กยท. จัดสัมมนา ‘Carbon Credit’ สร้างความเข้าใจ ซื้อ-ขายคาร์บอนเครดิตในสวนยาง ยกระดับอาชีพสวนยางยั่งยืน ควบคู่การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
วันนี้ (21 ส.ค. 67) การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) จัดประชุมสัมมนาสร้างการรับรู้การดำเนินงานด้านคาร์บอนเครดิตของการยางแห่งประเทศไทย โดย นายสุขทัศน์ ต่างวิริยกุล รักษาการแทนผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย มอบหมาย นายจิรวิทย์ มีชูภัณฑ์ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมและพัฒนาการผลิต เป็นประธานในพิธีเปิด ณ กยท. จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมมอบใบประกาศเกียรติคุณชาวสวนยาง การันตีพื้นที่สวนยางที่ร่วมโครงการบริหารจัดการคาร์บอนเครดิตของ กยท. ปีงบประมาณ 2566 สามารถสะสมปริมาณคาร์บอนเครเครดิตและซื้อขายได้จริง มุ่งยกระดับการทำอาชีพสวนยางอย่างยั่งยืน พร้อมพัฒนาพื้นที่สวนยางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตั้งเป้าหมายพื้นที่สวนยาง 20 ล้านไร่ทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการฯ ภายในปี 2593
นายจิรวิทย์ มีชูภัณฑ์ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมและพัฒนาการผลิต กล่าวว่า ตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ให้ความสำคัญในเรื่องการขับเคลื่อนภารกิจเพื่อลดก๊าซเรือนกระจกรองรับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ กยท. จึงมุ่งมั่นส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจตามแบบฉบับ BCG Model (Bio-Circular-Green Economy) ที่คำนึงถึงเรื่องสิ่งแวดล้อม โดยการดำเนินโครงการบริหารจัดการคาร์บอนเครดิตของ กยท. เนื่องจากต้นยางพาราเป็นพืชเกษตรที่มีศักยภาพสูงในการกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สามารถนำไปใช้ชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมของหน่วยงานหรือองค์กรต่างๆ ได้ ทั้งนี้ กยท. ได้ดำเนินการโครงการฯ เพื่อให้เกิดเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยที่ผ่านมา กยท. ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “การพัฒนาโครงการบริหารจัดการคาร์บอนเครดิต” กับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. เป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินโครงการบริหารจัดการคาร์บอนเครดิต เปิดโอกาสในการสร้างรายได้เพิ่มให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกยางพารา ให้สามารถนำต้นยางพาราที่อยู่ในพื้นที่สวนยางเข้าสู่กระบวนการซื้อขายแลกเปลี่ยนคาร์บอนเครดิตได้ ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่เกษตรกรชาวสวนยางให้มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
นายจิรวิทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ซึ่งที่ผ่านมา กยท. ได้ดำเนินโครงการบริหารจัดการคาร์บอนเครดิตและยื่นขึ้นทะเบียนโครงการนำร่องกับ อบก. มีชาวสวนยางในพื้นที่ จ.จันทบุรี จ.เลย และ จ.สุราษฎร์ธานี เข้าร่วมจำนวน 2,299 ราย โดยมีพื้นที่สวนยางที่เข้าร่วมแล้วกว่า 43,481 ไร่ โดยคาดว่าการดำเนินโครงการนำร่องในช่วง 7 ปี จะสามารถสะสมปริมาณคาร์บอนเครดิตได้กว่า 1.3 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2eq) คิดเป็นมูลค่ากว่า 390 ล้านบาท และในอนาคต กยท. ตั้งเป้าหมายในการดำเนินโครงการคาร์บอนเครดิตให้ครอบคลุมพื้นที่สวนยาง ทั้ง 20 ล้านไร่ทั่วประเทศภายในปี พ.ศ.2593
สำหรับการประชุมสัมมนาในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนโครงการบริหารจัดการคาร์บอนเครดิตของ กยท. เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่เกษตรกรชาวสวนยางเกี่ยวกับนโยบายด้านคาร์บอนเครดิตของ กยท. หลักปฏิบัติในการเข้าร่วมโครงการบริหารจัดการคาร์บอนเครดิต ขั้นตอนและวิธีการในการดำเนินงานด้านคาร์บอนเครดิตของ กยท. สามารถนำไปพัฒนาการทำอาชีพการทำสวนยางพาราและบริหารจัดการพื้นที่สวนยางอย่างมีประสิทธิภาพเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล เกิดความมั่นคงและยั่งยืน นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมการมอบใบประกาศเกียรติคุณแก่เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 1,609 ราย เพื่อเป็นหลักฐานแสดงว่าเกษตรกรชาวสวนยางได้รับการขึ้นทะเบียนในโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (Standard T-VER) และเกษตรกรที่ผ่านเกณฑ์ตามโครงการฯ สามารถสร้างรายได้จากการสะสมปริมาณคาร์บอนเครดิตในสวนยางได้ตั้งแต่ปี 2566 จนถึงปี 2573 ตามระยะเวลาโครงการ 7 ปี เพื่อนำสวนยางเข้าสู่กระบวนการซื้อขายคาร์บอนเครดิต ซึ่ง กยท. คาดว่าจะสามารถประเมินคาร์บอนเครดิตครั้งแรกเพื่อเริ่มดำเนินการขายในปี 2569 ต่อไป
ทีมข่าวประชาสัมพันธ์ กยท.
___
#สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น