วันอังคารที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2567

พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม.แถลงผลจับกุมต่างด้าว 3 คดีสำคัญ 1. จับกุมหนุ่มเมียนมา ฆ่าคู่อริเพื่อนร่วมชาติ 2. จับหนุ่มแดนกิมจิ รองหัวหน้าแก๊งยาเสพติด 3. รวบแก๊งรัสเซีย นำเงินยูโรปลอมแลกตามบูธ

 พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม.แถลงผลจับกุมต่างด้าว 3 คดีสำคัญ

1. จับกุมหนุ่มเมียนมา ฆ่าคู่อริเพื่อนร่วมชาติ

2. จับหนุ่มแดนกิมจิ รองหัวหน้าแก๊งยาเสพติด

3. รวบแก๊งรัสเซีย นำเงินยูโรปลอมแลกตามบูธ



เมื่อเวลา 10:30 น.วันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ.2567 ณ ห้องสวนพลู (ห้องแถลงข่าว) ชั้น 2 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี  พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม.มอบหมายให้ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม. รอง ผบก.ตม.3., พ.ต.ท.คทายุทธ พึ่งเดช รอง ผกก.ตม.จว.สมุทรปราการ, พ.ต.ท.ภาณุวัฒน์ ใจเที่ยงแท้

รอง ผกก.(สอบสวน) กก.สส.บก.ตม.3, พ.ต.ท.กวีณวัชร์ อารยะสุริวงศ์ รอง ผกก.ตม.จว.ชลบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ร่วมแถลงผลจับกุมต่างด้าว 3 คดีสำคัญ ดังนี้



[ คดีที่ 1 ] จับกุมหนุ่มเมียนมาฆ่าคู่อริเพื่อนร่วมชาติ รวบตัวได้ทันก่อน หลบหนีออกนอกประเทศ

     ตม.จว.สมุทรปราการ ร่วมกับ ตม.จว.ฉะเชิงเทรา, กก.1 บก.สส.สตม. และ สภ.บางปะกง จับกุมนายอ่อง ลี (นามสมมติ) อายุ 26 ปี สัญชาติเมียนมา โดยกล่าวหาว่า ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางปะกง จว.ฉะเชิงเทรา ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม ริมถนนสาธารณะ ซอยสุทธิภิรมย์ ต.ปากน้า อ.เมืองสมุทรปราการ จว.สมุทรปราการ

     จากกรณีแรงงานสัญชาติเมียนมา ได้ก่อเหตุทะเลาะวิวาทกันที่บริเวณหน้าที่พักคนงานก่อสร้าง อ.บางปะกง จว.ฉะเชิงเทรา โดยนายมิน ทู ถูกอาวุธมีดแทงได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตในเวลาต่อมา จากการสืบสวนทราบว่าผู้ก่อเหตุ คือนายอ่อง ลี หลังจากก่อเหตุได้หลบหนีไป ตม.จว.ฉะเชิงเทรา จึงได้แจ้งข้อมูลให้กับ ตม.จว. ต่างๆ ให้ช่วยสืบสวนติดตาม ตัวมาดำเนินคดีและเฝ้าระวังการหลบหนีออกจากประเทศไทย

     ต่อมาจากการสืบสวนของ ตม.จว.สมุทรปราการ ทราบว่า นายอ่อง ลี ได้หลบหนีคดีมาหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ ต.ปากน้ำ อ.เมืองสมุทรปราการ จว.สมุทรปราการ จึงได้ร่วมกับ ตม.จว.ฉะเชิงเทรา, กก.1 บก.สส.สตม. และ สภ.บางปะกง ออกสืบสวนหาตัวนายอ่อง ลี จนกระทั่งพบนายอ่องลี ที่ริมถนน สาธารณะ ซอยสุทธิภิรมย์ ต.ปากน้ำ อ.เมืองสมุทรปราการ จว.สมุทรปราการ จึงได้จับกุมนำตัวส่ง พงส.สภ.บางปะกง ดำเนินคดตีามกฎหมาย ในขั้นต่อไป



[ คดีที่ 2 ] จับหนุ่มแดนกิมจิ รองหัวหน้าแก๊งยาเสพติด หลบหนีหมายจับจากเกาหลี มากบดาน พัทยา OVER STAY เกือบปี

     ตม.จว.ชลบุรี ได้รับการประสานข้อมูลจาก ป.ป.ส.ว่ามีคนต่างด้าวสัญชาติเกาหลีใต้มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด เข้ามาหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่เมืองพัทยา จึงได้ทำการสืบสวนจนทราบว่าคนต่างด้าวดังกล่าวคือนายจิน (นามสมมุติ) อายุ 40 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ ซึ่งการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้สิ้นสุดแล้ว (OVERSTAY)

     ต่อมาได้รับแจ้งจากสายลับว่านายจินจะเดินทางมายังร้านอาหารเกาหลีในพื้นที่ หมู่ 6 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี จึงได้สะกดรอยติดตาม จนนายจินปรากฎตัว จึงได้แสดงตัวจับกุมในข้อหา OVERSTAY

     จากการสอบถามนายจินเกี่ยวกับพฤติการณ์ ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด นายจินให้การยอมรับว่าตนเป็นรองหัวหน้าแก๊งค์ยาเสพติด ทำหน้าที่จัดหายาเสพติดในประเทศไทย เพื่อส่งไปยังประเทศเกาหลีใต้ โดยใช้วิธีการให้ผู้หญิงซุกซ่อนยาเสพติดไว้ตามร่างกาย ซึ่งทำมาแล้วประมาณ 4 ครั้ง โดยมีดังนี้

ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 31 พ.ค.67 ศุลกากรเกาหลีใต้จับผู้ต้องหา 1 คน พร้อมยาคีตามีน 500 กรัม ผู้ต้องหาให้การว่า รับยาเสพติดที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่พัทยา

ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.67 ศุลกากรเกาหลีใต้จ้บผู้ต้องหา 2 คนพร้อมยาคีตามีน 500 กรัม ผู้ต้องหาใหการว่า รับยาเสพติดที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่พัทยา

ครั้งที่ 3 วันที่ 17 ก.ค.67 ศุลกากรเกาหลีใต้จับผู้ต้องหา 1 คน พร้อมยาไอซ์ 1.1 กิโลกรัม ผู้ต้องหาให้การว่า รับยาเสพติดที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่พัทยา

ครั้งที่ 4 วันที่ 19ก.ค.67 ศุลกากรเกาหลีใต้ จับผู้ต้องหา 1 คน พร้อมยาไอซ์ 1.25 กิโลกรัม โดยให้การว่า รับยาเสพติดที่พื้นที่พัทยาและสมุทรปราการ

     ซึ่งผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม ได้ให้การซัดทอดว่านายจิน เป็นผู้บงการในการลักลอบขนยาเสพติดซึ่ง ตม.จว.ชลบุรี จะได้ร่วมกับ ป.ป.ส.ในการสืบสวนขยายผลหาผู้รู่วมกระทำผิดต่อไป สำหรับมูลค่าของยาเสพติด หากนำเข้าไปจำหน่ายในประเทศเกาหลีใต้ได้ จะมีมูลค่าสูงขึ้นมาก โดยยาไอซ์ จะมีราคาจำหน่ายกิโลกรัมละประมาณ 13 ล้านบาท ส่วนคีตามีน กิโลกรัมละ 5,200,000 บาท



[ คดีที่ 3 ] รวบแก๊งรัสเซีย นำเงินยูโรปลอมแลกตามบูธ ความเสียหายกว่าล้านบาท และ OVER STAY

     ตม.จว.ชลบุรี จับกุมนาย เอ (นามสมมติ) อายุ 29 ปี สัญชาติรัสเซีย พร้อมเงินสกุลยูโรปลอม ฉบับ 500 ยูโร จำนวน 6 ฉบับ ฉบับละ 50 ยูโร จำนวน 80 ฉบับ โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยการอนุญาตสิ้นสุด และทำปลอมขึ้นซึ่งเงินตรา ไม่ว่าจะปลอมขึ้นเพื่อให้เป็นเหรียญกษาปณ์, ธนบัตรหรือสิ่งอื่นใด ซึ่งรัฐบาลออกให้ หรือให้อำนาจให้ออกใช้ หรือทำปลอมขึ้น ซึ่งพันธบัตรรัฐบาลหรือใบสำคัญสำหรับรับดอกเบี้ยพันธบัตรนั้น ผู้นั้นกระทำผิดฐานปลอมเงินตรา ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 240 และ มีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งเงินตราต่างประเทศสกุล (ยูโร) อันตนได้มาโดยรู้ว่าเป็นเงินตราเป็นของปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 244 ประกอบกับกฎหมายอาญามาตรา 247 นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุมโรงแรมในย่านพระตำหนักซอย 6 หมู่ 12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี

     ปฐมเหตุ ตม.จว.ชลบุรี ได้รับแจ้งจากพนักงานตู้รับแลกเงินว่า มีคนนำธนบัตรยูโรปลอมฉบับละ 500 ยูโร จำนวน 1 ฉบับ มาแลกเปลี่ยนที่ร้านรับแลกเงินของตน จึงรีบเดินทางไปตรวจสอบ พบว่าได้มีชายไทย นำเงินสกุลยูโร ฉบับละ 500 ยูโร จำนวน 1 ฉบับ มาทำการแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินบาท เมื่อพนักงานผู้รับแลกเงินได้ตรวจสอบธนบัตร โดยใช้ปากกาเคมีสาหรับตรวจสอบธนบัตร พบว่าเป็นธนบัตรสกุลยูโรปลอม ตม.จว.ชลบุรี จึงสืบสวนติดตามตัวจนพบชายไทย ที่นำธนบัตรยูโรปลอมมาแลก จากการสอบถามได้ให้การว่าเป็นพนักงานต้อนรับโรงแรมแห่งหนึ่ง ได้มีนาย เอ (นามสมมุติ) สัญชาติรัสเซีย ซึ่งได้เข้าพักที่โรงแรมมาเป็นเวลาประมาณ 3 อาทิตย์โดยยังไม่ได้ชำระเงินค่าที่พัก ได้นำธนบัตรยูโรฉบับละ 500 ยูโร ฉบับดังกล่าวมาจ่ายค่าที่พัก ตนจึงได้นำไปแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินบาทกับทางตู้แลกเงินดังกล่าว โดยไม่ ทราบว่าเงินสกุลยูโรดังกล่าวเป็นธนบัตรปลอม พร้อมทั้งยังได้แสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจสอบ ไปยังห้องพักที่นาย เอ พักอาศัยอยู่ที่ชั้นบนของโรงแรม จากการตรวจสอบหนังสือเดินทางนาย เอ ปรากฏว่า การอนุญาตสิ้นสุด (OVERSTAY) เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขอตรวจสอบกระเป๋าสีดำที่อยู่ในห้องพักของนาย เอ พบว่ามีเงินสกุลยูโรฉบับละ 500 ยูโร 5 ฉบับ และ ธนบัตรฉบับละ 50 ยูโร จำนวน 80 ซึ่งนาย เอ ให้การยอมรับว่าเงินสกุลยูโรจำนวนดังกล่าวทั้งหมด เป็นของตนและเป็นธนบัตรยูโรปลอม โดยตนได้นำติดตัวมาจากเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี โดยมีเพื่อนที่ตุรกีให้นำติดตัวมาใช้จ่ายที่ประเทศไทย และตนเองได้นำเงินสกุลดังกล่าวมาจ่ายชำระค่าที่พักกับทางโรงแรมดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและจับกุมตัวนาย เอ ดำเนินคดีในข้อหาดังกล่าว






# สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิด ในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น