วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2565

กระทรวงพาณิชย์"ประกันรายได้สินค้าเกษตร" เดินหน้าปี 4 สร้างความมั่นคงต่อเนื่อง

 กระทรวงพาณิชย์"ประกันรายได้สินค้าเกษตร" เดินหน้าปี 4 สร้างความมั่นคงต่อเนื่อง

   


       

นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผย หลังพบปะเกษตรกรและติดตามผล การดาเนินโครงการประกันรายได้สินค้าเกษตรในพื้นที่จังหวัดกระบี่ และสุราษฎร์ธานี ระหว่างวันที่ 22 – 24 ธันวาคม 2565 ซึ่งได้รับเสียงตอบรับจากเกษตรกรเป็นอย่างดี ช่วยให้เกษตรกรมีหลักประกันด้านรายได้หาก ราคาตลาดต่ากว่าราคาเป้าหมายที่กาหนดไว้ โดยปัจจุบันได้ดาเนินการปีนี้เป็นปีที่ 4 แล้ว และมีเกษตรกร มีสิทธิเข้าร่วมโครงการกว่า 8.16 ล้านครัวเรือน ครอบคลุมทั้ง 5 สินค้า ได้แก่ ข้าว มันสาปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยง สัตว์ ปาล์มน้ามัน และยางพารา ส่วนผลการดาเนินงานในปีที่ผ่านมา (ปีการผลิต 2564/65) ซึ่งมีกรอบวงเงิน รวม 115,112.21 ล้านบาท ได้สิ้นสุดการดาเนินการแล้ว โดยมีผลการจ่ายเงินชดเชย 88,483.72 ล้านบาท (คิด เป็นร้อยละ 77 ของเป้าหมาย)




สำหรับความคืบหน้าโครงการประกันรายได้ปี 4 สินค้าข้าว คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 เห็นชอบในหลักการโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2565/66 และมาตรการ คู่ขนาน เป้าหมายเกษตรกร 4.678 ล้านครัวเรือน วงเงินงบประมาณ 18,700.13 ล้านบาท กาหนดราคา ประกันรายได้เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา ดังนี้ ข้าวเปลือกหอมมะลิ 15,000 บาท/ตัน (ปริมาณครัวเรือนละ 14 ตัน) ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ 14,000 บาท/ตัน (ปริมาณครัวเรือนละ 16 ตัน) ข้าวเปลือกปทุมธานี 11,000 บาท/ตัน (ปริมาณครัวเรือนละ 25 ตัน) ข้าวเปลือกเจ้า 10,000 บาท/ตัน (ปริมาณครัวเรือนละ 30 ตัน) ข้าวเปลือกเหนียว 12,000 บาท/ตัน (ปริมาณครัวเรือนละ 16 ตัน) โดยขณะนี้ ได้ประกาศราคา เกณฑ์กลางอ้างอิง และโอนเงินชดเชยส่วนต่างให้เกษตรกรแล้ว 10 งวด จ่ายเงินชดเชยให้เกษตรกร 2.535 ล้านครัวเรือน เป็นจานวนเงิน 7,690.30 ล้านบาท และเมื่อวันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา ได้ประกาศ ราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงงวดที่ 11 เรียบร้อยแล้ว โดย ธ.ก.ส. จะโอนเงินให้เกษตรกรภายใน 3 วันทาการต่อไป




นอกจากนี้ ยังมีการดาเนินมาตรการคู่ขนานควบคู่ไปกับโครงการประกันรายได้ เพื่อให้มีการซื้อ ผลผลิตเก็บในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมากไม่ให้ราคาตลาดตกต่าลง ซึ่งจะช่วยรัฐบาลประหยัดค่าใช้จ่าย ในการประกันรายได้ อาทิ ให้เกษตรกรเก็บข้าวไว้ในยุ้งฉาง ได้รับค่าฝากเก็บตันละ 1,500 บาท ให้สหกรณ์และ ผู้ประกอบการ (ข้าว มันสาปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์) เร่งรับซื้อเก็บสต็อกโดยช่วยเหลือดอกเบี้ย 3% เป็นต้น และสาหรับโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ยังคงหลักการ เดิมเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา โดยการสนับสนุนค่าใช้จ่ายให้เกษตรกรไร่ละ 1,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่ ขณะนี้จ่ายให้เกษตรกรแล้วจานวน 4.295 ล้านครัวเรือน วงเงิน 50,617 ล้านบาท





ในส่วนโครงการประกันรายได้ มันสาปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และปาล์มน้ามัน คณะกรรมการ นโยบายสินค้าเกษตร ได้เห็นชอบในหลักการแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการนาเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา สาหรับ ยางพาราอยู่ระหว่างเสนอคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) โดยกาหนดราคาประกันเช่นเดียวกับปี ที่ผ่านมา ดังนี้ มันสาปะหลัง กาหนดราคาประกัน 2.50 บาท/กก. ไม่เกิน 100 ตัน/ครัวเรือน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ กาหนดราคาประกัน 8.50 บาท/กก. ไม่เกิน 30 ไร่/ครัวเรือน ปาล์มน้ามัน กาหนดราคาประกัน 4.00 บาท/ กก. ไม่เกิน 25 ไร่/ครัวเรือน อายุ 3 ปีขึ้นไป และยางพารา กาหนดราคาประกัน (ไม่เกิน 25 ไร่ อายุ 7 ปีขึ้นไป) สาหรับยางดิบ (ปริมาณ 20 กก./ไร่/เดือน) 60 บาท/กก. น้ายางสด (DRC 100%) (ปริมาณ 20 กก./ไร่/เดือน) 57 บาท/กก. และยางก้อนถ้วย (DRC 50%) (ปริมาณ 40 กก./ไร่/เดือน) 23 บาท/กก. อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ราคามันสาปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และปาล์มน้ามัน ปัจจุบันยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าราคา ประกันรายได้ ซึ่งหากคณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบในหลักการมาแล้ว ก็จะเป็นหลักประกันให้เกษตรกร ไว้ใช้ในช่วงที่ผลผลิตออกมากจนส่งผลให้ราคาปรับลดลงได้ทันเหตุการณ์


/////////

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น