นนทบุรี เปิดพิรุธหมายจับย้อนหลัง-เงินล่อซื้อ 6 ล้าน! เมียผู้ต้องหาคดีไอซ์ร้องทนายกบ สามีอาจเป็นแพะ ถูกโยงเป็นตัวการเครือข่ายข้ามชาติ
จากกรณีเมื่อวันที่ 28 ก.พ. 68 สำนักงาน ป.ป.ส. แถลงผลจับกุมนายปัญจกิตต์ (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ซึ่งถูกระบุว่ามีบทบาทสำคัญเป็นผู้สั่งการของเครือข่ายค้ายาเสพติดไอซ์ข้ามชาติ ลักลอบลำเลียงยาเสพติดส่งออกไปต่างประเทศ โดยเจ้าหน้าที่ได้ขยายผลตรวจค้นบ้านพักและร้านกัญชาในพื้นที่กรุงเทพฯ สามารถตรวจยึดทรัพย์สินหลายรายการ รวมมูลค่ากว่า 23 ล้านบาท อีกทั้งยังพบการนำเงินไปลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) โดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นการกระทำเพื่อการค้า และความผิดฐานสมคบกันฟอกเงิน” ขณะเดียวกัน ป.ป.ส. อยู่ระหว่างติดตามจับกุมผู้ต้องหารายอื่นในเครือข่ายอีก 3 คนที่ยังหลบหนีอยู่
ล่าสุด วันที่ 3 ก.ค. 68 เวลา 20.00 น. ที่ สำนักงานกฎหมายทนายกบ บุญเกิด โดย “ทนายกบ ณธัชพงศ์ บุญเกิด” อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี น.ส.น้ำฝน อายุ 33 ปี ภรรยาของนายปัญจกิตต์ (สงวนนามสกุล) พร้อมด้วยบุตรสาววัย 1 ขวบ และหลักฐานเอกสารจำนวนหนึ่ง เดินทางเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรม โดยระบุว่าสามีของตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายค้ายาเสพติดดังกล่าว ทั้งยังตั้งข้อสังเกตว่ากระบวนการจับกุมและออกหมายจับมีความผิดปกติหลายจุด ทั้งเรื่องการล่อซื้อ การเปลี่ยนถุงของกลาง และลำดับเวลาการออกหมายจับย้อนหลัง
น.ส.น้ำฝน เปิดเผยว่า หลังจากสำนักงาน ป.ป.ส. แถลงข่าวผลการจับกุมผู้ต้องหาในคดียาเสพติดและสมคบกันฟอกเงิน เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 68 ซึ่งเจ้าหน้าที่ระบุว่าสืบสวนขยายผลจนมีการออกหมายจับสามีตนเป็นผู้ต้องหาคนที่ 6 เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 68 พร้อมระบุว่าสามีเป็นผู้สั่งการเครือข่ายดังกล่าว แต่ความจริงสามีไม่เคยเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และไม่รู้จักผู้ต้องหาอีก 4 คนที่ตำรวจจับกุม เพียงแต่รู้จัก น.ส.หญิง (นามสมมุติ) ซึ่งเป็น 1 ในผู้ต้องหาเท่านั้น
โดยเมื่อช่วงต้นปี 67 สามีเปิดร้านขายกัญชาอย่างถูกกฎหมาย และทำธุรกิจส่งออกทางเรือ จึงรู้จัก น.ส.หญิง ซึ่งทำธุรกิจส่งออกเช่นกัน ทั้งสองทำธุรกิจร่วมกันระยะหนึ่งก่อนเลิกติดต่อกันไป ต่อมาปลายปี 67 ประมาณวันที่ 19 ธ.ค. น.ส.หญิง ติดต่อสามีเพื่อขอคำปรึกษาเรื่องธุรกิจกัญชา และนัดพบกันโดยไม่ได้แจ้งว่าจะพา น.ส.กานต์ (นามสมมุติ) ซึ่งทำโรงเรือนกัญชามาด้วย การพูดคุยเป็นเรื่องธุรกิจปกติ จนวันที่ 17 ม.ค. 68 ทราบข่าวว่าน.ส.หญิงถูกจับคดียาเสพติด น.ส.หญิงให้สามีของตนหาทนายความให้ หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก
ก่อนถูกจับ น.ส.หญิง โทรปรึกษาสามีขณะเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นโกดังโดยไม่มีหมายค้น แต่แสดงบัตร ป.ป.ส. สามีซึ่งไม่รู้ข้อกฎหมาย จึงแนะนำให้ถามหาหมายค้น เพราะเกรงว่าจะมีผู้แอบอ้าง หลังจากนั้น น.ส.หญิงถูกจับกุม และติดต่อสามีอีกครั้งเพื่อขอให้ช่วยหาทนายให้ ตนจึงมองว่าสามีตกเป็นเป้าในการขยายผลเพราะมีประวัติการติดต่อกัน
วันที่ 27 ก.พ. 68 เวลาประมาณ 13.30 น. ตนตั้งครรภ์อยู่บนบ้าน สามีอยู่ชั้นล่าง มีเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. กว่า 30 นาย บุกแสดงหมายจับข้อหาเดียวกับผู้ต้องหาอีก 5 คน พร้อมอาวุธครบมือ บุกเข้าชาร์จสามีถึงบ้าน และตรวจค้นพร้อมยึดทรัพย์สินมูลค่ารวมกว่า 10 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นทรัพย์สินของตน เช่น กระเป๋าแบรนด์เนม ตุ๊กตาอาร์ตทอย ส่วนรถหรูเป็นของเพื่อนที่ให้ยืมใช้ระหว่างตั้งครรภ์ และยึดทรัพย์สินเป็นนาฬิกามียี่ห้อราคาหลายบาท เพิ่มเติมจำนวนหลายเรือน จากนั้นไปตรวจร้านกัญชา แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย ก่อนควบคุมตัวสามีไปดำเนินคดี
ตนเชื่อว่าสามีไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะไม่รู้จักกับขบวนการค้ายา ไม่ทราบที่ตั้งโกดัง และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับของกลางยาเสพติด ตนจึงไปคัดสำนวนจากศาลอาญา เพื่อตรวจสอบ และพบพิรุธหลายอย่าง เช่น การล่อซื้อโดยอ้างมีสายลับ การเปลี่ยนของกลาง การสอบปากคำพยาน และกระบวนการออกหมายจับ
จากการตรวจสอบพบว่า วันที่ 8 ม.ค. 68 น.ส.หญิง นำกัญชาใส่ถุงกระดาษแบรนด์กาแฟชื่อดังมาวางที่ร้านสามี โดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า และสามีปฏิเสธไม่รับซื้อต่อ พร้อมเรียกไรเดอร์มารับของกลับ แต่ต่อมาทราบจากสำนวนว่าไรเดอร์นำของไปส่งบ้าน น.ส.กานต์ ซึ่งเป็นเพื่อนของ น.ส.หญิง แล้วเรียกไรเดอร์อีกรอบไปรับของจากบ้าน น.ส.กานต์ ส่งกลับบ้าน น.ส.หญิง และเรียกไรเดอร์รอบสุดท้ายไปส่งของที่ปั๊มน้ำมัน ซึ่งผู้รับเป็นเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. ที่อ้างว่าล่อซื้อ แต่ของกลางที่ส่งให้ตำรวจเป็นถุงสีแดง บรรจุไอซ์ 16.7 กรัม ไม่ใช่ถุงกาแฟเดิม
ตนมองว่าสามีถูกโยง อาจเป็นแพะในคดีนี้ เพราะเจ้าหน้าที่สอบปากคำไรเดอร์แค่คนแรก ส่วนไรเดอร์อีกคนไม่ถูกเรียกสอบ อ้างว่าหูหนวก ทั้งที่เป็นผู้ส่งของให้ตำรวจ ตนและครอบครัวได้รับผลกระทบหนัก สามีถูกจำคุก สูญเสียรายได้ ร้านกัญชาถูกสังคมมองเป็นเอเย่นต์ค้ายา ตนจึงมาร้องเรียนทนายกบให้ช่วยเหลือ หลังร้องเรียนหลายหน่วยงานแล้วแต่ไม่มีความคืบหน้า
ด้านทนายกบ กล่าวว่า คดีนี้มีข้อสงสัยหลายประการ ทั้งการออกหมายจับย้อนหลังของผู้ต้องหา 5 ราย แก๊งคดียาเสพติด ทั้งที่ได้จับกุมตัวไปก่อนแล้ว การเปลี่ยนของกลางของผู้ต้องหาที่ 6 ที่ภรรยามาร้องเรียน และการล่อซื้อที่ไม่โปร่งใส โดยเฉพาะเงินล่อซื้อจำนวน 6,000,000 บาท ที่เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. อ้างว่าใช้ในวันที่ 17 มกราคม 2568 สำหรับล่อซื้อ แต่เงินจำนวนดังกล่าวสั่งจ่ายเช็คให้แก่สำนักงาน ป.ป.ส. วันที่ 20 มกราคม 2568 หลังเกิดเหตุ แล้วเงินล่อซื้อหายไปไหนเมื่อจับกุมได้แล้ว ทำไมต้องอ้างว่ามีการล่อซื้อ ทั้งที่ขณะจับกุมเงินล่อซื้อยังไม่ได้เบิกมา และจากการที่จับจำเลยทั้ง 5 ได้แล้วในวันที่ 17 มกราคม 2568 แต่กลับไปขอแสดงพยานหลักฐานต่อศาลว่ายังจับจำเลยทั้ง 5 ไม่ได้ เพื่อแสดงข้อความเท็จ พยานหลักฐานไม่ตรงความจริงต่อศาลเพื่อให้ศาลเชื่อ และแก้หมายจับจำเลยทั้งหมดในคดีย้อนหลังเป็นวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 เพื่อนำไปยื่นคำร้องให้เลขาธิการ ป.ป.ส. อนุมัติตั้งข้อหา/แจ้งข้อหาสมคบกัน ซึ่งมีโทษหนัก และดูรุนแรงขึ้น มีการกระทำเป็นกระบวนการจริง เป็นเครือข่าย เป็นการง่ายต่อเลขาธิการ ป.ป.ส. หลงเชื่อเพราะเหตุหมายจับที่ศาลออกให้ไม่ตรงความจริง จึงตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีการนำเรื่องไปขออนุมัติหมายจับย้อนหลังจริง และนำเงินล่อซื้อไปใช้โดยผิดวัตถุประสงค์ก็เป็นได้ เพื่อเชื่อมโยงข้อหาสมคบฟอกเงินกับนายปอ โดยไม่มีพยานหลักฐานชัดเจน
ทั้งนี้ ทนายกบ เตรียมรวบรวมหลักฐานยื่นต่อศาลอาญา และคณะกรรมการตุลาการ เพื่อขอให้ตรวจสอบความถูกต้องของการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. พนักงานสอบสวน รวมถึงความเป็นธรรมในการตั้งข้อหาสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ตามมาตรา 127 ของ พ.ร.บ.ยาเสพติด และข้อหาฟอกเงิน และการเชื่อมโยงคดียาเสพติดข้ามชาติ เพื่อให้ศาลรับทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมด ว่าความจริงแล้วมีขบวนการเสนอพยานหลักฐานให้ศาลหลงเชื่อ แล้วออกหมายจับให้แก่เจ้าหน้าที่โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพื่อใช้สำหรับตั้งข้อหาและแจ้งข้อกล่าวหาเกินจริง ทำให้กระบวนการยุติธรรมบิดเบี้ยว ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตกเป็นโมฆะ ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และกฎหมายเกี่ยวกับวิธีพิจารณาคดีอาญา และวิธีพิจารณายาเสพติด ทำให้ประชาชนชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนจากการที่เจ้าหน้าที่บิดเบือนไม่ทำตามกฎหมายและความเป็นจริง
#หมายเหตุ ***** สถานีมีแฟ้มข่าวข่าววันที่ 28 ก.พ. แถลงข่าว ป.ป.ส. ****** (เบลอหน้าผู้ต้องหา)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น