วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการดำเนินการยกระดับการให้บริการภาครัฐสู่ประชาชน ให้มีความทันสมัย โปร่งใส รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญในการนำภาครัฐสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล ตามแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัล

 ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการดำเนินการยกระดับการให้บริการภาครัฐสู่ประชาชน ให้มีความทันสมัย โปร่งใส รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญในการนำภาครัฐสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล ตามแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัล 



ซึ่งจะสอดรับกับเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565 ซึ่งเป็นกฎหมายฉบับใหม่ ว่าด้วยการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ ส่งเสริมให้การทำงาน การให้บริการของภาครัฐสามารถใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลักได้ สนับสนุนการไปสู่รัฐบาลดิจิทัล ซึ่งเป็นไปตามการปฏิรูปประเทศด้านการปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน ที่ให้มีการนำเทคโนโลยีต่างๆ มาประยุกต์ใช้เพื่อบริการสาธารณะและอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน    

และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 




       พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์  

กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย  อิงคไพโรจน์ 

รอง ผบ.ตร. จึงได้มอบหมายให้ สตม. โดย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. ดำเนินการ

ยกระดับการให้บริการขออนุญาต

อยู่ต่อในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (e – Extension) 

ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เป็นการยกระดับและสร้างมาตรฐานการให้บริการนักท่องเที่ยว และชาว

ต่างชาติ รูปแบบใหม่ด้วยการยื่นคำร้องขออนุญาตอยู่ต่อในราชอาณาจักรและชำระเงินค่าธรรมเนียมผ่านทางระบบ

อิเล็กทรอนิกส์




ระบบดังกล่าวนั้น จะเป็นการนำร่องการขออยู่ต่อในพื้นที่กรุงเทพมหานคร สำหรับคนต่างด้าวที่มีถิ่นพำนักอยู่ในกรุงเทพฯ หรือมีสถานที่ทำงานของรัฐในเขตกรุงเทพ ฯ ซึ่งได้เปิดให้บริการในส่วนของเหตุผลหรือความจำเป็น ในการขออยู่ต่อฯ จำนวน 12 เหตุผล ดังนี้ 

1.เพื่อการท่องเที่ยว, 

2.ครูในสถานศึกษาของรัฐ, 3.ศึกษาในสถานศึกษาของรัฐ, 

4.อยู่ปฏิบัติงานในส่วนราชการ, 

5.เดิมคนไทย, 

6.ครอบครัวผู้มีถิ่นที่อยู่, 

7.สื่อมวลชน, 

8.ฝึกสอน ค้นคว้าวิจัยในหน่วยงานของรัฐ, 

9.ติดตั้งซ่อมแซมเครื่องจักร, 

10.ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์, 

11.ผู้ควบคุมพาหนะประจำพาหนะ 

12.สถานทูตให้การรับรองและร้องขอ




“เนื่องจากในแต่ละปี ประเทศไทยมีคนต่างด้าวยื่นขออนุญาตอยู่ต่อในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว เฉพาะในส่วนของเหตุผลหรือความจำเป็น 12 เหตุผลดังกล่าว มากกว่า 2 แสนคนต่อปี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งในพื้นที่กรุงเทพ ฯ มีผู้มาขอรับบริการเป็นจำนวนมาก ทำให้คนต่างด้าวใช้เวลาค่อนข้างนานในการขอรับบริการแต่ละครั้งโดยเฉลี่ยต้องใช้เวลารอเข้ารับบริการประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง”




ในกรณีคนต่างด้าวเปลี่ยนมาขอรับบริการผ่านระบบ“e – Extension” (Electronics Extension of Temporary Stay in The Kingdom : e – Extension) 

นักท่องเที่ยว ชาวต่างชาติ 

สามารถดำเนินการกรอกข้อมูลได้ด้วยตนเองตลอดเวลา ผ่านระบบออนไลน์บนอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ผ่านเว็บไซต์ และเข้ามาพบเจ้าหน้าที่เพื่อยืนยันตัวบุคคลและรับสติ๊กเกอร์วีซ่า

โดยใช้ระยะเวลาไม่เกิน 3 - 5 นาทีต่อรายเท่านั้น


โครงการดังกล่าวลดขั้นตอนและระยะเวลาในการดำเนินการ ทำให้คนต่างด้าวสามารถกำหนดนัดหมายวันเวลาขอรับสติ๊กเกอร์วีซ่าได้ด้วยตนเอง นับเป็นมิติใหม่ของการยื่นขออนุญาตอยู่ต่อในประเทศไทย บริการ “e – Extension” ได้มีการทดลองระบบโดยเปิดให้คนต่างด้าวขอรับบริการ ตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม ที่ผ่านมา มีคนต่างด้าวให้ความสนใจและเข้ามาทดลองใช้งานผ่านระบบเป็นจำนวนมาก ซึ่งระบบสามารถใช้งานได้เป็นอย่างดีจนได้รับความพึงพอใจจากผู้มารับบริการและมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น


อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการสร้างความตระหนักรู้ และประชาสัมพันธ์ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง นำโดย พล.ต.ต.ปิยะอนันต์ โตสกุลวงศ์ ผบก.ตม.1  , พ.ต.อ.ระพีพัฒน์ อุตสาหะ รอง ผบก.ตม.1 

ดูแลอำนวยการ และบริหารงานตรวจคนเข้าเมืองทั้งระบบในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้เร่งรัดสั่งการ

ให้ พ.ต.อ.กาจภณ   ปฐมัง ผกก.สืบสวน บก.ตม.1 ระดมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์ ทั่วกรุงเทพมหานคร โดยเริ่มจากพื้นที่ที่มีคนต่างชาติพักอาศัยหนาแน่น โรงแรม ย่านการค้าธุรกิจต่างๆ 


ทั้งนี้ กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 ในฐานะหน่วยงานนำร่องการดำเนินการให้บริการ e- Extension

ขอเรียนประชาสัมพันธ์สร้างความเชื่อมั่นไปยังพี่น้องประชาชนคนไทย และชาวต่างชาติ ถึงความพร้อมในการยกระดับการให้บริการให้มีประสิทธิภาพ มีมาตรฐาน โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นที่ยอมรับ

ในระดับนานาชาติ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น