วันพฤหัสบดีที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

"PCT ชุดที่ 1 จับกุมบัญชีม้า HYBRID SCAM หลอกให้รักชักชวนเทรดคลิบโต พบหมายจับ 7 หมาย ความเสียหายมากกว่า 7 ล้านบาท"

 "PCT ชุดที่ 1 จับกุมบัญชีม้า HYBRID SCAM หลอกให้รักชักชวนเทรดคลิบโต พบหมายจับ 7 หมาย ความเสียหายมากกว่า 7 ล้านบาท"



จากนโยบาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติ์ประภัสร์ ผบ.ตร.สั่งการมอบหมายให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ ผอ.ศปอส.ตร (PCT), พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผช.ผบ.ตร., พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม.เร่งดำเนินการกวดขันจับกุมขบวนการแก๊ง call center หรือการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีที่สร้างความเดือดร้อนแก่สังคมไทย จึงได้สั่งการให้ ศปอส ตร. ชุดปฏิบัติการที่ 1 นำโดย พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม.หนชป.ศปอส.ตร. ชุดที่ 1, พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบกสส.สตม, พต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม, พตอ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ปรก.บก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐพงศ์ แก้วยอด ผกก.4 บก.สส.สตม., พ.ต.ท.นพรัตน์ จงเชิดชูตระกูล รอง ผกก.4 บก.สส.สตม. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปอส.ตร. ชุดปฏิบัติการที่ 1 (PCT) และเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.สตม. ทำการจับกุมตัวผู้ต้องหา นางสาวดวงรักษ์ (ขอสงวนนามสกุลจริง) อายุ 38 ปี สัญชาติไทย ข้อหา "ร่วมกันฉ้อโกง, ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น"



     โดยมีพฤติการณ์ เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2566 เจ้าหน้าที่ ศปอส.ตร.ชุดปฏิบัติการที่ 1 โดย พ.ต.ต.สิทธิมณ สร้อยภู่ระย้า, ส.ต.ท.รดิศ สิทธิประศาสน์, ส.ต.ท.ชานนท์ บินกาชีเมน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กก.4 ก.สส.สตม. ได้ทำการสืบสวนกรณีที่มรประชาชนเข้าแจ้งความร้องทุกข์ผ่านทางระบบแจ้งความออนไลน์และเจ้าหน้าที่ ศปอส.ตร.ว่าได้มีคนร้ายที่รู้จักกันผ่านแอพพลิเคชั่นหาคู่ แล้วทำการชักชวนหลอกลงทุนคลิปโต ซึ่งพบว่ามีผู้เสียหายอยู่รายหลาย ซึ่งจากการสืบสวนทราบว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเกี่ยวข้องกับ นางสาวดวงรักษ์ (ขอสงวนนามสกุล) ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงธนบุรี ที่ 107/2565 ลงวันที่ 30 มีนาคม 2565 ในข้อหา

"ร่วมกันฉ้อโกง, ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น" จึงได้ทำการสืบสวนติดตามทราบว่านางสาวดวงรักษ์ฯ ได้หลบหนีไปอยู่ที่บริเวณบ้านพัก ในซอยสุขุมวิท 33 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร จึงได้ทำการไปตรวจสอบและพบนางสาวดวงรักษ์ฯ จึงได้ทำการแสดง

หมายจับและทำการแจ้งสิทธิตามกฎหมายให้ทราบและจับกุมตัวเพื่อส่งพนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป



     โดยทางผู้ต้องหายอมรับสารภาพว่า ตนได้ทำการรับจ้างเปิดบัญชี จำนวน 2 บัญชี จำนวน 2,000 บาท โดยได้รับการติดต่อจากเพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งตนก็ได้ยินยอมและส่งมอบบัญชีธนาคาร ชิมมือถือที่ลงทะเบียนกับทางธนาคารให้ โดยทาง พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม./หน.ชป.ศปอส.ตร. ชุดที่ 1 ได้เปิดเผยถึงพฤติการณ์ของคนร้ายว่าคนร้ายนั้นจะทำการปลอมตัวและแฝงตัวอยู่ในแอพพลิเคชั่นหาคู่ เช่น แอพพลิเคชั่น omi , ok cupid จากนั้นเมื่อได้ทำการพูดคุยตีสนิทกับผู้เสียหายไปสักพักหนึ่งแล้วจะให้ทางผู้เสียหายทำการเพิ่มเพื่อนใน FACEBOOK และพูดคุยผ่านทาง FACEBOOK เพื่อทำให้ผู้เสียหายตายใจ โดย FACEBOOK ที่มีการพูดคุยนั้นป็นการใช้โปร์ไฟล์ปลอม และหลังจากนั้นจะขอให้ทำการแอด LINE เพื่อจะพูดคุยถึงการลงทุนเกี่ยวกับการเทรด

คลิปโต หรือการลงทุนหุ้นต่างๆ และเมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้ทำการชักชวนผู้เสียหายให้ทำการสมัครสมาชิกสำหรับการเทรดคลิปโต ผ่านเว็บไซต์ WWW.Gxbfc036.cn, web.mitokenex.com, www.opttradap.vip หรือ http://wap.erxproap.vip/ERX ซึ่งคนร้ายจะเริ่มทำการพูดคุยแนะนำเกี่ยวกับหุ้นคลิปโตที่ให้ผลตอบแทนที่ดีเพื่อให้ผู้เสียหายหลงเชื่อและเริ่มทำการโอนเงินเพื่อการลงทุนสำหรับเทรดไปยังบัญชีของคนร้ายที่แจ้งให้กับผู้เสียหาย โดยเว็บไซต์ที่ทางผู้เสียหายได้สมัครสมาชิกนั้นจะ เป็นเว็บไซต์ปลอมที่ถูกทางคนร้ายสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในการหลอกผู้เสียหาย และเมื่อเข้าไปเทรดช่วงแรกจะมีการแจ้งว่าได้กำไรแต่จะยังไม่สามารถถอนเงินได้ โดยจะถูกชักชวนให้ลงทุนในการเทรดเพิ่มขึ้น ซึ่งหากผู้เสียหายต้องการจะถอนเงินออกจากระบบก็จะให้โอนเงินเพื่อชำระค่าธรรมเนียม ค่าภาษี หรือคำต่างๆ เพื่อจะทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อและถูกหลอกให้โอนเงินต่อไป โดยจากการตรวจสอบจากระบบแจ้งความออนไลน์ ของ สตช. พบว่ามีผู้เสียหายจำนวนหลายราย และมีความเสี่ยหายรวมกันมากกว่า 7 ล้านบาท และพบว่า

ผู้ต้องหารายนี้มีหมายจับอื่นอีก รวม 7 หมายจับ



     พล.ต.อ.รอยฯ กล่าวว่า การดำเนินกิจกรรมทางโลกออนไลน์โดยเฉพาะการพนันออนไลน์ การฉ้อโกง หรือการหลอกลงทุนต่าง รวมไปถึงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้กำชับให้ตำรวจทุกหน่วยกวดขันจับกุมอย่างเด็ดขาดไปก่อนหน้านี้แล้ว ทั้งนี้ จะดำเนินการตรวจสอบและขยายผลเส้นทางการเงินบัญชีที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซนเตอร์ เพื่อจะได้นำพยานหลักฐานมาดำเนินการกับกลุ่มคนร้ายต่อไป

และขอแจ้งเตือนผู้ที่คิดจะกระทำความผิดเป็นแก๊งคอลเชนเตอร์ และเล่นพนันออนไลน์ อาจจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายประเทศไทย หากพี่น้องประชาชนพบเบาะแสการกระทำผิดทางเทคโนโลยี การหลอกลวงออนไลน์ การพนันออนไลน์ หรือพฤติกรรมสักลอบกระทำผิดต่างๆ สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ สายด่วน ศูนย์ PCT 1441 ตลอด 24 ชม. หรือสายตรง 081-866-3000 เฉพาะในเวลาราชการ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น