วันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

พยัคฆ์ร้ายเทพนคร ร่วมสืบ TOP G ทลายแก๊งโจรกรรมและสวมทะเบียนรถจักรยานยนต์ "ดาว บางแค"

 พยัคฆ์ร้ายเทพนคร ร่วมสืบ TOP G ทลายแก๊งโจรกรรมและสวมทะเบียนรถจักรยานยนต์ "ดาว บางแค"

.



              ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ,พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร./                   ผอ.ศอ.ปส.ตร. ,พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. ,พล.ต.ท.ธิติ   แสงสว่าง ผบช.น. ให้เร่งรัดปราบปรามยาเสพติดในชุมชนที่บ่อนทำลายเยาวชน ผู้คนในสังคม และบ้านเมืองตามนโยบายของรัฐบาล รวมถึงกลุ่มที่ก่อปัญหาอาชญากรรมสร้างความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชน นั้น

.



            เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2567 พล.ต.ท.ธิติแสงสว่าง ผบช.น. ,พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.น. ,พล.ต.ต.นพศิลป์  พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ,พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.วรพจน์  รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. 

,พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย 

รอง ผบก.สส. ,พ.ต.อ.ธีรศักดิ์ จันทราพิพัฒน์ รอง ผบก.สส.บช.น.  พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น. ,พ.ต.ท.พีรบูรณ์ แก้วดู รอง ผกก.สส.1 บก.สส.บชน. , พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.สส.4 บก.สส.บช.น. ปฏิบัติราชการ รอง ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น. สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจาก กก.สส.1 บก.สส.บช.น. ประกอบด้วย พ.ต.ท. พัฒน์พงษ์ กื้อมะโน สว.กก.สส.1ฯ,พ.ต.ต. กฤตวัฒน์ ขุนอินทร์ สว.กก.สส.1ฯ,พ.ต.ต.พิสิทธิ์ เตชะ สว.กก.สส.1ฯ, พ.ต.ต. คณิตนนท์ ถนอมศรี สว.กก.สส.1ฯ พร้อมชุดปฏิบัติการที่ 1 2 3 และ 4 และ ชุดพยัคฆ์ร้ายเทพนคร เจ้าหน้าที่ กก.สส.1 บก.สส.บช.น. ร่วมกับสืบสวนอาญาขั้นพิเศษ  TOP G จับกุมตัว

.



1. นายสุรพงษ์ พงษ์คำ อายุ 33 ปี ที่อยู่ 143 ม.6 ต.บางดี อ.ห้วยยอด จ.ตรัง 

        โดยกล่าวหาว่า "เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าและยาไอซ์)โดยฝ่าฝืนกฎหมาย"

2. นายบุญคงคา กันตามระ อายุ 43ปี ที่อยู่ 8 ม.5 แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร




       โดยกล่าวหาว่า "มียาเสพติดให้โทษ(ยาบ้าและยาไอซ์)ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1(ยาบ้าและยาไอซ์)โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย"

.



         สถานที่จับกุม ภายในบ้าน ม.5 ถ.กำนันแม้น แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร

.    ตรวจยึดของดังนี้  คือ

1. รถจักรยานยนต์ จำนวน 6 คัน

2. โครงรถจักรยานยนต์ จำนวน 6 คัน 

3. แทงค์เครื่องรถจักรยานยนต์จำนวน 1 เครื่อง

4. เครื่องรถจักรยานยนต์จำนวน 1 เครื่อง

5. ซากเครื่องยนต์ จำนวน 2 เครื่อง

6. ป้ายรถจักรยานยนต์ จำนวน 7 แผ่น

7. ใบคู่มือจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ จำนวน 12 เล่ม

8. สมุดบัญชีธนาคารกสิกรไทย จำนวน 3 เล่ม

9. โทรศัพท์ Apple iphone 12 pro max จำนวน 1เครื่อง 

10. หมวกนิรภัยจำนวน 3 ใบ

11. กล้องวงจรปิด จำนวน 2ตัว 

12. รองเท้า จำนวน 3 คู่

13. เสื้อคลุมและเสื้อยืดจำนวน 3 ตัว

14. อุปกรณ์ช่าง จำนวน 8ชิ้น

15. ชุดตอกเลข จำนวน 22 ชิ้น

.


พบประวัติบุคคลต้องโทษดังนี้

1. นายบุญคงคา เคยต้องโทษในความผิดเกี่ยวกับ คดีลักทรัพย์ เมื่อปี พ.ศ.2551 ในพื้นที่ สน.ทองหล่อ, คดีความผิดตาม พรบ.อาวุธปืน เมื่อปี พ.ศ.2561 ในพื้นที่ สน.บางขุนเทียน, คดีร่วมกันลักทรัพย์ จยย. เมื่อปี พ.ศ.2562 ในพื้นที่ สภ.ชัยพฤกษ์ 

2. นายสุรพงษ์ เคยต้องโทษในความผิดเกี่ยวกับคดีลักทรัพย์ เมื่อปี พ.ศ.2557 ในพื้นที่ สน.บางขุนเทียน 

.

เนื่องด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้สืบสวนหาข่าว กรณี กลุ่มคนร้ายตระเวนลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ ในหลายพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร และนำรถที่โจรกรรมมาทำการส่งขายและบางคันนำมาตอกเลขตัวถังใหม่เพื่อสวมทะเบียนรถคันอื่นส่งขายภายในประเทศตลอดจนส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน มาเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี     จนสืบทราบว่าบ้าน หมู่ 5 ถนนกำนันแม้น แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร เป็นแหล่งพักพิงชำแหละรถและเป็นแหล่งมั่วสุมยาเสพติดในชุมชนย่านบางแค โดยในแต่ละวันจะมีนายบุญคงคาฯ ซึ่งเป็นหัวหน้าระดับสั่งการให้สมาชิกในแก็งออกตระเวน ทำการลักขโมยรถจักรยานยนต์ในหลายพื้นที่ในกรุงเทพฯ อาทิ ย่าน รามคำแหง บางเขน ทุ่งสองห้อง มักกะสัน คลองตัน พระโขนง และอีกหลายพื้นที่ย่านฝั่งธนบุรี ซี่งจากการสืบสวนพบว่า ในบางคืนมีการตระเวนลักรถและนำมาสวมทะเบียนมากถึง 4 คัน ต่อหนึ่งคืน และพบพฤติกรรม โดยจะมีลักษณะการแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจนเป็นทอดๆ เพื่อหลบเลี่ยงและยากต่อการติดตามจับกุมของเจ้าหน้าที่ โดยจะนำรถจักรยานยนต์มาทำการรื้อชำแหละรถและตอกเลขตัวถังใหม่ โดยใช้ทะเบียนรถที่ประมูล, รับซื้อหรือรับจำนำมาได้แล้วทำการสวมทะเบียนกับรถคันที่ถูกโจรกรรมมา โดยสมุนที่ทำหน้าที่รับรถตามที่สั่งการจะได้ค่าจ้าง ครั้งละประมาณ 1,500 – 2,000 บาท จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจขุดจับกุมจึงได้พยานหลักฐานและจัดทำรายงานการสืบสวนเพื่อขออนุมัติขอออกหมายค้นต่อศาลอาญาธนบุรี เพื่อทำการตรวจค้น พบ และยึดสิ่งของซึ่งมีไว้เป็นความผิดหรือได้มาโดยผิดกฎหมาย หรือได้ใช้ หรือตั้งใจจะใช้ในการกระทำความผิด อันเกี่ยวข้องกับการโจรกรรมรถและความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และเพื่อดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 

.


โดยวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนนครบาลพร้อมกำลังกว่า 40 นาย ได้ร่วมกันปิดล้อมตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าวทั้งทางบกและทางน้ำและร่วมบูรณาการกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการดำน้ำค้นหาหลักฐานบริเวรหลังบ้านของเป้าหมายซึ่งอยู่ติดกับคลองเพื่อพิสูจน์ความผิดและความเชื่อมโยงในการกระทำดังกล่าว จนเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดทรัพย์สินไว้ตรวจสอบได้จำนวนหลายรายการข้างต้น อีกทั้งยังสามารถตรวจค้นพบยาเสพติดของกลางจำนวนมากพร้อมอุปกณณ์การเสพอีกหลายรายการ 


        จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การรับว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดจริง แต่ในส่วนพฤติกรรมการโจรกรรมรถผู้ถูกจับให้การภาคเสธว่าเคยทำมาก่อนแต่ได้เลิกทำแล้วเมื่อต้นปีที่ผ่านมา แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อจึงได้ตรวจยึดทรัพย์สินไว้เพื่อตรวจสอบต่อไป     จากการสืบสวนขยายผลและตรวจสอบข้อมูลรวมถึงเส้นทางการเงินของนายบุญคงคาหรือดาว เจ้าหน้าที่ตำรวจยังพบว่า ยังมีหลักฐานอันมีพฤติการณ์และข้อบ่งชี้ว่ายังมีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจรกรรมรถ อีกทั้งยังพบข้อมูลการติดต่อพูดคุยกับผู้ร่วมขบวนการการโจรกรรมรถจักรยานยนต์นี้อีกจำนวนมาก ซึ่งพบความเชื่อมโยงไปถึงร้านซ่อมรถจักรยานยนต์และบริษัทขนส่งรถจักรยานยนต์ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะได้ทำการขยายผลและดำเนินคดีกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับแก็งโจรกรรมรถจักรยานยนต์รายนี้ต่อไป เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ควบคุมตัวผู้ถูกจับทั้งสองพร้อมของกลาง นำส่ง พงส.สน.บผางขุนเทียน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 

.

         ทั้งนี้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ได้กล่าวไว้ว่าการปฏิบัติการในครั้งนี้ เป็นนโยบายสำคัญและเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมรายสำคัญในพื้นที่ให้หมดไปอย่างจริงจัง โดยใช้มาตรการการปราบปรามอาชญากรรมองค์กรอย่างเข้มงวดเชิงรุกทุกรูปแบบ  ซึ่งนับว่าเป็นบ่อเกิดอาชญากรรมอื่นๆที่จะตามมา อันสร้างความเดือนดร้อนและสร้างความเสียหายต่อสังคมในรูปแบบต่างๆ เป็นวงกว้าง สอดคล้องตามนโยบายสำคัญของรัฐบาล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น