วันอังคารที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

“อลงกรณ์”ชี้ไทยเผชิญ4วิกฤติโลกสร้างโอกาสให้ก้าวขึ้นเป็นมหาอำนาจด้านอาหารภายใต้5ยุทธศาสตร์ปฏิรูปภาคเกษตร

 


“อลงกรณ์”ชี้ไทยเผชิญ4วิกฤติโลกสร้างโอกาสให้ก้าวขึ้นเป็นมหาอำนาจด้านอาหารภายใต้5ยุทธศาสตร์ปฏิรูปภาคเกษตร



นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวบรรยายพิเศษเมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2565 เรื่อง” ก้าวต่อไป เกษตรไทยสู่มหาอำนาจทางอาหารของโลก “โดยมองว่าแม้ประเทศไทยต้องเผชิญ4วิกฤติโลกแต่ก็เป็นโอกาสที่จะผลักดันให้ประเทศไทยเป็นมหาอำนาจอาหารของโลกได้ภายใต้การขับเคลื่อน5ยุทธศาสตร์ปฏิรูปภาคเกษตรเพราะมีความต้องการอาหารเพิ่มขึ้น

โดยนายอลงกรณ์กล่าวว่า

ประเทศไทยมีศักยภาพเป็นประเทศส่งออกอาหารอันดับ 13 ของโลก ด้วยมูลค่ากว่า 1 ล้านล้านบาท

และการส่งออกเติบโต17%ในปี2564 โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเกษตรและอาหารเป็นกลุ่มสินค้าส่งออกลำดับต้นๆ สะท้อนถึงขีดความสามารถของภาคการผลิต การแปรรูปและการตลาดของไทยในตลาดโลก

    แม้ต้องเผชิญ 4 วิกฤติการณ์ของโลก

ได้แก่ 1.โควิด-19 สงคราม 2.รัสเซีย-ยูเครน 3.ประชากรโลกเพิ่มขึ้น 4.ปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศ(Climate Change)ซึ่งทำให้โลกประสบปัญหาระบบการผลิตภาคเกษตรตลอดห่วงโซ่อุปทานตามมาด้วยปัญหาการขาดแคลนอาหาร แต่วิกฤติดังกล่าวก็ส่งผลให้มีความต้องการสินค้าเกษตรและอาหารมากขึ้นโดยเฉพาะประเทศที่ประสบปัญหาความมั่นคงทางอาหาร

เช่นตะวันออกกลาง แอฟริกา เซาท์แปซิฟิก เอเซีย และไม่เว้นแม้แต่ประเทศร่ำรวย เช่น ซาอุดีอาระเบีย และญี่ปุ่นที่ผลิตอาหารได้เพียง 20%และ37%ตามลำดับ

ซึ่งถือเป็นโอกาสในวิกฤติของประเทศไทย



     3ปีที่ผ่านมากระทรวงเกษตรและสหกรณ์เดินหน้าปฏิรูปสร้างศักยภาพใหม่อย่างต่อเนื่องภายใต้5ยุทธศาสตร์ของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อนบนความร่วมมือกับทุกภาคส่วนโดยเฉพาะการจับคู่กับกระทรวงพาณิชย์(นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพาณิชย์)

1.ยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิต

2.ยุทธศาสตร์เทคโนโลยีเกษตร 4.0 

3.ยุทธศาสตร์ 3’s (safety - Security - Sustainability เกษตรปลอดภัย เกษตรมั่นคง และเกษตรยั่งยืน) 

4.ยุทธศาสตร์ การทำงานเชิงบูรณาการทุกภาคส่วน 5.ยุทธศาสตร์เกษตรกรรมยั่งยืนบนศาสตร์พระราชา


 

     นายอลงกรณ์ได้ยกตัวอย่างนโยบายและโครงการบางส่วนซึ่งเป็นหนึ่งในคานงัดสร้างจุดเปลี่ยนเพื่อเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถใหม่ให้กับภาคเกษตรของไทย เช่น 1. ศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (AIC : Agritech and Innovation Center) และ 766 นวัตกรรม Made In Thailand  2. ศูนย์ข้อมูลเกษตรแห่งชาติ (National Agriculture Big Data Center: NABC) 3. ดิจิตอล ทรานสฟอร์เมชั่น (Digital Transformation) ปฏิรูปการบริหารราชการและการบริการประชาชนของกระทรวงเกษตรฯ 4. เกษตรอัจฉริยะและตลาดออนไลน์ 5. เกษตรกรรมยั่งยืนในเมือง-ชนบท 6. เกษตรแห่งอนาคต อาหารแห่งอนาคต 7. โลจิสติกส์เกษตร เชื่อมไทย-เชื่อมโลก 8. เกษตรแปลงใหญ่ สตาร์ทอัพเกษตร 9. ยกระดับเกษตรกรก้าวใหม่ 10. เกษตรสร้างสรรค์สู่เกษตรมูลค่าสูง (The Brand Project) เน้นแปรรูปสร้างมูลค่าและพัฒนาแบรนด์ 11. การพัฒนาเชิงพื้นที่ (Area base) ไม่มีเหลื่อมล้ำ และ 12. เปิดกว้างสร้างหุ้นส่วน(Partnership platform)ในประเทศและต่างประเทศ



    นายอลงกรณ์กล่าวว่า “การปฏิรูปแบบปรับโฉมหน้าประเทศไทย(Reshaping Thailand)ให้แข็งแกร่งกว่าเดิม ไม่เพียงแต่สามารถก้าวข้ามจุดอ่อนและปัญหาในอดีตแต่พร้อมเผชิญหน้ากับปัญหาปัจจุบันและความท้าทายของอนาคตเช่นปัญหาต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันแพง ปัญหาปุ๋ยเคมีและราคาอาหารสัตว์สูงขึ้นหรือปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว ปัญหาเงินเฟ้อและดอกเบี้ยสูง ปัญหาอัตราแลกเปลี่ยนไม่แน่นอน

    เมื่อโอกาสมาพร้อมศักยภาพใหม่ ประเทศไทยก็สามารถเดินหน้าขึ้นแท่นเป็นประเทศผู้ส่งออกอาหารอันดับท็อปเทนของโลกและมหาอำนาจอาหารของโลก.”


ทั้งนี้งานสัมนาเรื่อง “Next Normal: ธุรกิจเกษตรต้องปรับตัวอย่างไร หลังโควิดสู่โรคประจำถิ่น”ดังกล่าวจัดโดยนสพ.เทคโนโลยี่ชาวบ้านเครือมติชน-ข่าวสดงานเมื่อวันที่ 12 ก.ค.2565./



#สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น