรมบรรพต เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ จัดเสวนา “Faith to Action: Religions’ Practical Roles for Cohesive Society and Planetary Health” (จากความเชื่อสู่การลงมือปฏิบัติ: บทบาทศาสนาในการสร้างสังคมสมานฉันท์และส่งเสริมสุขภาวะโลก) โดยมี พระมหานภันต์ สนฺติภทฺโท ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร และเลขาธิการศาสนาเพื่อสันติภาพ ประเทศไทย เป็นผู้ดำเนินรายการ ส่วนผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตรี ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม Mr.Matthias Wevelsiep ผู้อำนวยการโครงการ The Network for Religious and Traditional Peacemakers ภญ.ผลิน เทพทัตต์ ผู้อำนวยการศูนย์ความร่วมมือเยาวชนส่งเสริม มูลนิธิ สกพ. Ms.Heidi Sanders หัวหน้าจิตอาสาฝ่ายต่างประเทศ มูลนิธิ สกพ. Mr.Philip Gassert แปลและถอดความเป็นภาษาไทยดร.พญ.ปราณี ไกรลาศศิริ ที่ปรึกษามูลนิธิ สกพ.
สำหรับประเด็นความขัดแย้งในโลกหลายกรณีเกี่ยวข้องกับศาสนาและวัฒนธรรม แต่หลายครั้งไม่สามารถระบุสาเหตุชัดเจน Mr. Matthias Wevelsiep กล่าวว่า การทำความเข้าใจบทบาทของผู้นำศาสนาเป็นสิ่งสำคัญ เพราะพวกเขาสามารถป้องกันหรือยุติความขัดแย้ง โดยเฉพาะในกรณีที่ความขัดแย้งไม่ได้เกิดจากศาสนาโดยตรง
ขณะที่ พระมหานภันต์ สนฺติภทฺโท ชี้ให้เห็นว่าศาสนาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันและสังคม ไม่ว่าในสถานการณ์สงครามหรือความขัดแย้ง ศาสนาสามารถเป็นตัวกลางสร้างสันติภาพและสมานฉันท์ ศาสนาไม่ใช่แค่ความเชื่อ แต่เป็นเครื่องมือในการประสานสังคม สร้างความเข้าใจระหว่างกลุ่มต่างๆ และลดความแตกแยก ตัวอย่างเช่น กรณีความขัดแย้งในอิรัก ซูดาน และยูเครน ผู้นำศาสนาร่วมมือกันเพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัยและส่งเสริมการเจรจา แม้ไม่สามารถแก้ปัญหาความขัดแย้งทั้งหมด แต่บทบาทของศาสนาช่วยสร้างความเข้าใจ ลดความรุนแรง และป้องกันความเกลียดชังระหว่างชุมชน
ส่วนประเด็นการสร้างสังคมสมานฉันท์ Ms.Heidi Sanders ได้เน้น 4 คำสำคัญในการสร้างสังคมสมานฉันท์และสุขภาวะโลก ได้แก่ Compassion – ความเห็นอกเห็นใจและเมตตากรุณา Inspiration – แรงจูงใจในการกระทำดี Responsibility – ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม Intention – เจตนาและความตั้งใจที่ดี พร้อมกล่าวว่า การสร้างโลกที่สงบและยั่งยืนเริ่มจากเจตนาและแรงบันดาลใจของผู้นำศาสนา ซึ่งสะท้อนถึงความสำคัญของคุณธรรมที่เชื่อมโยงกับการกระทำที่มีผลต่อสังคมและโลก
ด้าน Mr.Philip Gassert ชี้ว่า องค์กรทางศาสนาเป็นพื้นที่สำคัญให้เยาวชนได้เรียนรู้ แลกเปลี่ยน และมีส่วนร่วมในเรื่องสันติภาพและสิ่งแวดล้อม เยาวชนที่สนใจเรื่องศาสนา สันติภาพ หรือ Planetary Health อาจไม่สามารถเข้าร่วมงานภาครัฐหรือองค์กรอื่นได้ แต่ผ่านองค์กรศาสนา พวกเขาได้โอกาสเรียนรู้ สร้างแรงบันดาลใจ และได้รับการยอมรับ
ภญ.ผลิน เทพทัตต์ กล่าวว่า สันติภาพไม่ใช่แค่การไม่เกิดสงคราม แต่รวมถึงการลดความทุกข์ทรมาน ความอดอยาก และส่งเสริมสุขภาวะโลก การสร้างสันติภาพภายในต้องเกิดควบคู่กับสันติภาพภายนอก แล้วยังชี้ถึงความท้าทาย เช่น การมีส่วนร่วมของผู้นำศาสนาในนโยบายสำคัญยังจำกัด เยาวชนบางส่วนมองว่าศาสนาเป็นเรื่องเก่าแก่ จึงต้องส่งต่อคุณค่าและบทบาทของศาสนาให้รุ่นใหม่ เพื่อรักษาบทบาทในการสร้างความเปลี่ยนแปลงทางสังคม
ขณะที่ รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตรี ได้สรุปโลกยุคใหม่กับความท้าทายและโอกาสว่า ถ้าเราเปลี่ยน โลกก็จะเปลี่ยน การเปลี่ยนแปลงเริ่มจากตัวเราเอง ถ้าคนหนึ่งทำได้ คนอื่นก็ทำได้ และสามารถร่วมมือกันได้
โดยเฉพาะการเผชิญความท้าทายจาก AI หุ่นยนต์ และสื่อออนไลน์ ต้องอาศัย “คุณธรรม” การประสานร่วมมือไร้พรมแดน และบทบาทของศาสนาในการเป็นตัวกลางเชื่อมสังคม
พระมหานภันต์ กล่าวเสริมว่า ศาสนาและผู้นำศาสนาไม่ใช่เพียงผู้ให้คำสอน แต่สามารถเป็นตัวกลางสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน ทั้งด้านสันติภาพ สิ่งแวดล้อม และสุขภาวะโลก ซึ่งสะท้อนถึงความสำคัญของศาสนาในโลกยุคใหม่//
#สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย(สภท.60ปี)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น