“สามารถ”จี้“สคบ.-พลังงาน-ดิจิทัล-สตช.”ป้องกันสายรัดพลังงานตุ๋นประชาชน
นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ได้โพสต์ Facebook ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับสายรัดพลังงานลวงโลก ว่าวันนี้ตนได้เห็นข่าวนี้มาหลายวัน แต่ก็ไม่เห็นมีหน่วยงานรัฐหน่วยงานใดเข้าไปทลายแหล่งดังกล่าว แต่ก็ยังมีประชาชนตกเป็นเหยื่อของขบวนการเหล่านี้ ทั้งที่มีกฏหมายให้ดำเนินการได้ ไม่ว่าจะกระทรวงดิจิตอลฯ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงพลังงาน เป็นต้น หน่วยงานเหล่านี้ต้องลงพื้นที่ตรวจสอบแสวงหาข้อเท็จจริง และ ปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการหลอกลวงพ่อแม่พี่น้องประชาชน ส่วนตัวผมมองว่าสำหรับสายรัดพลังงานไม่ใช่เป็นเรื่องใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้น โดยมีเรื่องที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้หลายครั้งแล้ว ทั้งบัตรแม่เหล็กลดพลังงานประหยัดไฟบ้าน เหรียญควอนตัมรักษาโรค มีมากมายที่เข้ามาหลอกลวงพ่อแม่พี่น้องประชาชน
ตามที่ผมกล่าวข้างต้นว่าเหนือสิ่งอื่นใดวันนี้หน่วยงานของรัฐต้องแสวงหาข้อเท็จจริงและยุติความขัดแย้ง ยุติการหลอกลวงเพราะสุดท้ายก็จะมีความเชื่อที่ผิดและสูญเสียเงิน บางคนหลงเชื่อเอาไปติดอาจจะเกิดอุบัติเหตุซึ่งเรื่องนี้อาจจะต่อยอดให้เกิดปัญหาเรื่องอื่นอีกในเรื่องความเชื่อที่ผิดๆนั้น จึงไม่แปลกใจที่บางคนอาจจะไปอยู่ในเรื่องอาหารเสริม กินลดความอ้วนสุดท้ายก็มีข่าวเสียชีวิต
นายสามารถ กล่าวว่า ตนคิดว่ากรณีสายรัดพลังงานนี้ ทางกระทรวงพลังงานจะต้องออกมารับผิดชอบ กระทรวงดิจิตอลฯ เลขาธิการ สคบ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ต้องลงมาดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิด สำหรับเรื่องการหลอกลวงฉ้อโกงประชาชนนี้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เคยกำชับมาตลอดเวลาว่าการปราบปรามการฉ้อโกง ซึ่งเรื่องนี้ตนรู้ว่าไม่ใช่เรื่องใหม่และไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่เราปล่อยให้การบังคับใช้กฏหมายบกพร่องจึงเกิดการหลอกลวงพ่อแม่พี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่อง ไม่แปลกใจที่ทำไมแกงค์คอลเซ็นเตอร์ถึงระบาดรวดเร็ว เพราะคนมีอำนาจกลับไม่ทำหน้าที่ อ้างว่าทำไม่ได้ เพราะว่าอยู่ต่างประเทศ ผมว่าท่านนายกฯเปลี่ยนตัวคน วิธีการก็เปลี่ยนแล้ว
วันนี้ผมขอเสนอว่าให้มีการแสวงหาข้อเท็จจริงโดยองค์กรหรือหน่วยงานที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องในการบังคับใช้กฏหมายดูแลประชาชนว่า ควรเอาสายรัดพลังงานดังกล่าวมาทดสอบพิสูจน์หาความจริงว่าสามารถลดพลังงานได้จริงตามที่มีการโฆษณากล่าวอ้างว่าลดพลังงานได้ 30% หรือไม่ ซึ่งวันนี้ประชาชนบอบช้ำจากสภาวะเศรษฐกิจเพราะน้ำมันแพงอยู่แล้ว ดังนั้น ทุกคนจึงพยายามหาทางในการประหยัดพลังงานแต่สุดท้ายก็อาจจะตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพได้ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องรอช้า ขอให้หน่วยงานที่บังคับใช้กฏหมายข้างต้นออกมาปกป้องพ่อแม่พี่น้องประชาชนตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีด้วย อย่าให้ประชาชนลองผิดลองถูกกันเองสุดท้ายเสียเงิน เสียรู้ เสียโอกาส ดังคำกล่าวว่า บ้านมีกฏบ้าน เมืองมีกฏเมือง ดังนั้นผมขอเป็นปากเป็นเสียงให้พ่อแม่พี่น้องประชาชนส่งปัญหานี้ถึงนายกฯด้วยนะครับ
4 หน่วยลุยได้เลย 1.สคบ.2.กระทรวงพลังงาน 3.กระทรวงดิจิตอล 4.สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ถ้า 4 หน่วยงานนี้ไม่ขยับ นายกรัฐมนตรีเปลี่ยนตัวคนทำได้เลย... เพราะ ความเดือดร้อนของพ่อแม่ประชาชนรอไม่ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น