วันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2568

ทะเลคลั่งหนักในรอบกว่า 10 ปี ทำบ้านเสียหาย ถนนถูกปิดด้วยขยะและทราย เจ้าหน้าที่เร่งเคลียร์ทางสัญจร

 ทะเลคลั่งหนักในรอบกว่า 10 ปี ทำบ้านเสียหาย ถนนถูกปิดด้วยขยะและทราย เจ้าหน้าที่เร่งเคลียร์ทางสัญจร







ชาวบ้านในพื้นที่ บ้านพอด ม.1 ต.ชลคราม อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี ต้องพยายามเดินเก็บของใช้ ที่ถูกน้ำทะเลหนุนสูงและลมลมแรง ทำให้คลื่นใหญ่ซัดเข้าฝั่ง น้ำทะเลเข้าบริเวณ ทำสิ่งของลอยไปกับน้ำ จนต้องเก็บกลับยกไว้ที่สูงกว่าเดิม 


นายเสน่ห์ หอมเจริญ ชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า ในช่วงวันที่ผ่านมา ไม่มีทีท่าว่าจะเกิดเหตุการณ์ แต่เมื่อตอนตี 4 วันนี้ น้ำหนุนสูงประกอบกับลมแรงในเวลาเดียวกัน ทำให้เกิดคลื่นใหญ่ซัดข้ามเขื่อนหินทิ้งกันคลื่น ซึ่งไม่คาดคิดว่าจะแรงขนาดนี้ เพราะที่ผ่านมาเขื่อนหินทิ้งก็สามารถช่วยกันคลื่นได้เป็นอย่างดี จนทำให้บ้านหลังเล็กที่อยู่โซนหลังบ้าน ที่ใช้เก็บอุปกรณ์เกี่ยวกับการทำการประมงพื้นบ้าน ถูกคลื่นซัดจนพังทั้งหลัง อีกทั้งเป็นช่วงตี 4 ที่ยังไม่ตื่น ทำให้เก็บข้าวของไม่ทัน ต้องทยอยเก็บในต้องเช้าเท่าที่ จะเก็บได้ที่เสียหาย ก็ต้องยอม 








นอกจากนั้นในส่วนของร้านอาหารริมทะเล หลายจุดก็ถูกคลื่นใหญ่ซัดจน โซนที่นั่งริมทะเลได้รับความเสียหายอย่างหนัก เช่นที่ครัวชมเล ได้รับความเสียหายไปกว่าร้อยละ 80 ต้องใช้ระยะเวลาในการปรับปรุงหลายวัน ทำให้เสียโอกาสทางการค้า โดยในส่วนของร้านอาหาร มีอย่างน้อย 3 แห่งที่ได้รับผลกระทบจนตัวร้านเสียหายตั้งแต่ร้อยละ 30 - 80 











โดยชาวบ้านในพื้นที่ที่มีกว่า 120 ครัวเรือนต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน ว่าหนักสุดในรอบกว่า 10 ปี บ้านเรือนเสียหายอย่างน้อย 4 หลัง และได้ผลกระทบจากการสัญจรเพราะคลื่นเอาทรายและเศษไม้ขึ้นมาทับถนน เจ้าหน้าที่ อบต.ชลคราม ต้องใช้รถไถ่เล็กเข้ามาช่วยเคลียร์เส้นทางให้ชาวบ้านสามารถสัญจร 


โดยนายพิศาล พร้อมสุวรรณ นายก อบต.ชลคราม บอกว่า รอบนี้คลื่นหนักกว่าปี 54 ซึ่งใช้โมเดลในตอนนั้น ทำเขื่อนหินทิ้งระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร จากทั้งหมดประมาณ 14 กิโลเมตร เพื่อป้องกันพื้นที่ชุมชน ซึ่งก็สามารถป้องกันชุมชนได้มานานตั้งแต่ปี 2557 แต่ปีนี้ถือว่าน้ำและลมแรงกว่าปกติ คลื่นมาในลักษณะสตรอมเสริต ประกอบกับเขื่อนที่ทำเริ่มชำรุด จนน้ำทะเลทะลักเข้าพื้นที่ ซึ่งเป็นจุดเปราะบาง มีการกัดเซาะรุนแรงที่สุดในไทย ในวันนี้จะทำกระสอบทรายกันคลื่นชั่วคราวก่อน แต่ระยะได้ประสานหน่วยงานภายนอกเข้าช่วยเหลือซ่อมแซมเขื่อน เพราะถ้าไม่ทำหมู่บ้านพอดต้องหายแน่ 


ด้านนายธีรุตม์    ศุภวิบูลย์ผล ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้กำชับทุกหน่วยงานได้เข้าพื้นที่ให้การช่วยเหลือประชาชน พร้อมเตือนเด็ดขาด ห้ามเรือเล็กออกจากฝั่ง ฝ่าฝืนดำเนินกาารเด็ดขาด ส่วนเรือโดยสารขนาดใหญ่ควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และให้เจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์คลื่นลมแรงอย่างใกล้ชิดต่อไปอีก 2-3 วันจนกว่าจะคลี่คลาย 


โดยนอกจากพื้นที่บ้านพอดแล้ว ยังมีหมู่บ้านชาวประมงบางจุด ในพื้นที่อ.กาญจนดิษฐ์ อ.ท่าชนะ และ อ.เมือง ที่ได้รับผลกระทบจากคลื่นลมแรง เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ช่วยเหลือทุกจุด ขณะที่ผู้ประกอบการเรือเฟอร์รี่ และเรือเร็ว ได้ประกาศงดการเดินเรือบางเที่ยวตามสภาพอากาศที่รุนแรงในช่วงเที่ยงและเย็น 


///////////

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น