วันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2567

คณะกรรมการบริหารชมรมเครื่องมือเครื่องเหล็กแห่งประเทศไทย สมัยที่ 20 จัดประชุมใหญ่สามัญ ครั้งที่ 1/2567 พร้อมเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารชมรม สมัยที่ 20

 คณะกรรมการบริหารชมรมเครื่องมือเครื่องเหล็กแห่งประเทศไทย สมัยที่ 20 จัดประชุมใหญ่สามัญ ครั้งที่ 1/2567 พร้อมเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารชมรม สมัยที่ 20




เวลา 18:00 น.วันที่ 29 เมษายน พ.ศ.2567 ณ ห้องจรัสเมือง 2 ชั้น 2 โรงแรม เดอะทวิน ทาวเวอร์ ถนนพระราม 6 ตัดใหม่ กรุงเทพฯ คุณวิชัย เหล่ายิ่งเจริญ (ประธานอำนวยการเลือกตั้ง) ได้เชิญคณะกรรมการบริหารชมรมเครื่องมือเครื่องเหล็กแห่งประเทศไทย สมัยที่ 20 เข้าร่วมประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี 2566 และเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารชมรมฯ สมัยที่ 20 นั้น

     โดยในวันนี้ ได้มีการเปิดประชุม โดยแบ่งระเบียบวาระการประชุม ดังนี้

[ วาระที่ 1 ] คุณวิชัย เหล่ายิ่งเจริญ (ประธานอำนวยการเลือกตั้ง) ได้กล่าวถึงรายละเอียดของการประชุมต่อคณะผู้เข้าร่วมประชุมได้รับทราบ

[ วาระที่ 2 ] รักษาการเลขาธิการ แจ้งรายนามกรรมการ ที่ได้รับการเลือกตั้งต่อในที่ประชุมเพื่อรับทราบ

[ วาระที่ 3 ] ได้มีการโหวตเลือกตั้ง ประธานกรรมการบริหารชมรมฯ สมัยที่ 20 โดยการเลือกตั้งในครั้งนี้ คณะกรรมการบริหารชมรมฯ มีมติเป็นเอกฉันท์ เลือกคุณพิพัฒน์ กนกนิตย์อนันต์ ขึ้นนั่งเป็นประธานชมรมเครื่องมือเครื่องเหล็กแห่งประเทศไทย ในสมัยที่ 20

[ วาระที่ 4 ] ประธานกรรมการ ได้แต่งตั้ง คณะกรรมการเลขาธิการ กรรมการเหรัญญิก และ คณะกรรมการฝ่ายต่างๆ

[ วาระที่ 5 ] เรื่องอื่นๆ (ข้อเสนอแนะ)







     ภายหลังจากการเลือกตั้งประธานชมรมฯ เสร็จสิ้น คุณพิพัฒน์ กนกนิตย์อนันต์ฯ กล่าวว่า ผมรู้สึกเป็นเกียรติ ขอขอบคุณคณะกรรมการบริหารทุกๆท่าน ที่ได้ให้เกียรติ และไว้วางใจให้ผมเข้ามาทำงานให้กับชมรมฯ ผมยืนยันว่าจะทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด และจะสร้างประโยชน์ สร้างชื่อเสียงให้บุคคลภายนอกรู้จักชมรมฯของเราให้มากขึ้นเท่าที่จะทำได้ครับ และถ้าหากว่าทุกๆท่าน มีข้อเสนอแนะที่จะให้ผมปรับปรุงในเรื่องใด ผมก็ยินดีรับฟังในข้อเสนอแนะ และจะนำมาพัฒนาชมรมฯ และในโอกาสนี้ผมก็ยังถือว่าเป็นน้องใหม่ และยังไม่เคยรับหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ของชมรมฯ ดังนั้นหากท่านใดมีความคิดเห็นหรือไอเดียที่จะช่วยพัฒนากิจกรรมต่างๆที่จะทำให้แก่ชมรมฯ ก็สามารถเสนอแนะให้ผมได้เลยครับ ผมยินดีรับฟังทุกๆคำติชมของทุกๆท่านครับ พร้อมกันนี้ ผมขอเรียนเชิญคณะกรรมการ สมัยที่ 19 ทุกท่าน เข้ามาร่วมกันพัฒนาชมรมฯ ของเราด้วยกัน และขอเรียนเชิญท่านประธานกิตติมาศักดิ์ถาวร ที่ปรึกษากิตติมาศักดิ์ถาวรทุกท่าน เข้ามาชี้แนะและเป็นที่ปรึกษาให้แก่ผมและคณะกรรมการสมัยที่ 20 ด้วยครับ คุณพิพัฒน์ กนกนิตย์อนันต์ ประธานชมรมเครื่องมือเครื่องเหล็กแห่งประเทศไทย สมัยที่ 20 กล่าว


ขอขอบคุณ

คุณพิพัฒน์ กนกนิตย์อนันต์ ประธานชมรมเครื่องมือเครื่องเหล็กแห่งประเทศไทย สมัยที่ 20/ ที่ปรึกษานิตยสารตำรวจเพื่อมวลชน

สนับสนุนข้อมูลข่าวสาร

บสย. เปิด 4 บริการใหม่ Line OA “TCG First” ชวน SMEs จองคิวรับคำปรึกษา 24 ชม. ช่วย ลูกค้า บสย. เช็คข้อมูลค้ำประกัน สะดวก รวดเร็ว ดีเดย์ 2 พ.ค.นี้

 บสย. เปิด 4 บริการใหม่ Line OA “TCG First” ชวน SMEs จองคิวรับคำปรึกษา 24 ชม. 

ช่วย ลูกค้า บสย. เช็คข้อมูลค้ำประกัน สะดวก รวดเร็ว ดีเดย์ 2 พ.ค.นี้



นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า บสย. เดินหน้ายกระดับองค์กรด้วย Digital Technology ภายใต้ค่านิยม “TCG Fast & First” รวดเร็ว รอบคอบ ที่หนึ่งในใจ SMEs โดยมุ่งการให้บริการลูกค้าผ่านช่องทาง Digital Platform ล่าสุดได้ขยายบทบาทการให้บริการผ่าน LINE OA @tcgfirst เพื่อสามารถตอบโจทย์ผู้ประกอบการ SMEs และลูกค้า บสย. ได้มากยิ่งขึ้น            ผ่าน 4 บริการใหม่ ครบจบในที่เดียว พร้อมรองรับผู้ประกอบการ SMEs กว่า 3 ล้านราย เริ่มตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป 

ลูกค้า บสย. จะได้รับความสะดวก รวดเร็วเพิ่มขึ้น ผ่านบริการใหม่ ด้วยระบบที่ปลอดภัย โดยลูกค้าสามารถเข้ามายืนยันตัวตน เพื่อการตรวจสอบข้อมูลหนังสือค้ำประกัน (My LG) และตรวจสอบใบเสร็จและประวัติการชำระค่าธรรมเนียม (My Bill) ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลการค้ำประกันได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มบริการ นัดหมาย “หมอหนี้ บสย.” ให้ผู้ประกอบการ SMEs สามารถเข้ามาจองคิวขอคำปรึกษาผ่านบริการ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนมากขึ้น 

การเพิ่มบริการดังกล่าว เป็นไปตามยุทธศาสตร์องค์กร เพื่อก้าวสู่ “SMEs Digital Gateway” ด้วยการเพิ่มบทบาท บสย. ให้เป็น Credit Mediator ตัวกลางเชื่อมโยง SMEs ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้สะดวก และรวดเร็วขึ้นผ่านระบบ Online 

เชิญชวนผู้ประกอบการ SMEs เข้ามาตรวจสุขภาพทางการเงิน พร้อมจองคิวขอรับคำปรึกษาทางการเงิน ฟรี! และลูกค้า บสย. สามารถเข้ามายืนยันตัวตน เพื่อเช็คข้อมูลการค้าประกัน ได้ที่ Line TCG First: @tcgfirst ตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม 2567 

#ปรีชา นุตจรัส รายงานข่าว

#สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย 061-753-1199

TOA จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2567 และอนุมัติจ่ายปันผลงวดครึ่งปีหลัง 0.35 บาทต่อหุ้น

 TOA จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2567 และอนุมัติจ่ายปันผลงวดครึ่งปีหลัง 0.35 บาทต่อหุ้น


เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2567 นายวีรศักดิ์ โฆสิตไพศาล (ที่ 5 จากซ้าย) รักษาการประธานกรรมการ และ  นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ (ที่ 4 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วยกรรมการและผู้บริหารระดับสูงของ บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA ได้เข้าร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2567  ในรูปแบบการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-AGM) โดยถ่ายทอดสดจากอาคารสำนักงานใหญ่บริษัทฯ เพื่อรายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2566 และทิศทางแนวโน้มการดำเนินงานในปี 2567 รวมถึงการนำเสนอข้อมูล และตอบข้อซักถามของผู้ถือหุ้น


 



ทั้งนี้ ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น มีมติอนุมัติเงินปันผลประจำปีจากกำไรสุทธิจากผลประกอบการงวดครึ่งปีหลังของปี 2566 ในอัตรา 0.35 บาทต่อหุ้น เป็นเงิน 710.15 ล้านบาท โดยมีกำหนดจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 28 พฤษภาคม 2567 อย่างไรก็ตาม เมื่อรวมกับเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรกที่จ่ายไปแล้วในเดือนกันยายน 2566 ในอัตรา 0.33 บาทต่อหุ้น จะรวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 0.68 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,379.72 ล้านบาท คิดเป็นอัตราจ่ายเงินปันผล 61% ต่อกำไรตามงบการเงินเฉพาะกิจการ โดยเงินปันผลเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 0.18 บาทต่อหุ้น หรือเพิ่มขึ้นกว่า 36% เนื่องจากผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งในปีที่ผ่านมา

 

TOA เดินหน้าเติบโตสู่ปีที่ 60 อย่างยั่งยืน ด้วยกลยุทธ์การเป็นผู้นำตลาดและอุตสาหกรรมสีทาอาคารในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน พร้อมการมุ่งขยายธุรกิจที่จะเป็นมากกว่าธุรกิจสี ด้วยเคมีภัณฑ์ก่อสร้าง ยิปซัมบอร์ด และกระเบื้องปูพื้น ปูผนังอย่างครบวงจร เพื่อตอบโจทย์การใช้งานและช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการตกแต่งตามสไตล์ที่ลูกค้าต้องการได้อย่างหลากหลาย ด้วยแนวคิดที่จะสร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น “Inspire Better Living”  

 

นอกจากนี้ เรายังพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change Action) จากภาวะวิกฤติโลกร้อน โดยการขับเคลื่อนองค์กรให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero ภายในปี 2050 อย่างเป็นรูปธรรม ภายใต้แผนยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน (SDGs) ตามกรอบแนวคิด ESG ทั้งเรื่องการดูแลสิ่งแวดล้อม ความรับผิดชอบต่อสังคม และยึดหลักธรรมาภิบาล

____


#สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย

TOA เปิดนโยบาย GREEN MISSION เดินหน้าพันธกิจ พิชิต Net Zero เสริมแกร่งด้วย..ฉลากลดโลกร้อน (CFR) มากที่สุดในสีทาอาคาร ตอกย้ำผู้นำตลาดสีเบอร์หนึ่ง..เติบโตสู่ปีที่ 60 อย่างยั่งยืน

 TOA เปิดนโยบาย GREEN MISSION เดินหน้าพันธกิจ พิชิต Net Zero เสริมแกร่งด้วย..ฉลากลดโลกร้อน (CFR) มากที่สุดในสีทาอาคาร ตอกย้ำผู้นำตลาดสีเบอร์หนึ่ง..เติบโตสู่ปีที่ 60 อย่างยั่งยืน




บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA เปิดแผนนโยบาย GREEN MISSION ตอกย้ำผู้นำเบอร์หนึ่งตลาดสีอาคารและวัสดุก่อสร้างครบวงจร ด้วยโรดแมปพิชิต Net Zero อย่างเป็นรูปธรรม ภายในปี 2050 เพื่อบูรณาการองค์กรยั่งยืนตามหลัก ESG เสริมแกร่งความสำเร็จกับการคว้าฉลากลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ หรือฉลากลดโลกร้อน (CFR) มากที่สุดในสีอาคาร รวม 40 ผลิตภัณฑ์ พร้อมเติบโตสู่ปีที่ 60 อย่างแข็งแกร่ง





นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate  Change) ถือเป็นวิกฤติที่ส่งผลกระทบต่อโลกและมนุษยชาติ ซึ่งจากมติที่ประชุม COP28 เมื่อปลายปี 2023 ที่ผ่านมา ยังคงย้ำชัดถึงข้อตกลงที่ทุกภาคส่วนจะต้องช่วยกันรักษาระดับอุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกไม่ให้สูงเกิน 1.5 องศาเซลเซียส เนื่องจากรายงานของปีนี้ระบุว่า ช่องว่างการปล่อยก๊าซเรือนกระจกยังคงสูงกว่าปีที่แล้ว 1.2% ทำให้ต้องเผชิญกับภาวะโลกร้อนสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์





TOA ในฐานะผู้นำตลาดและภาคอุตสาหกรรมผู้ผลิตสีในประเทศไทยและอาเซียน โดยตลอดระยะเวลา 60 ปี เรามุ่งมั่นดำเนินธุรกิจที่ให้ความสำคัญในเรื่องสุขอนามัยของผู้บริโภคและใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง เราจึงเป็นผู้ผลิตสีรายแรกในประเทศไทย ที่ยกเลิกการใช้สารโลหะหนัก ปรอท ตะกั่ว ในสีทาอาคารได้สำเร็จ ตั้งแต่ปี 1977 รวมทั้งการไม่หยุดพัฒนา สร้างสรรค์นวัตกรรมสีที่ปลอดภัย ใส่ใจต่อสุขภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม




เราจึงพร้อมเป็นส่วนหนึ่งของโลกในการบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change Action) โดยการประกาศนโยบาย GREEN MISSION เพื่อบูรณาการขับเคลื่อนองค์กรให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero ภายในปี 2050 อย่างเป็นรูปธรรม ภายใต้แผนยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน (SDGs) ตามกรอบแนวคิด ESG ทั้ง 3 ด้านหลัก ได้แก่ 1. Environment การดำเนินธุรกิจที่มีความรับผิดชอบและใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุด 2. Social ความรับผิดชอบต่อผู้ที่มีส่วนได้เสียในทุกมิติ ตั้งแต่ผู้ถือหุ้น พนักงาน คู่ค้า ลูกค้า ชุมชนและสังคม 3. Governance การกำกับดูแลองค์กรให้มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ มีจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจ และคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสีย




ด้าน ดร.ภาณุพงศ์ ภูทะวัง ผู้จัดการอาวุโส สายงานกลยุทธ์องค์กรและการพัฒนาอย่างยั่งยืน บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เผยว่า TOA ตั้งเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมภายในบริษัทให้ได้ 50% ภายในปี 2030 หรือคิดเป็นมากกว่า 8,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (TonCO2e) พร้อมตั้งเป้าหมายในการสร้างสิทธิที่เกิดจากการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) จากการดำเนินงานเกี่ยวกับพลังงานทดแทน การขนส่ง การจัดการของเสีย และการปลูกป่าให้ได้ 1 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (MTonCO2e) ภายในปี 2042




โดยการบริหารจัดการองค์กรแบบบูรณาการในทุกกระบวนการของ TOA Circular Economy ตั้งแต่กระบวนการต้นน้ำจนถึงปลายน้ำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และทำให้เกิดของเสียเป็นศูนย์


ด้วยการดำเนินงาน 7 กลยุทธ์หลัก หรือ 7-Green คือ Green Production –  Green Energy – Green Value Chain – Green Partner – Green Reforestation – Greenovation – Green Certified & The Carbon Footprint Reduction or Global Warming Reduction Label ได้แก่


1. Green Production เราใส่ใจและให้ความสำคัญตั้งแต่กระบวนการผลิตภายในให้มีประสิทธิภาพสูงสุด                      ใช้กระบวนการผลิตในระบบปิดที่ได้มาตรฐานระดับสากล ใช้ระบบอัตโนมัติและปัญญาประดิษฐ์มาช่วยเพื่อลดระยะเวลาและขั้นตอนในการผลิต ใช้พลังงานไฟฟ้าสะอาดจากแสงอาทิตย์ การจัดการของเสียเพื่อทำให้ของเสียเป็นศูนย์ (Zero Waste Management)




2. Green Energy การใช้พลังงานไฟฟ้าสะอาดจากแสงอาทิตย์ทั้งในส่วนการผลิตและการดำเนินกิจกรรมทั่วไปในบริษัท ลดการใช้พลังงานจากแหล่งเชื้อเพลิงฟอสซิล ใช้ระบบการขนส่งสินค้าภายในและภายนอกด้วยระบบรถไฟฟ้า (EV) การจัดระบบขนส่งสินค้าให้เกิดประสิทธิภาพเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างสูงสุด


3. Green Value Chain กระตุ้น ผลักดัน และสนับสนุนให้เกิด Green Environment ในทุกกิจกรรมที่เกิดขึ้นจากภายนอกบริษัท ทั้งในส่วนคู่ค้าและลูกค้า ทำให้เกิดวงจรสีเขียวขึ้นครบระบบอย่างแท้จริง รวมทั้งยังมีส่วนช่วยทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับมหภาคในการเปลี่ยนสู่การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของประเทศ


4. Green Partner การร่วมมือกับพันธมิตรภาคธุรกิจโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ที่มีแนวทางการดำเนินธุรกิจเพื่อโลกอย่างยั่งยืน หรือ Green Partner ในการสร้างสรรค์ พัฒนานวัตกรรมสีเขียวที่ปลอดภัย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการคิดค้นโซลูชั่นต่างๆ เพื่อตอบโจทย์คู่ค้า ผู้บริโภค และช่วยโลกลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อาทิ โปรเจกต์ “ฝ้ายิปซัม รีไซเคิล” ที่มีแนวคิดมาจากการพยายามลดเศษวัสดุฝ้าเหลือใช้ที่จะกลายเป็นของเสียในโครงการก่อสร้างต่างๆ แล้วนำมาผ่านกระบวนการรีไซเคิล เพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ให้ได้มากที่สุด สามารถลดวัสดุของเสียหน้างานได้จริงกว่า 10% และนวัตกรรม “สีรักษ์โลก รุ่น Expert Series” ซึ่งเป็นนวัตกรรมสีทับหน้ารวมรองพื้นไว้ในกระป๋องเดียว สามารถทาง่าย เพียง 2 เที่ยว ช่วยประหยัดเวลา ลดขั้นตอนการทำงาน ช่วยประหยัดการใช้น้ำกว่า 78 ลิตรต่อการทาสีบ้านหนึ่งหลัง


5. Green Reforestation จัดตั้งโครงการ “TOA รักษ์เรา รักษ์โลก ฟื้นคืนผืนป่าและระบบนิเวศอย่างยั่งยืน”                    เพื่อเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับชุมชนและประเทศ ช่วยเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ ช่วยเพิ่มสมดุลธรรมชาติ ดูดซับและกักเก็บคาร์บอน ช่วยสร้างแหล่งการเรียนรู้ แหล่งท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนท้องถิ่น พร้อมตั้งเป้าจะปลูกป่าเพิ่มให้ครบ 2 ล้านต้น ภายในปี 2033


6. Greenovation มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย ใส่ใจต่อสุขภาพผู้บริโภค และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เริ่มจากการแสวงหาวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์ที่ดีที่สุด ภายใต้แนวคิด Greenovation หรือ นวัตกรรมสีเขียว ที่ช่วยลดผลกระทบทางลบและรักษาสุขภาพของผู้ใช้งานเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น (Better Health & Wellness) ทั้งยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมทั้งมีการจัดการของเสียที่เกิดขึ้นหลังจากการใช้สินค้า เช่น การทำบรรจุภัณฑ์ในกลุ่ม  ถังพลาสติกที่สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ 100% การใช้เม็ดพลาสติกที่ได้จากการรีไซเคิล รวมทั้งกระบวนการจัดการเรื่องการนำถังพลาสติกกลับเข้าระบบปิด เพื่อนำมาผลิตเป็นเม็ดพลาสติกและใช้ในวงจรการผลิตถังพลาสติก (Closed loop) ให้ได้มากที่สุด


 


7. Green Certified เราได้เปิดตัวมาตรฐานใหม่ “TOA GREEN CERTIFIED” สัญลักษณ์สินค้าคุณภาพ การันตีด้วยเกณฑ์มาตรฐานความปลอดภัยที่ดีต่อผู้บริโภคและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่สะท้อนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานระดับสากล ปลอดภัย ไม่ทำลายสุขภาพ ช่วยลดโลกร้อน อาทิ สุดยอดนวัตกรรมสีรักษ์โลกอย่าง ‘TOA Organic Care’ สีทาภายในที่พัฒนาขึ้นด้วยเทคโนโลยี Bio-Based ใช้วัตถุดิบหลักจากพืชหมุนเวียน รายแรกและรายเดียวในไทย ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก USDA สหรัฐอเมริกา และ “TOA Aqua Shield”  สีเคลือบทับหน้ารวมรองพื้น สูตรน้ำ กลิ่นอ่อน ปลอดภัย ทาได้หลากหลายพื้นผิว จึงช่วยลดขั้นตอนการทา ช่วยประหยัดการใช้น้ำมากยิ่งขึ้น


 


นอกจากนี้ TOA ได้ผ่านการรับรองฉลากคาร์บอนและฉลากลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ในกลุ่มสีทาอาคารและแผ่นยิปซัมมากถึง 320 ผลิตภัณฑ์ ที่ครอบคลุมตลาดสีทาอาคารส่วนใหญ่ในปัจจุบัน อาทิ กลุ่มผลิตภัณฑ์สินค้าเรือธงอย่าง SuperShield, TOA Organic Care, TOA Shield-1 Nano, 4SEASONS, SUPER MATEX, Expert series (Shield, Pro, Flex) และ TOA 7in1 อีกทั้ง TOA มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องทุกมิติในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก


 


โดยผลิตภัณฑ์ที่มีการรับรองเครื่องหมายฉลากลดโลกร้อน สะท้อนถึงความสำเร็จในการมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมสินค้า จนสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้จริงตามเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งเป็นการประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์นั้น ตั้งแต่การได้มาซึ่งวัตถุดิบ การขนส่ง กระบวนการผลิต การใช้งาน และการจัดการซากผลิตภัณฑ์หลังใช้ โดยมีรูปแบบสำหรับการประเมิน ประกอบด้วย การประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ในปีปัจจุบัน การประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ในปีฐาน (Base Year)  การเปรียบเทียบคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ในปีปัจจุบันกับปีฐาน แล้วพบว่าค่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของผลิตภัณฑ์ลดลงไม่น้อยกว่าร้อยละ 2  และนำผลการเปรียบเทียบพิจารณาตามเกณฑ์การประเมิน เพื่อขึ้นทะเบียนเครื่องหมายลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ 

 


โดยในปี 2023 ที่ผ่านมา TOA ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินการตามกลยุทธ์ 7-Green สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่า 31,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (TonCO2e) เทียบเท่ากับการปลูกต้นสักมากกว่า 1,800,000 ต้น ที่จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของ TOA ว่านอกเหนือจากนวัตกรรมสินค้า คุณภาพสินค้า และบริการที่ได้รับแล้ว ทุกท่านยังได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยโลกของเราในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สาเหตุที่ทำให้เกิดวิกฤติโลกร้อน ทั้งยังช่วยลดผลกระทบทางลบการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระยะยาวอีกด้วย


และนี่จึงเป็นสิ่งที่ตอกย้ำว่า TOA คือผู้นำตลาดอุตสาหกรรมสีของคนไทย ที่เราพร้อมเคียงข้างคุณ ในการ                    ปกป้องบ้าน ดูแลสิ่งแวดล้อม และช่วยโลกที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง

____


#สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ตอกย้ำปณิธาน “สร้างชีวิต” มอบเครื่องเล่นสนาม อุปกรณ์ครุภัณฑ์ พร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคแก่เด็กนักเรียนในส่วนภูมิภาค ณ โรงเรียนวัดนาร่อง อ.เมือง จ.สระบุรี

 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ตอกย้ำปณิธาน “สร้างชีวิต” มอบเครื่องเล่นสนาม อุปกรณ์ครุภัณฑ์ พร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคแก่เด็กนักเรียนในส่วนภูมิภาค ณ โรงเรียนวัดนาร่อง อ.เมือง จ.สระบุรี





.

วันนี้ (วันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2567) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นางสาวดวงชุตา  ติยะพจนพรกุล  ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และ นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ ร่วมในพิธี มอบเครื่องเล่นสนาม อุปกรณ์ครุภัณฑ์ พร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคแก่เด็กนักเรียนโรงเรียนวัดนาร่อง อ.เมือง จ.สระบุรี อาทิ เครื่องเล่นสนามชุดปีนป่ายหนอนน้อย ตู้เหล็กเก็บเอกสารบานเลื่อน ชั้นวางของอเนกประสงค์ ชั้นวางของ ชั้นวางหนังสือ ชั้นวางรองเท้านักเรียน ตะแกรงคัดขยะ 3 ช่อง ชุดนักเรียน กางเกงวอร์ม และกระเป๋านักเรียน เป็นต้น พร้อมด้วยเครื่องอุปโภคบริโภค ประกอบด้วย ข้าวสาร  ปลากระป๋อง น้ำมันพืช เส้นหมี่ขาว และขนมจันอับ รวมมูลค่า 208,076 บาท (สองแสนแปดพันเจ็ดสิบหกบาทถ้วน) นอกจากนี้ นายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์ กรรมการมูลนิธิฯ  ได้สนับสนุนลูกฟุตบอลจำนวน 30 ใบ พร้อมด้วย ลูกอม จำนวน 1 ลัง  โดยมี นางสาวจิรนันท์ สาระเดช รักษาการผู้อำนวยการโรงเรียนวัดนาร่อง พร้อมด้วย ผู้แทนเด็กและเยาวชน เป็นผู้รับมอบ ณ โรงเรียนวัดนาร่อง อ.เมือง จ.สระบุรี

.




ตลอดระยะเวลากว่า 114 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา  เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ต่อไป

.







ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมงานสาธารณกุศลมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่ เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung  

.








มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

#แอปพลิเคชัน และ #สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง1418 

#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

55 ปี กฟผ. มอบส่วนลด 5,555 สิทธิ์ ตู้เย็นเบอร์ 5 แบบใหม่ ใช้สารทำความเย็นธรรมชาติ 1 พ.ค. – 30 ก.ย. นี้ ร่วมประหยัดไฟ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

 55 ปี กฟผ. มอบส่วนลด 5,555 สิทธิ์ ตู้เย็นเบอร์ 5 แบบใหม่ ใช้สารทำความเย็นธรรมชาติ 1 พ.ค. – 30 ก.ย. นี้ ร่วมประหยัดไฟ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม



กฟผ. ชวนใช้ตู้เย็นติดฉลากเบอร์ 5 แบบใหม่ ใช้สารทำความเย็นธรรมชาติ ช่วยประหยัดไฟฟ้า และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เตรียมมอบ 5,555 สิทธิ์ส่วนลดแก่ประชาชน เริ่ม 1 พ.ค. – 30 ก.ย. 67 นี้ ณ ห้างสรรพสินค้าที่เข้าร่วมกิจกรรมทั่วประเทศ



นายธวัชชัย สำราญวานิช ผู้ช่วยผู้ว่าการแผนงานโรงไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ประธานกรรมการบริหารกองทุนนวัตกรรมสำหรับอุตสาหกรรมทำความเย็น เปิดเผยว่า ปีนี้ กฟผ. ครบรอบ 55 ปี กฟผ. ร่วมกับผู้ประกอบการฉลากเบอร์ 5 และห้างสรรพสินค้าชั้นนำ จัดกิจกรรม “ร่วมรักษ์โลก ร่วมรักษ์พลังงาน ร่วมใช้ตู้เย็นฉลากเบอร์ 5 แบบใหม่” เปลี่ยนจากเบอร์ 5 แบบเก่าประสิทธิภาพสูงสุดที่ 3 ดาว เป็น 5 ดาว มอบสิทธิ์ส่วนลดแก่ประชาชน จำนวน 5,555 สิทธิ์ มูลค่ารวมเกือบ10 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนเลือกใช้ตู้เย็นที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยประหยัดไฟฟ้า และใช้สารทำความเย็นธรรมชาติ หรือ สาร Isobutane (R600a) ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่เป็นพิษ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 



สำหรับสิทธิ์ส่วนลดดังกล่าว ประกอบด้วย 1) ส่วนลดสูงสุด 3,500 บาท จำนวน 1,555 สิทธิ์ สำหรับซื้อตู้เย็นที่ได้รับฉลากเบอร์ 5 ห้าดาว ขนาด 7.1 – 14.0 คิวบิกฟุต 2) ส่วนลด 1,500 บาท จำนวน 2,000 สิทธิ์ สำหรับซื้อตู้เย็นที่ได้รับฉลากเบอร์ 5 ห้าดาว ขนาดไม่เกิน 7 คิวบิกฟุต และมากกว่า 14 คิวบิกฟุตขึ้นไป ขนาดละ 1,000 สิทธิ์ และ 3) ส่วนลด 750 บาท จำนวน 2,000 สิทธิ์ สำหรับซื้อตู้เย็นที่ได้รับฉลากเบอร์ 5 ถึงฉลากเบอร์ 5 สี่ดาว โดยเปิดให้รับสิทธิ์ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม – 30 กันยายน 2567 หรือจนกว่าผู้ใช้สิทธิ์จะครบตามจำนวน เพียงแสดงบัตรประชาชนเพื่อลงทะเบียนรับสิทธิ์ 1 คน ต่อ 1 สิทธิ์ ที่เคาน์เตอร์ชำระเงินของห้างสรรพสินค้าที่ร่วมกิจกรรมทั้ง 12 ราย ได้แก่ โฮมโปร เมกาโฮม ไทวัสดุ บีเอ็นบีโฮม เพาเวอร์บาย เดอะมอลล์ เอ็มโพเรียม สยามพารากอน โกลบอลเฮ้าส์ ดูโฮม ฮาร์ดแวร์เฮาส์ และร้านสหกรณ์ กฟผ.



ฉลากเบอร์ 5 แบบใหม่ นอกจากจะเพิ่มทางเลือกให้ผู้ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าได้ประหยัดมากขึ้น และช่วยลด การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แล้ว ยังมีขั้นตอนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมี QR Code ให้ตรวจสอบข้อมูลของผลิตภัณฑ์ได้ คาดว่ากิจกรรมส่งเสริมการใช้ตู้เย็นเบอร์ 5 แบบใหม่ จะประหยัดพลังงานไฟฟ้าลงได้ประมาณ 1.6 ล้านหน่วยต่อปี หรือคิดเป็นเงิน 8 ล้านบาทต่อปี และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 800 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี ลดผลกระทบต่อภาวะโลกร้อน จากการใช้สารทำความเย็นธรรมชาติ R600a ได้เกือบ 100% เมื่อเทียบกับการใช้สารทำความเย็น R134a




------------------


#สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย

(085-356-7444)

ร้อยเอ็ด- จัดกิจกรรมทำบุญตักบาตร และพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ถวายพระราชกุศลและถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ ฯ

 ร้อยเอ็ด- จัดกิจกรรมทำบุญตักบาตร และพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ถวายพระราชกุศลและถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ  เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ ฯ




     เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2567 เวลา 07.00 น. ณ วัดบึงพระลานชัย พระอารามหลวง อำเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมด้วยข้าราชการ และพสกนิกรทุกหมู่เหล่า ประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล และถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ ฯ 





โดยมีพระพรหมวชิรโสภณ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 10 (ธ) เจ้าอาวาสวัดบึงพระลานชัย พระอารามหลวง เป็นประธานฝ่ายสงฆ์  เพื่อแสดงความจงรักภักดี และให้พระองค์ท่านทรงพระเกษมสำราญ มีพระวรกายสมบูรณ์แข็งแรง พระชนมายุยิ่งยืนนาน 





     สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ทรงเป็นพระราชโอรสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้เจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาทด้วยทรงอุทิศพระองค์ปฏิบัติพระกรณียกิจนานัปการ ด้วยพระวิริยะอุตสาหะเพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุขแก่พสกนิกรชาวไทย ทรงเป็นแบบอย่างให้แก่ประชาชนทุกหมู่เหล่าในการสมัครใจช่วยเหลือผู้อื่น ในขณะเดียวกันก็ทรงมุ่งมั่นในการศึกษาในระบบอย่างต่อเนื่อง





     เนื่องในโอกาสอันเป็นมงคลนี้ จังหวัดร้อยเอ็ด ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมกันถวายความจงรักภักดี ด้วยการร่วมประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพร สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ในวันจันทร์ที่ 29 เมษายน 2567 เวลา 17.00 น. พร้อมกันกับส่วนกลาง ณ อีกหลายวัดในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด 





///

คมกฤช พวงศรีเคน ข่าว/ภาพ

คีย์ อินธิราทร ศูนย์ข่าวทีวีประชาชนออนไลน์/รายงาน